บทที่ 1088 โจมตีติดคริติคอลหนึ่งหมื่นดาเมจ
บทที่ 1088 โจมตีติดคริติคอลหนึ่งหมื่นดาเมจ
ซูเสี่ยวถงได้ยินคำทักทายถึงเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องอะไร
“ผู้ใหญ่บ้านให้พี่มาบอกเธอว่าไปหาท่านตอนบ่ายด้วย เห็นว่ามีเรื่องอยากปรึกษาน่ะ”
อันที่จริงเขาไม่เข้าใจเลยว่าถ้ามีเรื่องอยากคุยกับคนบ้านซู น่าจะเป็นเลขาเฉินหรือไม่ก็คุณปู่ซู อย่างน้อยก็ควรเป็นผู้อาวุโสในบ้านหรือเปล่า
แล้วทำไมถึงปรึกษาเรื่องพวกนี้กับเด็กผู้หญิง
แล้วตัวอีกฝ่ายก็ดูไม่แปลกใจเลยด้วย
“รับทราบค่ะ ข้างนอกหนาวนะ พี่เข้ามานั่งผิงไฟในบ้านก่อนไหม?”
“ไม่ละ เดี๋ยวญาติพี่จะมาหาน่ะต้องกลับแล้ว อย่าลืมนะ ตอนกลางวันกินข้าวเสร็จไปหาผู้ใหญ่บ้านด้วย”
ว่าจบก็รีบจากไป
ซูเสี่ยวเถียนมองอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รีบเร่งเชียว ยังหนุ่มยังแน่นสินะ!”
ตัวคนพูดไม่ได้นึกอะไร แต่คนฟังรู้สึกแปลก ๆ
เด็กวัยสิบกว่าบอกชายวัยยี่สิบยังหนุ่มยังแน่นนี่จะต้องคิดว่าไงล่ะ?
ครอบครัวซูหม่านซิ่วเดินทางกลับในวันที่สี่
คุณย่าซูง่วนกับการเตรียมอาหารให้พวกเขาไว้กินระหว่างทาง ส่วนบางอย่างสามารถเก็บไปกินที่บ้านได้
หม่านซิ่วช่วยแม่อยู่ในครัว คอยชวนคุยไปด้วย
กลับไปรอบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร
อีกอย่างหม่านเซียงก็ไม่อยู่แล้วด้วย ทุก ๆ ปีใหม่คุณย่าซูจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร บ้านเราล้วนรู้เรื่องนี้กันหมด
นี่คือสาเหตุที่เธอยอมเดินทางหลายพันลี้เพื่อมาใช้เวลาด้วยกันในช่วงปีใหม่ยังไงละ
มาเอาอกเอาใจท่าน!
เฉินจื่ออันนั่งสนทนาเรื่องการพัฒนาในอนาคตกับคนบ้านซูอยู่ในห้องหลัก
ตอนที่เห็นหลานสาวกลับเข้ามา เขาก็ยิ้มทักทาย “เสี่ยวเถียน หนูจะไปดูโรงงานเมื่อไรหรือ?”
เด็กคนนี้ใจกล้ามาก สร้างโรงงานใหญ่โตขนาดนั้นแต่ไม่เคยไปดูเลย
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “ได้คนที่อาเขยหามาให้หนูจะกังวลได้ยังไงกันคะ? อีกอย่างพี่มู่มู่ก็มาหาออกจะบ่อย มีอะไรให้ห่วงกัน?”
“ไว้วางใจสินะ!” เฉินจื่ออันว่า “อยากตามพวกอาไปลี่เฉิงไหม?”
เด็กสาวโดนข้อเสนอล่อลวง
ลี่เฉิงในยุคนี้ยังไม่รุ่งเรืองเหมือนปัจจุบัน แต่น่าจะใกล้แล้วละ ถ้าได้ไปเที่ยวที่นั่นคงมีความหมายไม่น้อยเลย
เธอหันไปมองคุณปู่ด้วยท่าทีขอความเห็น
ชายชราส่ายหัว “ไม่ได้ ๆ หลานไปคนเดียวปู่ไม่วางใจ!”
ไม่ว่าซูเสี่ยวเถียนจะเก่งแค่ไหน แต่สำหรับเขา เธอก็ยังเป็นแค่เด็กเท่านั้น
“หนูโตแล้วนะคะ!” เด็กสาวออดอ้อน
ทว่าคุณปู่ซูไม่เห็นด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ มีผมกับหม่านซิ่วอยู่ด้วย ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงนะ” เฉินจื่ออันคิดว่าหลานสาวควรได้เห็นโลกกว้างกว่านี้
เด็กคนนี้มีอนาคตที่ดีรออยู่ จึงควรเรียนรู้ไว้ล่วงหน้าจะดีกว่า เขาถึงพาเธอออกไปเห็นโลกข้างนอก
เฉินจื่ออันไม่รู้ว่าซูเสี่ยวเถียนย้อนเวลามาจากอนาคต จึงได้เห็นอะไรมามากมายแล้ว
คุณปู่ซูส่ายหัว “แล้วขากลับไม่ต้องเดินทางคนเดียวหรือไง?”
เฉินจื่ออันเงียบ!
จริงด้วย เขาไม่มีเวลาว่างพอมาส่งหลาน
“เดี๋ยวผมไปกับน้องเองครับ!” ซูซื่อเลี่ยงได้ยินบทสนทนาพอดี “ผมรู้เรื่องโรงงานอยู่บ้าง ไปแล้วอาจจะช่วยน้องได้”
ชายหนุ่มเคยอยู่ที่นั่นมาเกือบปี หากถามว่าใครในบ้านคุ้นเคยกับโรงงานแปรรูปอาหารหลู่เซียงเซียงมากที่สุดนั่นก็คือเขายังไงละ
ซูเสี่ยวเถียนรีบวิ่งไปกอดแขนพี่ชาย “ขอบคุณพี่รองมากค่ะ รู้อยู่แล้วว่าพี่แสนดีที่สุด!”
ซูเสี่ยวซื่อได้ฟังดันไม่พอใจ
ทำไมพี่รองต้องเก่งที่สุด?
“เสี่ยวเถียน ทำร้ายจิตใจพี่สี่แบบนี้ได้ยังไง? พี่ไม่ได้เรื่องแบบนั้นเชียวหรือ? เพราะไม่มีเวลาไปที่หรงเฉิงเป็นเพื่อนเธอเนี่ยนะ?”
ซูเสี่ยวเถียนกลอกตาใส่ “ที่พี่ไม่มีเวลาให้มันใช่ปัญหาหนูหรือ? เรื่องที่ไม่ใส่ใจพี่ใช่ปัญหาหนูอีกหรือไง? ดูพี่รองเขาสิ มีคนรักแล้วแต่ยังดีกับหนูขนาดนี้ พึ่งพาได้กว่าตั้งเยอะ!”
ซูเสี่ยวซื่อถึงกับเงียบกริบ “…”
โดนฟาดเต็มเปาเลย ทำไงดีเนี่ย?
“เสี่ยวเถียน ทำไมทำตัวน่ารักน้อยลงทุกวันเลย!”
คิดถึงน้องสาวที่แสนอ่อนโยนตอนเด็กจริง ๆ น่ารักกว่าเยอะ เหมือนตอนนี้เสียที่ไหนล่ะ?
“พี่สี่หาเงินไปนั่นแหละดีแล้ว แต่รอบหน้าให้เงินหนูน้อยกว่านี้ก็พอ!”
“ไม่ได้หรอก มีอะไรต้องคุยกัน เรื่องเงินน้อยก็ไม่ได้ด้วย”
ชายหนุ่มคัดค้าน เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และคนแบบนี้จะต้องไม่ขาดทุนไม่งั้นจะเสียผลประโยชน์เอา
“งั้นให้เธอสองหมื่นแล้วกัน เรื่องที่คุยกันไว้ยังเอาตามเหมือนก่อนหน้านี้ไหม?”
เขาคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
แค่หาเงินได้แล้วก็เอาให้น้องสาว
ทุกคนในห้องเงียบสนิท
สองหมื่นหยวน?
เราได้ยินผิดหรือเปล่าเนี่ย?
ซูเสี่ยวซื่อเขินอายเล็กน้อยตอนทุกคนจ้องมองมา
“น้อยไปหรือ ไม่งั้นเดี๋ยวให้เพิ่มอีกก็ได้!”
ช่วงนี้น้องใช้เงินเยอะไปหน่อยเลยไม่มีเงิน จึงมาปรึกษาเขา
ด้วยความที่มีอยู่เลยคิดว่าพอจะทำให้น้องมีความสุขได้
“พอค่ะ ๆ งั้นตกลงตามนี้นะ!”
ตอนนั้นทุกคนหันมาสนใจซูเสี่ยวเถียนแทน
เด็กคนนี้เพิ่งได้เงินสองหมื่นเลยนะ?
ถ้าเป็นคนอื่นเพิ่งจะได้เดือนละหนึ่งร้อยหยวนเอง ตกปีหนึ่งรวมกันพันหยวน แล้วเธอได้มากกว่าคนอื่นรวมสิบปีอีกนะ?
“แบบนี้นี่เอง พี่คนจนสองคนนี้คงต้องพึ่งพาเสี่ยวเถียนจ่ายค่าเดินทางไปลี่เฉิงแล้วละ!”
ทีแรกซูซื่อเลี่ยงก็คิดอยู่แล้วว่าตัวเองมีเงินน้อย แต่ฟังบทสนทนาคนทั้งสองจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองจนที่สุด!
เอ่ยขอสองหมื่นนี่มันใช่สิ่งที่คนปกติเขาทำกันหรือ?
ซูเสี่ยวซื่อมองพี่ชายด้วยความไม่ชอบใจ
“พูดจาแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? เสี่ยวเถียนเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง พี่กล้าใช้เงินน้องได้ยังไง”
ซูซื่อเลี่ยงมองน้องในไส้ที่สมควรโดนทุบ ก่อนเอ่ยด้วยความโมโห “ชาวบ้านมาเห็นคงคิดว่าฉันกับแกคนละพ่อคนละแม่ด้วยซ้ำ!”
“เหอะ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” ว่าจบก็หมุนตัวหนีไปเลยไม่สนใจเสียงพี่ชายสักนิด
ทำอย่างกับเขาไม่รู้ว่าพี่มีเงินในมืออยู่เหมือนกัน
ขายงานวาด ได้เงินปันผลทุกปี ร่ำรวยกว่าคนอื่นอีก แล้วยังกล้าพูดว่าให้น้องช่วยค่าใช้จ่ายอีก ไร้ยางอายจริง ๆ!
ส่วนซูเสี่ยวเถียนรู้สึกว่า การที่พี่รองจะมาเป็นเพื่อนแล้วต้องค่าใช้จ่ายเองมันไม่สมควรน่ะ
“ได้ค่ะพี่รอง เดี๋ยวหนูช่วยเอง!”
ชายหนุ่มอารมณ์ไม่ดีไม่พอ ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก
ดูน้องเราสิ ท่าทางภูมิใจเชียว
ซูซื่อเลี่ยงที่โดนโจมตีด้วยหมื่นดาเมจถึงกับร่วงลงไปราวกับมะเขือตากน้ำค้างจนเหี่ยว