บทที่ 1126 เป็นระบบเศรษฐกิจผิดปกติค่ะ
บทที่ 1126 เป็นระบบเศรษฐกิจผิดปกติค่ะ
หญิงชราคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
ทำไมจู่ ๆ ถึงคิดเรื่องที่ว่าบ้านเรากำลังจะเป็นเศรษฐีล่ะ?
“หนูลองหยิกย่าที ทำไมเหมือนฝันเลยเนี่ย”
หญิงชราขอให้หลานหยิกตัวเองสักทีด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดูไม่น้อย
ซูเสี่ยวเถียนจับมือท่านด้วยรอยยิ้ม
“นี่เรื่องจริงนะคะ! ย่าลืมไปแล้วหรือว่าราชามังกรเอ็นดูหนูน่ะ?”
สิ้นประโยคผู้เป็นย่าถึงค่อยโล่งใจ
ก็จริงนี่ เสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่ราชามังกรคอยปกป้อง เด็กคนนี้สร้างโชคลาภได้หลายครั้งแล้วนี่?
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน
“หลังจากนี้บ้านเราจะรวยแล้วหรือ? เป็นคนรวยแล้วใช่ไหม?” หญิงชราเสียงสั่น
ซูเสี่ยวเถียนถึงกับเงียบกริบ “…”
เราก็รวยมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?
ถึงจะไม่เท่าถานจื่อสือยุครุ่งเรือง แต่ก็ถือว่ามีเงินทองกับเขาอยู่นะ
เพราะตอนนี้บ้านที่ฐานะดีคือบ้านที่มีเงินเกินหนึ่งหมื่นหยวนน่ะ
ส่วนพวกพี่น้อง สุ่มถามสักคนหนึ่งก็มีเงินเกินหมื่นทั้งนั้น ใช่ไหมล่ะ?
แต่บ้านเราถือเรื่องนี้มาก ถ้าใครรู้จะตกเป็นเป้าเอาได้
เลยประชุมกันภายในครอบครัว ไม่แพร่งพรายมันออกไป
แล้วทุกคนก็ตื่นตัวกันมาก ต่อให้ตกใจกับจำนวนเงินแค่ไหน แต่ก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้และทำงานไปตามปกติ
ซูเสี่ยวเถียนถือโอกาสที่ทุกคนไม่อยู่บ้าน ย้ายเงินไว้ในช่องเก็บของระบบ แล้วเดินไปยังโกดังที่เช่ากับพี่ชาย
พอขายดอกไม้ได้เธอก็จะมีเงินมหาศาล
ส่วนขายให้ใคร ขายยังไง คนที่บ้านไม่รู้
ไม่ได้ถามด้วยว่าได้เงินมาเท่าไร
เพราะเป็นเงินของหลาน
รู้เพียงว่าตอนนี้เธอร่ำรวยก็พอ
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เด็กสาวก็โทรหาซูฉางจิ่วและถามถึงสถานการณ์ของดอกไม้ทั้งสองกระถางที่มอบให้ท่าน
อีกฝ่ายว่ามันเติบโตได้ดี ตั้งอยู่ในห้องหลังที่บ้านนู้นน่ะ
เด็กสาวพูดถึงราคาของดอกไม้ชนิดนี้เพิ่มขึ้นให้ฟังด้วย
จากนั้นก็ติดต่อหลี่จู้จื่อและบอกเรื่องคนรับซื้อคลีเวียให้เขาฟัง
อีกฝ่ายเป็นคนฉลาด จึงรับเรื่องไว้ทันที
ถึงข่าวดอกคลีเวียขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจะกระจายเป็นวงกว้าง แต่พื้นที่ห่างไกลเช่นทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
ต่อให้วางไว้ต่อหน้าชาวบ้านพวกเขาก็ไม่รู้จักหรอก
ตอนที่ซูฉางจิ่วรู้ราคาของมัน เขาก็ตกใจจนนอนไม่หลับ
เหมือนฝันเลย!
นี่มันอะไรเนี่ย?
ถ้าปลูกดอกไม้แล้วได้เงินขนาดนี้ เราจะทำไร่ทำนาไปทำไม?
ปลูกดอกไม้หาเงินยังดีกว่าอีก!
ถึงอุตสาหกรรมที่เพิ่งสร้างจะทำเงินได้แล้ว แต่เรายังมีเงินอย่างจำกัด
หรือระดมคนช่วยกันปลูกปีหน้าดี?
ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน เขาคิดว่าควรพาทุกคนหารายได้ร่วมกัน
แล้วโอกาสก็มาถึงแล้วนะ จะทำยังไงล่ะ?
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน สีหน้าซูฉางจิ่วซีดเล็กน้อย
ซูเสี่ยวถงที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดถามอยู่หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับบอกไม่ได้
สุดท้ายเลยโทรหาที่บ้านซูโดยตรง
พอซูเสี่ยวเถียนทราบข่าวก็คาดเดาความคิดอีกฝ่ายคร่าว ๆ แล้วจึงโทรหาซูฉางจิ่วอีกรอบ
คนเป็นลุงบอกสิ่งที่คิด
ทำให้เด็กสาวประหลาดใจ
แต่ไม่แปลกใจเท่าไร
ใครจะอยากทำไร่ทำนาทีละนิดสองนิดในขณะที่มีวิธีหาเงินที่ดีกว่าล่ะ?
แต่เธอไม่แนะนำหรอกนะ
“ลุงฉางจิ่ว มันเป็นระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบผิดปกติค่ะ เกิดโดยบังเอิญ ต่อให้เราทำตามบ้างก็หาเงินไม่ได้เยอะหรอก”
“ตลาดแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน ถึงจะอนุญาตให้ชาวบ้านปลูกแต่เผลอ ๆ จะขาดทุนได้นะ”
“หนูว่าประเทศเราคงไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อเนื่องหรอก อย่างมากสองสามเดือนก็ควบคุมได้แล้ว ราคาจะต้องลดลงแน่”
การปลูกดอกไม้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ทำในชั่วข้ามคืน จะเริ่มตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
ซูฉางจิ่วที่ยังละเมอเพ้อพกเริ่มคิดได้
และคำพูดของหลานทำให้เขาได้สติ
เส้นทางโชคลาภหายไปแล้ว
ความสับสนของเขาก็เช่นกัน
ก็จริงนะ ประเทศที่มีทุ่งนาดี ๆ จะปลูกดอกไม้แทนพืชผลได้ยังไง?
ถ้าทุกอย่างกลายเป็นดอกไม้ ใช้ทำกินอะไรไม่ได้คนก็อดอยากหมดซี่!
ซูฉางจิ่วเข้าใจแล้ว เหล่าผู้นำก็เข้าใจ
พวกเขาเห็นกระแสของมันในเวลาไม่กี่วันต่อมา
หลังจากเกิดเหตุปล้นและโจรกรรมหลายครั้ง สถานการณ์ของคลีเวียเป็นที่สนใจในเวลาต่อมา
หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ออกบทความวิพากษ์วิจารณ์ถึงปรากฏการณ์นี้
ส่วนราคาของมันยังเพิ่มขึ้น
บางคนร่ำรวยจากคลีเวีย เป็นเศรษฐี มีรถ มีเลขา
บางคนตั้งเป้าว่าจะได้มันมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ใช้กลโกงเป็นผู้ค้าคลีเวีย
ส่วนนักศึกษาจิ่งเฉิงเป็นหัวข้อสนทนาหลังกินข้าว
ในไม่ช้ามันก็หมดความน่าสนใจไปเพราะใกล้ถึงปลายภาคแล้ว
นักศึกษาห้อง 314 เป็นห้องที่เด็กมีผลการเรียนดีสุดมาโดยตลอด
ถึงจะไม่ขนาดทิ้งเห็นฝุ่น แต่ก็ถือว่ามีข้อได้เปรียบ
ถ้าไม่ได้มีนักศึกษาอื่น ๆ เก่งอยู่ด้วย ฮั่วซือเหนียนว่าเด็ก 314 คงเหมาทุนการศึกษาไปหมดแล้ว
ที่จริงก็สงสัย พวกเธอไม่ได้มีผลการเรียนดีที่สุดแล้วทำไมในช่วงเวลาสั้น ๆ ถึงคะแนนนำโด่งชาวบ้านได้ขนาดนั้น
และเหตุการณ์นี้ก็เป็นที่สนใจของทุกคน
เพราะเราถือว่ามันเป็นพลังแห่งตัวอย่างน่ะ
มีซูเสี่ยวเถียนอยู่ด้วย จึงส่งเสริมจิตวิญญาณความตั้งใจของทุกคนกันหมด
สิ้นสุดการสอบทุกคนพลันโล่งใจ
สาว ๆ เก็บหนังสืออย่างระมัดระวังแล้วเริ่มหารือเกี่ยวกับแผนการช่วงหน้าร้อน
ในบรรดาสามสาวที่อยู่ไกลบ้าน มีเฉียนเสี่ยวเป่ยที่ไม่กลับ อีกสองคนจึงไม่กลับด้วย
“ไม่รู้จะได้อยู่เมืองหลวงต่ออีกไหม แต่นี่เป็นหยุดเดียวที่ฉันจะได้เที่ยวในเมืองแล้ว!” ฉีเสี่ยวฟาง
เป็นคนที่ไม่มีอะไรให้ห่วงเลยจริง ๆ!
“เสี่ยวฟาง จำได้ไหมว่าตอนมามหาวิทยาลัยครั้งแรกเธอท่าทางเป็นยังไง?”
——————————————