บทที่ 1106 ทนไม่ไหวจนต้องเสนอหน้าออกมา
บทที่ 1106 ทนไม่ไหวจนต้องเสนอหน้าออกมา
เพราะยังไงเรื่องการพัฒนาให้ทันยุคสมัย คนสมัยนี้ไม่ได้คิดกันเท่าไรหรอก
ระหว่างเด็กสาวเดินเข้ามาในห้องแล้ว
ในฐานะที่เป็นเจ้านาย ซูเสี่ยวเถียนนั่งลงตำแหน่งแรกโดยไม่คิดสุภาพ
ซูซื่อเลี่ยงและอวี๋กวางฮุยนั่งขนาบข้าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งตามลำดับตำแหน่งงาน
ต้วนหงหย่วนที่มาเป็นเพื่อนตำแหน่งน้อยสุดจึงนั่งคนสุดท้าย
เขาตื้นตันใจมาสักพักแล้ว
ในฐานะเจ้าหน้าที่เสมียน ตนไม่เคยได้รับโอกาสเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่คิดเลยว่าเพิ่งเจอเจ้านายวันแรกกลับมีแววได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว
ตอนนั้นเองที่ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยขึ้น
“ผู้อำนวยการอวี๋ ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ!”
อวี๋กวางฮุยกำลังจะแนะนำบุคลากรให้ฟังพอดี
“ถ้ามีเรื่องอะไรเจ้านายแจ้งผมมาได้เลยครับ” แม้จะตกใจ แต่ความเป็นมืออาชีพทำให้เขารับหน้าได้ทันท่วงที
ว่ากันตามตรง ซูเสี่ยวเถียนเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ เธอจึงสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ
แต่เพราะยังไม่รู้จักเจ้านายมาก ตนจึงเตรียมความพร้อมเผื่อเธอเข้ามาแทรกแซงในการผลิตและการดำเนินงานไว้เสมอ
“ฉันเห็นว่าต้วนหงหย่วนดูใช้ได้เลยอยากให้คอยติดตามช่วงนี้ไปก่อนน่ะค่ะ เป็นไปได้ก็อยากให้มาเป็นผู้ช่วยฉันหลังจากนี้ พวกคุณเห็นว่ายังไงคะ?”
น้ำเสียงเหมือนหารือ แต่คนฟังมีหรือจะไม่รู้ว่าตัดสินใจไปแล้ว
เธอไม่ได้จะเอาเดี๋ยวนั้นเสียหน่อย เพราะพูดคำว่า ‘หลังจากนี้’
“ได้อยู่แล้วครับ ความสามารถด้านอื่น ๆ ของต้วนหงหย่วนถือว่าดีเลยครับ มีแค่วุฒิการศึกษาที่ต่ำไปหน่อย” เขาเหลือบมองคนที่กล่าวถึงด้วยสายตาอย่างมีนัย
ไม่คิดเลยว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต้วนหงหย่วนจะเป็นที่ถูกใจเจ้านายเสียแล้ว
ต้วนหงหย่วนตื่นเต้นไม่น้อย
ไม่คิดเลยว่าผู้ช่วยต้วนที่เจ้านายเรียกจะหมายถึงแบบนั้นจริง ๆ ถึงไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ทำอะไรบ้าง แต่ก็ถือว่าได้รับการเลื่อนตำแหน่งอยู่ดี
ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า “เขาพูดจีนกลางได้ดีเลยค่ะ”
ทุกคนในบริเวณเกิดความอึดอัดขึ้นมา
เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนในท้องถิ่น แม้ไม่ใช่คนลี่เฉิง แต่เป็นคนจากพื้นที่ใกล้เคียงอย่างหรงเฉิงน่ะ สำเนียงจึงชัดเจนมาก
แม้กระทั่งอวี๋กวางฮุยก็ไม่เก่งจีนกลางเช่นกัน
แต่เมื่อก่อนไม่เคยเกิดปัญหาระหว่างทำธุรกิจนะ
เพราะส่วนใหญ่เป็นคนในลี่เฉิง เวลาทำธุรกิจเลยรู้ภาษาถิ่นอยู่บ้าง
พอเจ้านายว่าแบบนี้ ทุกคนจึงคิดแล้วว่าการไม่สามารถพูดสำเนียงจีนกลางคือปัญหา
“เจ้านาย พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ถึงระดับจีนกลางเราจะไม่ได้ดีมากแต่แค่ไม่ส่งผลต่อคุยธุรกิจก็พอ!”
คนเอ่ยคือชายวัยสามสิบกว่าปี แม้จะดูไม่เกินสี่สิบแต่ก็มองเห็นสภาพของคนที่ไม่ดูแลตัวเอง
ต้วนหงหย่วนเคยแนะนำให้รู้จักแล้ว อีกฝ่ายชื่อเซี่ยงอิง เป็นผู้จัดการฝ่ายขายในโรงงาน
ตำแหน่งระดับกลาง ๆ แต่มีอำนาจ
เธอเฝ้าสังเกตอยู่ เขาคือหนึ่งในคนที่ดูแคลนเธอมากที่สุด
แววตาแสดงความดูถูกและรังเกียจเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง
ซูซื่อเลี่ยงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินประโยคก่อความขัดแย้ง
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้เลยว่ามีคนโง่เง่าแบบนี้อยู่ด้วย?
เราเคยเจอกันแต่อีกฝ่ายมีความสามารถด้านธุรกิจมาก
ซูซื่อเลี่ยงจะไปรู้ได้ยังไงว่าความคิดรักลูกชายชังลูกสามของคนที่นี่มันหนักมาก หลาย ๆ คนเชื่อว่าลูกชายสมควรเป็นผู้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวและเลี้ยงดูเราในยามแก่เฒ่า
เขาเคยย้ำแล้วว่าแค่มาดูแลชั่วคราวเท่านั้น ส่วนเจ้านายเป็นคนอื่น
แต่พอเซี่ยงอิงเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิง เลยไม่วายดูถูกอีกฝ่าย
ซูเสี่ยวเถียนเล่นถ้วยน้ำในมือเงียบ ๆ
“ยังไม่ทันดื่มก็เมาแล้วหรือครับผู้จัดการเซียง? หรือเมื่อเช้าดื่มไปก่อนแล้วสองแก้ว?”
ซูเสี่ยวเถียนตื้นตันใจเหลือเกิน อวี๋กวางฮุยเป็นคนดีจริง ๆ ตอนนี้กำลังช่วยลูกน้องอยู่ด้วย
เซี่ยงอิงนึกอยากพูดต่อ แต่โดนคนข้าง ๆ ห้ามไว้
“ผู้อำนวยการอวี๋ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องการจัดการ การผลิต บุคลากร หรือด้านอื่น ๆ ของโรงงานในตอนนี้ค่ะ อย่างไรก็ดี ถ้าอนาคตเราจำต้องทำธุรกิจ ควรมองด้านตลาดไปให้ไกลยิ่งกว่านั้นนะคะ คุณว่าอย่างนั้นไหม?”
ซูเสี่ยวเถียนไม่ชอบที่อวี๋กวางฮุยประนีประนอม แต่อีกฝ่ายเป็นผู้อำนวยการ จึงจำต้องรักษาความสงบของสถานการณ์ไว้อยู่แล้ว เธอจึงไม่พูดอะไรมากมาย
“ครับ ท่านพูดถูก ตอนนี้ผมเองก็คิดเหมือนกันว่าควรเปิดตลาดในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ไม่ได้จำกัดแค่พื้นที่ชายฝั่งของเราเท่านั้น”
ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า “วุฒิการศึกษาของผู้ช่วยต้วนต่ำไปหน่อย ฉันเลยตั้งใจจะให้มีเขาเริ่มการฝึกอบรมค่ะ”
การฝึกอบรม?
ทุกคนตกใจมาก
การฝึกอบรมหรือ นี่มันหมายความว่ายังไง?
ทำไมพวกเขาไม่เห็นรู้เลยว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย?
ในเมื่อรับเข้าทำงานแล้วขอแค่ตั้งใจทำงานก็พอแล้วนี่ ยังต้องฝึกอบรมอะไรอีกล่ะ?
“ท่านหมายถึงอะไรครับ?”
“หลายปีมานี้ เรามีวิธีศึกษาเล่าเรียนในช่วงเวลาว่างเพิ่มขึ้นเยอะมากเลยค่ะ อย่างเช่นการเรียนภาคค่ำ การเรียนทางไกล ฉันเลยแนะนำให้ผู้ช่วยต้วนเข้าร่วมการสอบในปีนี้ด้วยนะคะ หากมีพนักงานในโรงงานท่านอื่นอยากเข้าร่วมด้วยทางโรงงานจะสนับสนุนให้ค่ะ ไม่สามารถเห็นแย้งได้นะคะ!”
เธอเข้าใจแล้วว่าลี่เฉิงก็คือลี่เฉิง ไม่ใช่ถิ่นอย่างเมืองหลวง
หากไม่เน้นย้ำด้วยตัวเอง กลุ่มผู้บริหารคงไม่สนับสนุนด้านการเรียนหรอกนะ เผลอ ๆ ขัดขวางอีกต่างหาก
งานในโรงงานใครเรียนมาสูงจะมีตำแหน่งงานไว้ให้ทำ ส่วนคนเรียนมาน้อยจะต้องเป็นเบี้ยล่างเขา
“แบบนั้นคงไม่เหมาะหรอกครับ เราจ้างคนมาเพื่อพัฒนาโรงงานนะครับ ถ้าไปเรียนกันหมดจะส่งผลกระทบต่อโรงงานหรือเปล่า?”
คนที่พูดคือหัวหน้าสำนักงานของโรงงาน แล้วก็เป็นหัวหน้าของต้วนหงหย่วนด้วย
ซูเสี่ยวเถียนไม่ตอบ แต่มองไปยังอวี๋กวางฮุยแทน
อยากรู้ว่าเขาจะตอบยังไง
อวี๋กวางฮุยคิดหนัก ทำยังไงไม่ให้บรรยากาศย่ำแย่ดี และทำยังไงให้เจ้านายพอใจด้วย
ปกติทุกคนก็ทำตัวดีกันทั้งนั้น ทำไมเวลาแบบนี้ถึงได้ทำแบบนี้กันเล่า?
เจ้านายเพิ่งพูดได้สองเรื่อง ทุกคนกลับพุ่งออกมาเห็นต่างแล้ว
ลืมหรือไงว่าเจ้าของโรงงานคือเธอน่ะ?
ที่จริงไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะ แค่คิดว่าอีกฝ่ายไม่คู่ควรจะมาเป็นเจ้านายเราน่ะ
“เรื่องที่ท่านว่ามีเหตุผลมากครับ ไว้กลับไปโรงงานเราจะจัดประชุมเรื่องนี้กันครับ”
อวี๋กวางฮุยส่งสายตาเตือน
อี้เทียนเลี่ยงไม่ได้ให้ความสำคัญกับซูเสี่ยวเถียนเลย แต่ยังเคารพตัวผู้อำนวยการอยู่บ้าง
พอโดนแบบนั้นจึงไม่กล้าพูดจ้อต่อไป