บทที่ 1101 ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
บทที่ 1101 ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ครอบครัวของซูหม่านซิ่วมีลูกหลานสามคนที่ได้เรียนห้องพิเศษของโรงเรียนมัธยมอันดับ 7
แค่นี้ก็ทำให้คนไม่กล้าดูถูกแล้วละ
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “ตอนที่พวกเราเรียนอยู่ห้องพิเศษต้องขยันกันมาก ๆ เลยค่ะ ไม่อย่างนั้นจะโดนเพื่อน ๆ แซงเอาได้ พูดเรื่องนี้แล้วก็เพื่อน ๆ ทุกคนเก่งกันมากเลยนะคะ”
เด็กสาวพูดคุยอยากเป็นกันเองราวกับเป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่หลัวอี้เหวินเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง
ใช่อย่างที่ตนคิดไหม?
เธอเกือบโดนเพื่อน ๆ ไล่ตาม ไม่ใช่พยายามไล่ตามเพื่อน ๆ ใช่ไหม?
งั้นก็แปลได้ว่าเด็กคนนี้เก่งที่สุดในห้อง ผลการเรียนยอดเยี่ยมที่สุดสินะ?
ถ้าไม่ดีจริงคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงไม่ได้หรอก
ด้วยอันดับของมหาวิทยาลัยไม่มีอะไรให้สงสัยสักนิด
“ไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเถียนจะเก่งขนาดนี้ วันนี้ถือว่าเราได้พบกันแล้วนะ เจ้าเด็กไม่ได้เรื่องที่บ้านของป้าสอบเข้าแค่มหาวิทยาลัยในมณฑลเองจ้ะ ต้องแสดงให้เห็นสักหน่อยความว่าเป็นเลิศคืออะไร”
ซูเสี่ยวเถียนกลายเป็นที่เปรียบเทียบกับลูกที่บ้านหลัวอี้เหวินโดยไม่รู้ตัว
ตู้เลี่ยงกำลังสงสัยว่าเด็กคนนี้โม้หรือเปล่า
เพราะเด็กชนบทไม่มีทางสู้เด็กที่ได้รับการศึกษาอยู่แล้ว
ตอนเดินออกมาเขาจึงไถ่ถามสิ่งที่สงสัยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม เนื่องจากเจ้าตัวคิดว่าซูเสี่ยวเถียนโกหก
แต่ฝ่ายภรรยากลับทอดถอนใจ “ฉันทำงานอยู่ในแวดวงนี้นะ จริงหรือหลอกจะฟังไม่ออกได้ยังไง?”
ตระกูลซูมากพรสวรรค์จริง ๆ เธอวิเคราะห์จากทุกอย่างที่ได้มาแล้วพบว่า ซูเสี่ยวเถียนคือนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเด็กเก่งตอนนั้นแน่ ๆ
ตู้เลี่ยงประหลาดใจ “ไม่ได้โม้หรือ?”
“ไม่ได้โม้อยู่แล้ว ความรู้มากกว่าครูทั่วไปอีก ต่อให้ฉันที่มีประสบการณ์มาสิบกว่าปียังเทียบไม่ติดเลย!”
สามียิ่งตกใจหนักกว่าเก่า
เขารู้ว่าภรรยาเป็นครูที่เก่งมาก หากไม่ต้องดูแลเธอคงไม่ย้ายจากโรงเรียนมัธยมปลายในมณฑลมาอยู่ลี่เฉิงหรอก
แล้วห้องสมุดเดินได้ของเขากลับมีความรู้ไม่มากเท่าซูเสี่ยวเถียนเนี่ยนะ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง?
แน่นอนว่าคู่แรกมาแล้ว ย่อมมีคู่อื่นตามมาด้วย ซูเสี่ยวเถียนได้พบปะกับทุกคนและประพฤติตัวไว้ดีมาก
และไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เพียงบอกเรื่องราวที่บ้านให้ฟังคร่าว ๆ
วันรุ่งขึ้น สมาชิกที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ทราบกันหมดว่าซูหม่านซิ่วเป็นผู้หญิงที่มาจากตระกูลนักวิชาการอย่างแท้จริง
แล้วทำไมถึงไม่มีใบรับรองการศึกษา เรื่องนี้ไม่เป็นที่แน่ชัด
แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสักหน่อย
“มิน่าล่ะว่าทำไมถึงเขียนหนังสือได้ ที่แท้พวกเราก็เข้าใจผิดไปเอง!”
“ก่อนหน้านี้ก็ไปอวดมาว่าเคยเรียนหนังสือมายกใหญ่ คิด ๆ ดูแล้วพวกเขาอาจจะหัวเราะเยาะอยู่ก็ได้!”
พวกผู้หญิงนั่งล้อมกันเก็บผัก และกระซิบกระซาบ
“ฉันว่าเธอคนนั้นคงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก ว่ากันว่าคนที่มาจากตระกูลสูงส่งมักใจดีน่ะ”
มีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ยังไงก็ตาม อนาคตคงประมาทไม่ได้แล้ว”
หญิงวัยกลางคนผมสั้นรูปร่างผอมเพรียวเอ่ยขึ้น แววตาเหลือบมองผู้หญิงที่อายุมากกว่าอีกคนเล็กน้อย
ฝ่ายคนโดนมองจ้องกลับ
“ก็พูดไปสิ จะมามองฉันทำไม?”
เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
แต่ทุกคนที่นี่ต่างรู้กันดี
หญิงที่อายุมากสุดในกลุ่มคนนี้ชื่อโจวเยวี่ยน สามีเธอเป็นผู้อำนวยการของสำนักงานแห่งหนึ่งในลี่เฉิง มีลูกสาวหนึ่งคนเพิ่งกลับมาจากชนบทเมื่อหลายปีก่อน
และหลังจากกลับมา เจ้าตัวกลับไม่พบคู่ครองที่เหมาะสมเลย
ต่อมาโจวเยวี่ยนถูกใจผู้นำแห่งลี่เฉิงอย่างเฉินจื่ออันไม่น้อย
แม้จะรู้ข่าวว่าเจ้าตัวมีภรรยามีลูกแล้ว แต่ฝ่ายภรรยากลับเป็นสาวบ้านนอก ครอบครัวไม่มีภูมิหลังจึงต้องการเอาลูกไปแทนที่
เพราะคิดว่าลูกสาวของเธอยังสาวยังสวย ครอบครัวมีภูมิหลังแข็งแกร่ง เรียกว่าดีกว่าซูหม่านซิ่วเยอะ
จึงพยายามทำทุกวิถีทางให้ลูกได้ใกล้ชิดกับเฉินจื่ออัน
ทว่าน่าโมโหตรงที่ฝ่ายนั้นน่าเบื่อมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่ชอบลูกสาวตนเลย
ทีแรกยังนึกอยู่ช่วงปีใหม่จะหาทางสร้างสถานการณ์ให้คนทั้งสองได้หรือเปล่า
แต่อีกฝ่ายดันเดินทางไปฉลองปีใหม่ที่บ้านพ่อแม่ภรรยา โจวเยวี่ยนโมโหแทบตาย
เธอได้แต่ด่าในใจ กลับบ้านไปฉลองปีใหม่บ้านพ่อแม่ภรรยานี่มันหมายความว่ายังไง?
ไม่คิดอยู่รอให้เราไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านหน่อยหรือ?
แต่เธอไม่กล้าพูดออกไป
หลังจากรออีกฝ่ายกลับมา กลายเป็นว่าเขาไม่ได้กลับมาแค่นี้
แต่พาหลานชายหลานสาวของซูหม่านซิ่วมาด้วย และได้ข่าวว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงกัน
โจวเยวี่ยนจึงตกใจไม่น้อย
คนที่เคยคิดว่าไม่มีดีอะไรกลับมาจากตระกูลนักวิชาการ
แล้วเราจะไปทำอะไรได้?
โจวเยวี่ยนไม่สงสัยอะไรแล้ว ครอบครัวที่มีลูกหลานเป็นนักศึกษาต้องไม่ธรรมดาแน่
เธอรับรู้ได้ทันทีว่าลูกเขยที่เพ่งเล็งเอาไว้กำลังบินหนีไป
“ด้วยอายุเสี่ยวเฉินไม่น้อยแล้วนะ ถึงเวลาแต่งงานแล้ว หลายวันก่อนมีคนมาพูดกับฉันว่าสนใจลูกสาวเธอน่ะ เลยวานให้ฉันมาบอก” หญิงผมสั้นบอก
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่พูดแบบนี้หรอก
แต่สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว เพราะภรรยาเลขาเฉินไม่ได้เป็นคนไร้ภูมิหลัง
ต่อให้เกิดที่ตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ปัจจุบันครอบครัวเธออยู่เมืองหลวง หลานชายหลานสาวเก่งกันทั้งนั้น
รอโตขึ้นอีกหน่อยคงได้เป็นมือขวาเลขาเฉินแน่
โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ
ใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะเข้ากันได้หรือ?
สีหน้าโจวเยวี่ยนบิดเบี้ยว ไม่มีหวังเลย
แต่จะยืดเยื้อต่อไปก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
พอกลับถึงบ้านจะลองถามเสี่ยวเฉินดูว่าคิดยังไง
หญิงสาวอายุยี่สิบกว่า แถมยังไม่ได้แต่งงาน เสียเวลาไปเยอะมาก
เรื่องพวกนี้ซูเสี่ยวเถียน ซูหม่านซิ่ว และคนอื่น ๆ ไม่รู้
เด็กสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการโอ้อวดของตนสร้างเรื่องให้คนในบริเวณนั้นเสียแล้ว
หลังจากตื่นแต่เช้า เธอก็กินอาหารเช้าง่าย ๆ แล้วเดินทางไปโรงงานกับซูซื่อเลี่ยง