บทที่ 1134 ผมว่าซูเสี่ยวเถียนใช้ได้นะ
บทที่ 1134 ผมว่าซูเสี่ยวเถียนใช้ได้นะ
“เหล่าฟ่าน เวลาอยู่ที่ทำงานก็ดูแลหลานด้วยซี่ จะปล่อยให้เธอโดนรังแกไม่ได้นะ!”
แม้จะได้รับคำมั่นสัญญา แต่ชายชราไม่เชื่อจนต้องบอกอีกรอบ
ที่ใดมีคนย่อมที่นั่นย่อมมีแม่น้ำลำธาร*[1] กระทรวงการต่างประเทศเองก็เช่นกัน
มันต้องมีคนเป็นศัตรูกับเสี่ยวเถียนอยู่แล้ว บางทีคงไม่พอใจเลยหาวิธีโจมตีก็ได้
ฟ่านชูฟางพูดไม่ออก ทำเอาอยากจะกลอกตาใส่
พูดอย่างกับเธอดูแลลูกหลานไม่เป็นอย่างนั้นละ
“ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะพูดแบบนี้ ตอนโส่วเวินมาทำงานที่นี่ไม่เห็นคุณพูดแบบนี้เลย”
หญิงชราแสดงความเห็น
อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายสิบปี ไม่คิดเลยว่าตาแก่จะมีด้านแบบนี้ด้วย
แม้กระทั่งลูกชายทั้งสองยังไม่เห็นฝากให้คนดูแลเลย
ไม่นึกเลยว่าจะพูดประโยคนี้กับเสี่ยวเถียนได้
แต่หลานสาวก็สมควรได้รับความรักจริง ๆ
ดวงตาชายชราเบิกกว้าง “จะไปเหมือนกันได้ยังไง? โส่วเวินเป็นเด็กผู้ชาย ควรฝึกให้หนักก็ถูกแล้ว แต่เสี่ยวเถียนเป็นเด็กผู้หญิงบอบบาง โดนคนรังแกจะทำยังไง?”
ฟ่านชูฟาง “…”
นี่มันแบ่งแยกเรื่องเพศชัด ๆ!
“ปู่รองไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่มีใครรังแกหนูหรอก คนที่กระทรวงดีกับหนูมากค่ะ”
ต่งหยวนจงร้อง ‘เหอะ’
“หนูคิดว่าปู่ไม่เห็นหรือ เมื่อเย็นมีแต่คนจ้องเขม็ง! เหล่าฟ่าน ใส่ใจนักแปลของเหล่าฉางให้มันละเอียดหน่อยนะ”
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
ฟ่านชูฟางตกใจ
ซ่งหงปิงไม่ค่อยชอบเสี่ยวเถียนเท่าไร น่าจะได้รับอิทธิพลจากข่าวลือ แต่งานวันนี้ก็ไม่ได้แสดงความเกลียดชังออกมาชัด ๆ นี่?
แล้วเหล่าต่งรู้ได้ยังไง?
ที่จริงหญิงชราก็ไม่อยากยื่นมือเข้ามายุ่งหรอก แต่ในฐานะผู้อาวุโสคงไม่สามารถช่วยไปได้ตลอด ต้องปล่อยให้เขาเติบโตเอง
เสี่ยวเถียนฉลาด เป็นเด็กเก่ง เธอเชื่อว่าเด็กคนนี้ย่อมรับมือได้
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ดีไง! เขาน่าจะเป็นคนใจแคบ คนแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลย”
ถึงจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสอง แต่รู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติแน่ด้วยประสบการณ์ที่พบเจอผู้คนมาเยอะ
ถึงเสี่ยวเถียนจะฉลาดมีความสามารถ แต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่ได้มีประสบการณ์โชกโชน ซึ่งน่าเป็นห่วง
“ปู่รองไม่ต้องห่วง หนูจัดการได้ค่ะ ครูซ่งอาจจะเห็นว่าหนูเด็กเกินเลยกลัวรับภาระยิ่งใหญ่ไม่ไหว”
เธอไม่ได้โง่ ย่อมรู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากซ่งหงปิงอยู่แล้ว
แต่มั่นใจว่าปกป้องตัวเองได้
คนเราจะใช้ชีวิตบนโลกโดยไม่มีประสบสถานการณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ยังไง?
มีแค่คนผ่านเรื่องราวมามากเท่านั้นถึงจะเติบโตขึ้นได้
เรากำลังจะจบมหาวิทยาลัยเตรียมเข้าสู่สังคม จะปล่อยให้คนอื่นช่วยทุกอย่างไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
“งั้นก็ดี ถ้าเจอเรื่องอะไรบอกพี่ใหญ่กับย่ารองนะ อย่าทำให้ตัวเองเสียเปรียบเด็ดขาด!”
เด็กสาวพยักหน้า
แม้จะตั้งใจจัดการเอง แต่ก็ไม่อายที่จะขอความช่วยเหลือเหมือนกัน
ตอนนั้นเองที่เดินทางมาถึงบ้านซูแล้ว
แต่เพราะดึกมาก หลังจากส่งเสร็จสองผู้อาวุโสก็กลับทันที
ฝ่ายรัฐมนตรีฉางเรียกผู้นำกระทรวงการต่างประเทศไปพบ
แน่นอนว่าเป็นเรื่องหาล่ามให้ตัวเองในงานต่อไป
อธิบดีตู้แปลกใจมาก เพราะรัฐมนตรีฉางถือว่าเป็นคนดีมาก แต่ไม่เคยเห็นเขาไม่พอใจล่ามมาก่อน เกิดอะไรขึ้นนะ?
จากนั้นก็ถามออกไป
รัฐมนตรีฉางไม่ได้ตอบชัด แค่หวังว่าจะได้คนเก่งกว่านี้มาทำหน้าที่แทน
เขาไม่พอใจกับสิ่งที่ซ่งหงปิงทำมาก ถ้าไม่หาคนมาแทนอาจมีปัญหาได้
หากระหว่างเจรจาล่ามทำหน้าที่ไม่ดีอีกจะทำให้ทุกอย่างล่าช้าเอาได้
ถึงจะเป็นประเทศที่เป็นมิตร แต่อีกฝ่ายคงไม่ให้โอกาสหากเราพลาดหรอกนะ
ผู้นำกระทรวงขมวดคิ้ว
เขาพิจารณา แต่จากที่จัดเอาไว้ก็เหมาะที่สุดแล้วนะ
“ค่อนข้างยากนะครับ ไม่ใช่ว่าผมยากจนหรืออะไรนะ แต่ท่านก็รู้ว่าคนที่เชี่ยวชาญภาษา Y มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และล่าสุดก็มีสองคนที่ไปประเทศ Y ซึ่งคนที่เราสามารถใช้งานได้ก็มีแค่ล่ามอาวุโสอย่างฟู่กั๋วหยางและซ่งหงปิงเก่งที่สุดแล้วครับ”
อธิบดีตู้เหมือนหัวจะล้าน ถึงฟู่กั๋วหยางจะมีประสบการณ์มากแต่คงไม่สามารถติดตามการทำงานไปกับกระทรวงพาณิชย์ได้ตลอด
“ผมไม่อยากได้ฟู่กั๋วหยางครับ ผมคิดว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อซูเสี่ยวเถียนที่มาทำงานในวันนี้ค่อนข้างใช้ได้ เธอพูดคล่อง เวลาแปลแทบไม่ต้องคิดเลยครับ”
แววตารัฐมนตรีฉางสว่างวาบ นี่อาจเป็นโอกาสที่จะได้ติดต่อกับซูเสี่ยวเถียน และเชิญชวนเธอมาทำงานด้วยกันในกระทรวงพาณิชย์
น่าเสียดายที่อธิบดีตู้อีกฟากของโทรศัพท์ไม่รู้ว่าปลายสายมีความคิดเช่นนี้
ไม่อย่างนั้นคงได้รู้สึกหดหู่มากกว่าเดิมแน่
ซูเสี่ยวเถียนหรือ?
“คุณหมายถึงซูเสี่ยวเถียนที่มาฝึกงานในกระทรวงการต่างประเทศใช่ไหมครับ? เธอเก่งก็จริงแต่ยังเด็กเกินไป งานนี้ค่อนข้างใหญ่ด้วย กลัวเธอจะรับแรงกดดันไม่ไหวครับ”
ในฐานะผู้นำของกระทรวง เขามีความกังวลเป็นของตัวเองเหมือนกัน
หากให้นักศึกษาฝึกงานรับงานแปลที่สำคัญเช่นนี้ไป เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาเราจะทำยังไง?
ที่ยิ่งกว่านั้นคือระดับภาษาเยอรมันและฝรั่งเศสของซูเสี่ยวเถียนเก่งจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ไม่รู้ว่าระดับภาษา Y ของเธอถึงขั้นไหนแล้ว
ถ้าจะให้เข้าร่วมต้องมีบทบาทน้อยกว่าล่ามหลัก
งานต้อนรับครั้งนี้เป็นงานของกระทรวงพาณิชย์ ค่อนข้างสำคัญและต้องการคนเก่ง ๆ
“ไม่เด็กแล้ว ๆ ตอนนี้เจ้าตัวใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้วด้วยนะ ตอนอยู่มัธยมปลายเธอก็ทำหน้าที่เป็นนักแปลภาษาเยอรมัน”
รัฐมนตรีฉางสนิทกับซูเสี่ยวเถียนดี เลยไม่คิดปิดบังอะไร
อธิบดีตู้ได้ยินเช่นนั้นจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าอีกฝ่ายรู้จักซูเสี่ยวเถียนมาก่อน
น่าจะสนิทมากถึงขั้นรู้เรื่องสมัยเธอเรียนมัธยมปลายด้วย
เดี๋ยวนะ งั้นเธอเรียนมัธยมต้นตอนอายุเท่าไรน่ะ?
ตอนนั้นทำงานแล้วหรือ?
เขาค่อนข้างสงสัย
อธิบดีตู้เริ่มคิดแล้วว่าที่รัฐมนตรีฉางไม่พอใจซ่งหงปิงจริง ๆ หรืออยากสร้างโอกาสให้ซูเสี่ยวเถียนกันแน่?
จากนั้นก็คิดเปรียบเทียบคนทั้งสอง
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซูเสี่ยวเถียนมากนัก รู้แค่ว่าเป็นเด็กที่เก่ง
แต่ไม่ว่าจะโดดเด่นแค่ไหนก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะรับหน้าที่นี้ได้
อีกอย่างเมื่อก่อนซ่งหงปิงทำได้น่าทึ่งมาก
เรื่องผิดพลาดครั้งนี้คงจะเป็นอุบัติเหตุสินะ?
[1] ที่ใดมีคนย่อมที่นั่นย่อมมีแม่น้ำลำธาร หมายถึง ไม่ว่าผู้คนจะรวมตัวกันที่ไหน ย่อมมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น