เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1109 กลับบ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1109 กลับบ้าน

บทที่ 1109 กลับบ้าน

บางคนถึงกับคิดว่าตระกูลซูมีเหมือง หรือไม่ก็บรรพบุรุษร่ำรวย

อิจฉาจริง ๆ!

ขณะที่คนอื่น ๆ ในโรงงานกำลังกระสับกระส่าย

ส่วนซูเสี่ยวเถียนกลับนั่งอ่านเอกสารอย่างสงบ

ต้วนหงหย่วนนำเอกสารและบัญชีในช่วงสองปีที่ผ่านมาไปยังสำนักงาน

ตอนจัดเรียงเขาเห็นเจ้านายอ่านข้อมูลด้วยความรวดเร็ว

นึกสงสัย อ่านไวขนาดนั้นเข้าใจด้วยหรือ?

ขนาดเขาอ่านมาแล้วบางส่วน วันละสิบกว่าหน้ายังต้องใช้ความพยายามเลย

ทว่าเจ้านายไม่เพียงอ่านเร็ว แต่ยังขีดเขียนและวาดภาพลงในกระดาษราวบันทึกอะไรไว้สักอย่าง

สิ่งนี้ทำให้ต้วนหงหย่วนเชื่อว่าเธอเข้าใจจริง ๆ

หลังจัดเอกสารเสร็จ เขาไม่กล้าอยู่รบกวนต่อแล้วจากไปเงียบ ๆ

ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้สังเกตเลย

ซูซื่อเลี่ยงเงยหน้ามองแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพ่งความสนใจไปกับงานวาดตรงหน้า

ใบไม้สีเขียวด้านนอกกำลังพลิ้วไหว คนด้านในจ้องมองความงดงาม!

เด็กสาวอ่านลืมเหนื่อย จมอยู่ในโลกของเอกสาร

พริบตาเดียวก็หกโมงเย็นแล้ว แสงในห้องค่อย ๆ มืดลง

ชายหนุ่มเคาะโต๊ะ ในที่สุดเด็กสาวก็ตอบสนองเสียที

มองท้องฟ้าค่ำมืด ซูเสี่ยวเถียนปิดเอกสารด้วยความละอายใจ

“เย็นขนาดนี้แล้วหรือคะ?”

“ใช่ ถ้าไม่เรียกคงได้กลับบ้านพรุ่งนี้เช้าแน่”

เวลาน้องเล็กทำอะไรจะทุ่มเทเต็มที่เสมอ

มันก็เป็นสิ่งที่ดีนั่นแหละ

แต่ถ้ามากเกินอาจส่งผลเสียต่อร่างกายก็ได้ ไว้กลับไปคุยกับน้องดู

ถึงจะยังเด็กแต่จะปล่อยไว้ไม่ได้หรอก

“กลับบ้านกันค่ะ พวกคุณอาน่าจะใจร้อนแล้ว”

ซูเสี่ยวเถียนเหยียดแขนไล่ความเมื่อยล้า

ระหว่างอ่านมันไม่รู้สึกตัวหรอก แต่พอได้ยืดเส้นสายถึงได้รู้

“หิวไหม?” ชายหนุ่มถามด้วยความรัก

พรุ่งนี้หิ้วขนมมาด้วยดีกว่า น้องจะได้ไม่หิว

“พอพี่เตือนก็รู้สึกหิวเลยค่ะ!” เด็กสาวยิ้ม

ถึงเวลากินข้าวแล้วด้วย

สองพี่น้องเดินออกมาก็เจอต้วนหงหย่วนเปิดประตูออกมาพอดี

คงเพราะเจ้าตัวได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ จึงรีบวางหนังสือแล้วออกมา

“เจ้านาย จะเลิกงานแล้วหรือครับ?”

“ผู้ช่วยต้วน ทำไมยังอยู่สำนักงานอีกล่ะคะ?” เด็กสาวประหลาดใจ

หกโมงเย็นแล้วนะ คนส่วนใหญ่น่าจะเลิกงานแล้วหรือเปล่า?

แต่ต้วนหงหย่วนเป็นคนซื่อสัตย์มากไปหน่อย

ที่จริงเขาเองก็กลับไปได้แล้วเหมือนกัน

“เจ้านายยังไม่เลิกงาน ผมเป็นลูกน้องจะกลับก่อนได้ยังไงกันครับ?”

ต้วนหงหย่วนมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยประโยคเรียบง่ายด้วยวาจาอันดัง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าพูดจากใจ

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม คงเป็นนิสัยที่ติดมาตอนเป็นทหารสินะ?

จังหวะที่จะบอกให้เลิกงานได้เลยไม่ต้องรอ

สายตาเหลือบไปเห็นพวกอวี๋กวางฮุยและผู้บริหารท่านอื่น ๆ เดินมาจากอีกฟากทางเดินพอดี

“เจ้านายจะเลิกงานแล้วหรือครับ? เย็นนี้เรามาคุยงานกันต่อไหมครับ?” อวี๋กวางฮุยทักทายด้วยความอบอุ่น

วันนี้เป็นวันแรกที่เจ้านายมาโรงงาน ไม่ว่าใครก็คิดว่าควรสร้างสัมพันธ์ให้มากกว่านี้!

แล้วเธอก็ไม่ได้เรียกใครไปหาเลย เอาแต่อยู่ในห้อง

คาดว่าคงอ่านเอกสารทั้งวันแน่ ๆ

ซูเสี่ยวเถียนยิ้มส่ายหัว “ไม่ดีกว่าค่ะ คนที่บ้านกำลังรออยู่น่ะ เดินทางมาที่นี่ค่อนข้างลำบากเลยไม่อยากทำแต่งานน่ะค่ะ”

อาใหญ่บอกไว้เมื่อเช้าให้กลับบ้านไปกินข้าวด้วย

อวี๋กวางฮุยรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายหมายถึงใคร

แต่คนอื่นไม่รู้

พวกเขามองเด็กสาวด้วยความประหลาดใจ

ไหนบอกเจ้านายมาจากเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?

มีครอบครัวที่ลี่เฉิงด้วย?

“ถ้าอย่างนั้นไว้พรุ่งนี้เที่ยงค่อยคุยแล้วกันครับ เจ้านายเห็นชอบไหมครับ?”

อวี๋กวางฮุยยิ้มอบอุ่น

เลขาเฉินคงรอเด็กสองคนนี้กลับไปกินเข้าที่บ้าน

จะว่าไปเขาเป็นคนมีวินัยในตัวเองจริง ๆ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขากลับบ้านไปกินข้าวตลอด ยกเว้นมีงานเข้าสังคม

โชคดีที่ช่วงเช้าสองพี่น้องอยู่โรงงานตลอด เราจึงมีโอกาสอีกมากให้เจอกัน

จากนั้นทั้งสองก็เดินทางไปยังพื้นที่พักอาศัยของรัฐบาล โดยไม่รู้ว่าผู้อำนวยการคิดอะไร

ต่อให้รู้ไปก็ไม่จริงจังอะไรอยู่ดี

เริ่มตั้งแต่ในเช้าวันที่สองที่เด็กสาวสนทนากับผู้นำคนอื่น ๆ ระหว่างกินข้าว บางครั้งก็นั่งคุยกับคนงานด้วย

เหมือนกับที่สาขาโรงงานนั่นแหละ ที่นี่มีโรงอาหาร ฝีมือใช้ได้ แม้ไม่ได้อร่อยมากแต่กินอิ่มท้อง

เห็นเจ้านายเข้ากับคนง่าย ความประทับใจที่มีต่อเด็กสาวของทุกคนในโรงงานก็ยิ่งเพิ่มพูน

เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบวัน

เทศกาลแขวนโคมไฟผ่านพ้นไปแล้ว สองพี่น้องเตรียมกลับไปเรียนในอีกสิบวันข้างหน้า

เราอยู่ต่อที่ลี่เฉิงได้อีกแค่หกเจ็ดวันเท่านั้น

ระหว่างเวลาดังกล่าว เด็กสาวอ่านข้อมูลที่อวี๋กวางฮุยเอามาให้ และข้อมูลอื่น ๆ ที่ไหว้วานให้ต้วนหงหย่วนเอามาด้วย

เรื่องนี้ไม่มีใครสนใจเลย

เพราะซูเสี่ยวเถียนเองก็ไม่ได้ถามไถ่เรื่องงานของเราด้วย

เลยทำให้คิดว่าเจ้าตัวอ่านผิวเผินไปแบบนั้น ต่อให้อ่านจบก็คงไม่เข้าใจอะไรสักนิด

มีแค่ผู้ช่วยต้วนที่อยู่ใกล้ชิดสุดรู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คนอื่น ๆ บอก

เขายังมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องมีคนประสบปัญหาแน่

แต่ด้วยสถานะจึงยั้งตนไว้ และไม่แน่ใจว่าใครคือคนนั้น

อย่างที่คาดเดา

ข้อมูลที่ซูเสี่ยวเถียนอ่านทุกวันไม่ได้ไร้ประโยชน์

เธอรวบรวมหลักฐานได้หลายชุด

ปัญหาที่เห็นจากเอกสาร ข้อมูลอื่น ๆ เพื่อนำมาใช้ยืนยัน

และข้อมูลจากบทสนทนาที่ได้คุยกับคนในโรงงาน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท