เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1131 ลับหอกยามจวนตัว[1]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1131 ลับหอกยามจวนตัว*[1]

บทที่ 1131 ลับหอกยามจวนตัว*[1]

เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วจากไป

หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ตั้งใจทำงานเลย

ในบรรดาคนที่มาฝึกซูเสี่ยวเถียนมั่นคงที่สุดแล้ว แต่เจ้าตัวบอกไว้ชัดเจนแต่แรกเลยว่าจะไม่ทำงานที่นี่

ส่วนอีกสามคนลู่เซวียนถือว่าใช้ได้ แต่อีกสองคนใจแคบไม่เหมาะมาทำงานกับเรา

ทั้งสามไม่รู้เลยว่าอนาคตการทำงานถูกกำหนดไว้แล้ว

สองวันต่อมา ไช่กั๋วอันผู้รับผิดชอบเรื่องนักศึกษาฝึกงานก็เรียกถังผิงไปหา

เจ้าตัวมาด้วยสีหน้าสับสน

“เรียกฉันมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวกังวล

เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาเรียกหา แต่รู้สึกได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ

ไม่อย่างนั้นสีหน้าเขาคงไม่น่าเกลียดแบบนี้หรอก

และตอนนี้มันก็ดำมืดอย่างคนว่ามีคนไปติดหนี้เขามา

ไม่แปลกใจถ้ารีดหมึกออกมาจากหน้าเขาได้

เธอรีบคิดในหัวอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ทำอะไรผิดยิ่งใหญ่เลยนะ

จิตใจพลอยสบายใจขึ้น

“เสี่ยวถัง ผมได้ยินคนพูดว่าทักษะภาษาของคุณสูงมาก แต่ดูนี่สิ นี่คือความผิดพลาดที่คนแบบนั้นควรทำหรือ?”

ไช่กั๋วอันหยิบกระดาษออกมาแล้วโยนไปตรงหน้าถังผิง

เปลือกตาของเธอกระตุก

มันคืองานแปลของเธอเอง เธอจำได้

แล้วมันผิดอะไรถึงทำให้เขาโกรธได้ขนาดนี้?

ต้องรีบพิสูจน์แล้ว

แต่หลังจากอ่านไปได้สิบบรรทัดก็ได้แต่ยืนพูดไม่ออก

สีหน้าบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ

ใบหน้าของเธอเริ่มน่าเกลียดมากขึ้น

“ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง!”

ถังผิงเป็นฝ่ายรับข้อผิดพลาดแล้วเอ่ยขอโทษทันที

“เสี่ยวถัง ผมรู้จักพ่อแม่ของคุณทั้งคู่นะ พวกเขาเป็นคนที่รักในหน้าที่การงานมาก และผมหวังว่าคุณจะตั้งใจทำงานเหมือนกัน จงถือมันเป็นสิ่งที่ต้องทำไปตลอดชีวิต อย่าทำด้วยความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ!” ไช่กั๋วอันเอ่ยอย่างจริงจัง

ไช่กั๋วอันและพ่อแม่ของถังผิงสนิทกันดี ตัวเขาก็เห็นเด็กคนนี้เหมือนลูกแท้ ๆ เลยเอ่ยออกไป

แต่เจ้าตัวกลับอึดอัดใจ

อดคิดไม่ได้ว่าเขาข่มขู่

ซึ่งไช่กั๋วอันไม่รู้ว่าถังผิงกำลังคิดอะไรอยู่

เขายังคงเอ่ยอย่างจริงจัง “เสี่ยวถัง ผมรู้ระดับความสามารถของคุณนะ และมันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย ถ้าพ่อแม่คุณรู้ พวกเขาต้องผิดหวังแน่ ๆ!”

ใบหน้าของถังผิงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จากสีแดงเป็นเข้มคล้ำ

เธอกำงานแปลแน่น แทบจะบดขยี้

หลังรอให้อีกฝ่ายพูดจบก็หมุนตัวจากไปพร้อมน้ำตาไหลออกมา

“พูดจาหวานหูบอกรู้จักพ่อแม่ ถ้ารู้จักแล้วทำไมไม่แนะนำเราให้เข้าพิธีต้อนรับ?”

“ทำงานน่าเบื่องก ๆ จะไปมีประโยชน์อะไร? ไม่ได้ช่วยพัฒนาอะไรด้วยซ้ำ!”

เธอพึมพำเสียงเบา เสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

พอกลับไปที่โต๊ะก็นั่งลงด้วยความห่อเหี่ยว

แต่ความกรุ่นโกรธในใจกำลังแผดเผา!

เธอจำความคับข้องใจกับคนอื่นไม่ได้ แต่จำที่เกี่ยวกับซูเสี่ยวเถียนได้หมด

ฝ่ายคนโดนนึกถึงกำลังเตรียมงานสัมภาษณ์

แม้ไม่ใช่นักแปลหลัก แต่ก็ต้องรับผิดชอบงานในส่วนของตัวเองเช่นกัน

ตอนนี้กำลังศึกษาสถานการณ์ ความตั้งใจและจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมเยือน

นอกจากนี้ยังได้รู้เรื่องธุรกิจในประเทศที่ร่วมเจรจากับกลุ่มผู้แทนเพื่อร่วมมือกันด้วย

เห็นความจริงจังของเธอแล้ว คนอื่น ๆ ได้แต่ประทับใจ

ในปัจจุบันมีหนุ่มสาวแบบนี้ไม่เยอะหรอก

ยิ่งเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยแล้ว การมีความอดทนและความสามารถระดับมืออาชีพทำได้ยากยิ่ง

เพราะมีสายสัมพันธ์จึงไม่คิดว่าเธอจะไร้คุณสมบัติในการรับงานนี้

และต่อให้ซูเสี่ยวเถียนจะไม่เชี่ยวชาญภาษาของประเทศ Y เท่าเยอรมันและฝรั่งเศส แต่ก็มีความเป็นมืออาชีพมากกว่านักแปลทั่วไป

“ท่านอธิบดีฟ่าน เสี่ยวเถียนเก่งจริง ๆ เลยนะ กระทรวงเราต้องการเด็กแบบนี้แหละ อดทน มีอุตสาหะ และเต็มใจเรียนรู้งาน!” นักแปลอาวุโสพูดด้วยความซาบซึ้ง

ฟ่านชูฟางยิ้ม “เขาจริงจังกับทุกอย่างที่ทำเสมอเลยค่ะ”

หญิงชราหวังเหมือนกันว่าหลานสาวจะมาทำงานด้วย

แต่เจ้าตัวบอกปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้ว

ช่างน่าเสียใจจริง ๆ

ทว่าเขามีความคิดเป็นของตัวเอง

มีอุตสาหกรรมของตัวเอง อนาคตคงทำธุรกิจมากกว่าทำงานด้านการเมือง

“ตาเฒ่าอยากให้เธอเข้ากองทัพหาประสบการณ์ดูน่ะ ถ้าไม่ได้เธอคงเสียเปรียบไม่น้อย”

นักแปลอาวุโสนึกแปลกใจ “อยู่ดีไม่ว่าดีทำไมถึงให้เด็กมันเข้าร่วมเสียล่ะ?”

ฟ่านชูฟางยิ้ม “คุณคงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ได้รับการฝึกทหารตั้งแต่เด็กเลย ความสามารถของเธอไม่เป็นรองใครด้วยซ้ำ”

เมื่อนึกถึงคุณสมบัติอันโดดเด่นของเด็กสาว หญิงชราแสนภาคภูมิใจราวกับเป็นลูกหลานตัวเอง

“น่าเสียดายมากเลยเนอะ ฉันยังนึกอยู่เลยว่าเขาน่าจะมาทำงานในกระทรวงเรา สถานการณ์ทางนี้เองก็ดีขึ้นมาก แต่ก็มีคนน้อยเกินกว่าจะยืนหยัดได้!”

ถือเป็นความร้ายแรงยิ่ง!

ช่วงเวลาสิบปีล่าช้าไปตั้งเกือบรุ่น!

แถมความสามารถแบบนี้ยังหาได้ยากด้วย

“อยากให้ฉันชักชวนเขาสินะคะ”

ฟ่านชูฟางมีหรือจะฟังไม่เข้าใจความนัยในวาจาของอีกฝ่าย

นักแปลอาวุโสหัวเราะ “เราเป็นเพื่อนร่วมงานมานานหรือคุณเข้าใจความคิดฉันกันนะ!”

“รอจนกว่าพิธีต้อนรับจะจบแล้วกันค่ะ!” ฟ่านชูฟางคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่จะพยายามแล้วกัน

ซูเสี่ยวเถียนไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เลย

เธอไม่เชี่ยวชาญภาษาของประเทศ Y มันอยู่แค่ระดับทั่วไปน่ะ

แต่ถ้าไม่ลับหอกยามจวนตัว ก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น

เธอเป็นคนที่ทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอย่างนั้นจึงไม่ยอมให้ตัวเองผิดพลาดเด็ดขาด

[1] ลับหอกยามจวนตัว หมายถึง เตรียมการเมื่อเรื่องจวนตัวแล้ว

——————————————

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท