บทที่ 1066 สร้างหอพัก
บทที่ 1066 สร้างหอพัก
ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากซุนเสี่ยวอวี๋
ฐานะทางบ้านชายคนนี้ไม่ดีเท่าไร ถึงจะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำด้วยความสามารถตัวเองก็ตาม
ช่วงก่อนปีใหม่คือช่วงทำยอดขาย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจครั้งใหญ่
ด้วยความที่ไม่เชื่อว่าจ้าวหงเหมยจะหาเงินได้มากกว่าตนที่ทำมาครึ่งปี
เผอิญมีเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้กลับบ้าน และตั้งใจมาทำงานกับซุนเสี่ยวอวี๋พอดี
พอได้ยินข่าวแล้ว ซูเสี่ยวเถียนก็ดีใจมาก
เฉียนเสี่ยวเป่ยรู้จักกับซุนเสี่ยวอวี๋ ถึงจะไม่สนิท แต่ก็ดีกว่าคนแปลกหน้า
เธอติดต่อหาซุนเสี่ยวอวี๋ทันที เป็นกลุ่มชายสองหญิงหนึ่งที่กำลังหาบ้าน
“เสี่ยวอวี๋ ไม่ต้องไปหาบ้านแล้วนะ เดี๋ยวฉันหาให้ ช่วงปีใหม่ถ้าไม่ติดอะไรไปพักที่ฟาร์มสิ พวกนายคิดว่าไง?”
ด้วยคำแนะนำของเธอ ทำให้อีกฝ่ายสับสนไปชั่วขณะ ตั้งแต่เมื่อไรที่ทางนั้นแก้ปัญหาเรื่องที่พักสำหรับคนที่ไม่ใช่บุคลากรในโรงงานละเนี่ย
แต่ตนไม่กลัวความลำบากหรอก ขอแค่ได้ประหยัดเงินก็เอา
“จริงหรือ?”
“จริงสิ พี่สี่มีห้องพักอยู่สองห้องน่ะ พอดีแกว่าจะทำเป็นห้องพักพนักงาน พวกนายไปอยู่ที่นั่นได้นะ”
“พอดีปีใหม่บ้านฉันจะกลับบ้านเกิดน่ะ เลยห่วงเรื่องทิ้งเสี่ยวเป่ยไว้คนเดียวที่ฟาร์ม อยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนหน่อย”
“ไม่ต้องเตรียมอาหารการกินหรอก ที่ฟาร์มมีแล้ว! เสี่ยวเป่ยทำอาหารเก่งนะ”
ซุนเสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าดีมาก
หลังจากปรึกษากัน ทุกคนก็ตอบตกลง
เมื่อถึงวันที่ 22 เธอจะให้เพื่อน ๆ ไปพักที่ฟาร์ม ตอนนั้นยอดขายน่าจะไม่เร่งทำมากเท่าไรแล้วละ
ต่อให้มีคนสั่งจอง แต่เราออกไปส่งตอนกลางวันได้ ตกดึกก็กลับมานอนที่ฟาร์ม ไม่ได้เสียเวลาอะไรด้วย
เมื่อปัญหาได้รับการคลี่คลาย ซูเสี่ยวเถียนก็บอกเรื่องซุนเสี่ยวอวี๋ให้เพื่อนสาวรู้
จากนั้นก็พาเสี่ยวเป่ยไปที่ฟาร์ม เพื่อทำความคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่นก่อน
แม้จะเป็นคนเก็บตัว แต่เวลาทำงานจริงจังมาก
หลังจากตั้งใจศึกษากับหวังเซียงฮวา เธอก็ค้นพบว่าการทำฟาร์มกับเลี้ยงหมูที่บ้านมีข้อแตกต่างอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งยังปรับตัวได้รวดเร็วอีก
ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้กลับทันที แต่แวะดูงานที่โรงงานก่อน
การขยายโรงงานประสบผลสำเร็จอย่างมาก เราติดตั้งไลน์ผลิตที่สองเอาไว้แล้ว และจะดำเนินงานก่อนช่วงปีใหม่
มีสูตรอาหารใหม่เพิ่มขึ้นด้วย และจากคำแนะนำของเธอ ทางโรงงานจึงได้ทำแพ็กเกจของขวัญอาหารไว้ด้วย อีกทั้งช่วงนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย
ตอนนี้เหล่าคนงานทำงานล่วงเวลาเพื่อผลิตแพ็กเกจนี้อยู่
ซูเสี่ยวเถียนพึงพอใจผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงนี้มาก
ถ้าอยากพัฒนาก็ต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีแค่นวัตกรรมเท่านั้นที่สามารถบรรลุผลของการพัฒนาได้
เด็กสาวอ่านรายงานของเดือนนี้พลันดีใจขึ้นมา พร้อมเตรียมวางแผนกับเหลยเกาเชาแล้วว่าจะให้รางวัลคนงานช่วงปีใหม่ยังไงดี
ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายเข้ามาแจ้งข่าวดี
“เจ้านายครับ ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากทางเมืองจินว่าต้องการสั่งแพ็กเกจของขวัญอาหารจากทางเราด้วยครับ พวกเขาบอกว่าให้คนไปเสนอขายตามบ้านท่าจะดี”
“เยี่ยมเลยค่ะ ถ้ามีคำสั่งซื้อเราจะยิ่งพัฒนาได้ไวขึ้นค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ “แล้วกำลังผลิตของเราตอนนี้พอหรือเปล่า?”
“พอครับ แต่ว่ากลัวช่วงปีใหม่คนงานจะไม่ได้พักน่ะ”
เหลยเกาเชาดีใจมากจนพูดไปเรื่อย
เพราะไม่ได้หยุดงานเท่ากัน จึงต้องจ่ายค่าล่วงเวลาใช่ไหมล่ะ ว่าแต่ต้องจ่ายจะเท่าไรกันนะ?
เด็กสาวไม่เคยเห็นผู้อำนวยการกระตือรือร้นแบบนี้มาก่อนเลย แต่โรงงานพัฒนาไวขนาดนี้ก็ควรดีใจอยู่หรอก
“ลำบากคุณแล้วค่ะ เพราะช่วงปีใหม่ไม่ได้หยุดเลยทำให้คนงานต้องทำงานล่วงเวลา เงินที่ได้จะได้รับเป็นสามเท่าค่ะ แล้วเราก็ต้องทำเหมือนโรงงานรัฐด้วย มีเงินพิเศษ สวัสดิการต่าง ๆ จะให้พวกเขาทำงานเฉย ๆ ไม่ได้”
“เจ้านายครับ สวัสดิการสำหรับปีใหม่เป็นสินค้าจากโรงงานเราเองหรือจะซื้อสินค้าอื่น ๆ ครับ?”
“นอกจากให้แพ็กเกจของขวัญที่เราเปิดตัวแล้ว ทุก ๆ คนจะได้รับผลไม้คนละกล่องค่ะ ให้คนไปจัดซื้อไว้ก็ได้นะ”
นอกจากกินเนื้อสัตว์แล้วควรได้กินผลไม้ด้วย
อาหารสองสิ่งนี้ถือเป็นของฟุ่มเฟือย ตอนคนงานทราบ พวกเขาดีอกดีใจกันมาก
ปีนี้ชีวิตดีแน่นอน ทำให้เจ้าพวกที่ดูถูกเรามันเห็นไปเลย
ถึงแรงงานในสมัยนี้จะได้รับความนิยม
แต่ส่วนมากเป็นคนงานในภาครัฐวิสาหกิจน่ะ แล้วก็คนงานในวิสาหกิจรวมหมู่ด้วย
แต่คนงานในโรงงานเอกชนเล็ก ๆ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนดูถูก
ถึงจะได้เงินเดือนเยอะทุกเดือน แต่ก็ยังคิดว่าด้อยกว่าเสมอ
พวกเขาเลยชินชากับการโดนเปรียบเทียบกับพวกญาติ ๆ ที่ทำงานในโรงงานรัฐมาก
ถึงโรงงานแปรรูปอาหารจะเป็นธุรกิจเอกชน แต่เสี่ยวเถียนไม่มีเจตนาจะแสวงหาประโยชน์จากแรงงานหรอกนะ
โดยพื้นฐานแล้ว การปฏิบัติต่อคนงานของเราไม่ได้ต่างไปกว่าที่โรงงานรัฐทำหรอก
เธอต้องทำให้พวกเขาที่ไม่มีความมั่นใจได้มีความเชื่อใจต่อตัวโรงงานน่ะ
คนงานในตอนนี้จึงพึงพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่มาก
หลายปีที่ผ่านมามีคนลาออกไปไม่เยอะเท่าไร
คนขี้เกียจมีอยู่แล้ว เหลยเกาเชาก็มีวิธีการจัดการของเขาเอง
ด้วยความที่เจ้าตัวให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของโรงงานเป็นอันดับแรกอยู่ตลอด หากไม่ใช่เพราะมีเจ้านายเป็นซูเสี่ยวเถียนคงโยนงานนี้ให้เธอจัดการแล้ว
แน่นอนว่าเงินเดือนที่ให้กับเขาสูงกว่าเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูง ๆ ในบริษัทรัฐวิสาหกิจเสียอีก
แถมปลายปียังมีการแจกเงินปันผลอีก สิ่งนี้จึงทำเอาเหลยเกาเชาแทบเหาะเลย
เขารู้สึกขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองจริง ๆ ที่ไม่เลือกกลับบ้านแล้วหางานทำที่เมืองหลวง การได้ทำงานกับซูเสี่ยวเถียนทำให้เขามีชีวิตที่ต่างออกไปจริง ๆ
“ผู้อำนวยการเหลย หากประสิทธิภาพของโรงงานในปีหน้ายังคงไว้แบบนี้ได้ เราจะพิจารณาสร้างหอพักเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่ให้พนักงานค่ะ”
ซูเสี่ยวเถียนกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่
เพราะบ้านเดี่ยวในยุคนี้มีหน่วยงานคอยจัดการน่ะ คนเลยซื้อกันน้อย
เสี่ยวเถียนว่าจะใช้เส้นทางนี้แหละ
เมื่อก่อนคงไม่กล้าทำหรอก แต่ตอนนี้โรงงานกำลังพัฒนาไปได้สวยน่ะสิ
เหลยเกาเชาตกใจมาก
อยากสร้างหอพักให้พนักงาน?
คิดเรื่องนี้อยู่หรือ?
เขาจ้องเธอด้วยสายตาราวกับอยากจะถามว่าจริงหรือเปล่าเนี่ย?