บทที่ 1147 จำผิดคนหรือเปล่านะ?
บทที่ 1147 จำผิดคนหรือเปล่านะ?
เธอทนไม่ได้หากต้องสูญเสียพนักงานโดดเด่นแบบนั้นไป ทั้งยังหวังว่าจะได้คนแบบซูเสี่ยวเถียนมาทำด้วยกัน
ก่อนเดินทางมาถึงจีน เธอคิดว่าจะชักชวนเพื่อนไปเยอรมนีด้วยกันได้
เจ้าตัวกำลังจะเรียนจบ การได้ไปทำงานในสภาพแวดล้อมของที่นั่นก็ถือว่าไม่แย่
และไม่คิดเลยว่าเมื่อเดินทางมาถึงจะได้พบกัน
แต่คนที่ต้องการกลับทำงานในกระทรวงต่างประเทศไปเสียแล้ว
ว่ากันตรง ๆ คือคงเป็นไปไม่ได้หากจะให้อีกฝ่ายไปที่เยอรมนี
ไม่ใช่แค่ตัวซูเสี่ยวเถียนเท่านั้นนะ ความสามารถของฉืออี้หย่วนยังรักษาไว้ไม่ได้
คริสติน่าเสียใจ แต่ไม่ช้ามันก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดีที่ได้พบเพื่อนเสียแล้ว
หญิงสาวแสดงความต้องการอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังเล่าสิ่งน่าสนใจที่ได้เจอให้ทราบด้วย
ซูเสี่ยวเถียนรู้สึกขบขันกับเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มได้
ทั้งสองซุบซิบกันสักพักก่อนจะหยุดลงเมื่อคุณออกัสเดินมาหา
เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเขาดูหล่อเหลาขึ้นมาก เผยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายประสบความสำเร็จออกมาด้วย
มันคืออำนาจและบารมีที่จะแผ่ออกมาสำหรับผู้มีพรสวรรค์อยู่บนตำแหน่งสูงสุดมานานเท่านั้น
จานจิ้งอวิ๋นที่กำลังพลิกอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่ข้าง ๆ เผลอกลั้นหายใจตอนที่เห็นออกัส
แต่เจ้าตัวไม่ใช่เด็กสาวผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ จึงระงับอารมณ์ได้
แม้ในบริเวณจะมีสาวงามอยู่สองคน แต่มีเพียงคนเดียวที่ออกัสมองเท่านั้น
เขายื่นมือออกไปทางซูเสี่ยวเถียน
“สวัสดีครับคุณซู เราพบกันอีกแล้ว”
ใบหน้ามีรอยยิ้มจริงใจ
ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจ รอยยิ้มของเขามักเป็นทางการอยู่เสมอ
แม้จะเป็นวันปกติ เขาก็ไม่เคยยิ้มจริงใจขนาดนี้
แต่กลับทำได้เมื่ออยู่เบื้องหน้าซูเสี่ยวเถียนเท่านั้น แสดงให้เห็นเลยว่าเห็นเธอเป็นเพื่อนจริง ๆ
“ยินดีต้อนรับสู่ประเทศจีนนะคะ คุณออกัส!” เธอยิ้มอย่างสง่างาม
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณในครั้งนี้ด้วย”
“นี่คงเป็นโชคชะตาที่คนจีนเรียกก็ได้ค่ะ!”
“โชคชะตาหรือ เป็นคำที่ดีจริง ๆ นะ” ออกัสเอ่ยชม “ว่าแต่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ? ขอร่วมวงด้วยได้ไหม?”
ในฐานะล่ามเยอรมัน จานจิ้งอวิ๋นจึงเข้าใจบทสนทนาทั้งหมด
เธอมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
นักธุรกิจชื่อดังในเยอรมนีเป็นคนสบาย ๆ แบบนี้เองหรือ?
แล้วเจ้าตัวเพิ่งบอกว่าอยากร่วมวงด้วยเนี่ยนะ?
“เรากำลังคุยเรื่องหาเวลาไปเที่ยวบ้านเสี่ยวเถียนค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มเขาพลันสดใสมากขึ้น
“ผมคิดถึงคุณย่าและอาหารอร่อย ๆ ฝีมือท่านมากเลยครับ!”
ซูเสี่ยวเถียนนึกแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เพราะพวกนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่เคยแสดงสิ่งที่ชอบและไม่ชอบออกมาให้เห็น
ทว่าคุณออกัสกลับกล่าวออกมาตรง ๆ
“ถ้าคุณย่าฉันได้พบคุณก็คงดีใจมากเช่นกันค่ะ”
ซูเสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างสุภาพ
คุณย่าก็เอ่ยถึงคริสติน่าเหมือนกัน สาวต่างชาติที่หมายมั่นอยากจะได้คุณย่านักหนา จึงลืมคุณออกัสไปเสียสนิท
คุณออกัสเหลือบมองน้องสาว “ผมว่าคุณย่าของคุณน่าจะชอบคริสติน่ามากกว่าผมนะ!”
เด็กสาวตกใจ อิจฉาน้องหรือ?
แต่สิ่งที่เธอคาดเดาก็แม่นยำไม่น้อย
ย่าชอบหลานสาว จึงต้องชอบเด็กผู้หญิงมากกว่าอยู่แล้ว
และอีกฝ่ายก็สังเกตเห็นรายละเอียดนี้ด้วย
“ถึงย่าของฉันจะชอบคริสติน่านิดหน่อย แต่ท่านก็ต้อนรับคุณเสมอนะคะ!”
เธอเอ่ยเชิญ
“หากการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้เคร่งครัดเป็นพิเศษ ในนามของคุณย่าฉันเรียนเชิญคุณออกัสมาที่บ้านของพวกเราค่ะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าออกัสสดใสมาก “ผมจะหาเวลาไปแน่นอน”
หลังจากทักทายกันเล็กน้อย สองพี่น้องจึงขอตัวก่อนเพราะมีธุระต่อ
จานจิ้งอวิ๋นตกใจที่เห็นความเป็นกันเองของคนทั้งสาม
“ท่านนี้คือผู้มีอำนาจของ Fessenger ใช่ไหม? ได้ยินว่าคาบช้อนเงินช้อนออกมาจากท้อง แล้วก็เย็นชากับคนอื่นมากเลย”
ในฐานะล่ามเยอรมันเธอจึงได้รู้เรื่องของคนกลุ่มนี้อยู่บ้าง
คุณออกัสเกิดในตระกูลขุนนางและมีพรสวรรค์ด้านธุรกิจ โชคดีที่อยู่ในขอบเขตความเข้าใจของเธอ
สองปีก่อนเธอได้เดินทางพร้อมกับคณะผู้แทนมาแล้วด้วย และได้พบกับผู้มีอำนาจของ Fessenger เช่นกัน
แม้จะดูสุภาพ แต่เย็นชาเอามาก ๆ
ความรู้สึกที่อธิบายได้มีแค่สองคำเท่านั้น ‘เย็นเฉียบ’
แต่คุณออกัสที่ได้พบในวันนี้กลับต่างจากคนในตำนานคนนั้นไม่น้อย มากเสียจนสงสัยว่าผิดคนหรือเปล่า
ไม่ใช่คุณออกัสผู้มีอำนาจของ Fessenger แต่เป็นชายที่มีชื่อเดียวกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างซูเสี่ยวเถียนและจานจิ้งอวิ๋นไม่ถือว่าดีหรือแย่
เสี่ยวเถียนจึงไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรให้ฟังมากนัก
“ใช่ค่ะ เราเคยพบกันมาก่อนน่ะ คุณคริสติน่ากับฉันจึงได้คุยด้วยกันบ่อย ๆ ค่ะ”
เธอเลือกบอกบางอย่างเพื่อเลี่ยงปัญหา
ยุคนี้ผู้คนยังมีความอ่อนไหวในด้านติดต่อกับต่างชาติ
จานจิ้งอวิ๋นยิ้ม “เข้าใจแล้วละ แสดงว่าสนิทกันมากเลยสินะ”
ระหว่างที่กล่าวก็เหลือบมองด้วย
เด็กคนนี้เป็นที่รักของทุกคน หน้าตาอ่อนหวาน ไม่แปลกใจที่ต่างชาติเห็นยังชอบ
หลังจากคุยกันไม่เท่าไรก็มีคนมาแจ้งว่าพร้อมเริ่มงานแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนสลัดคราบเมื่อครู่ทิ้งแล้วกลายร่างเป็นหญิงเก่งกาจทันที
จานจิ้งอวิ๋นตกใจกับความแตกต่างดังกล่าว
บรรยากาศรอบกายทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นล่ามมืออาชีพ มีนิสัยที่ล่ามคนอื่นไม่มี
หลังจากทำงานหนักไม่กี่ชั่วโมง ซูเสี่ยวเถียนเหนื่อยสายตัวแทบขาด แม้ว่าสุขภาพจะดีก็ตาม
ส่วนคนอื่น ๆ แทบเป็นลม
จานจิ้งอวิ๋นนั่งเฉาบนเก้าอี้ นิ่งเงียบไปเลย
เด็กสาวทุบหลัง ขยับคอและไหล่
เพิ่งจะวันแรกเอง เหลือเวลาอีกเจ็ดวันแน่ะ แถมคณะผู้แทนเยอรมันมีหลายโครงการต้องเจรจาด้วย พวกเธอจึงยังต้องไปต่างที่อีก
จินตนาการได้เลยว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าต้องงานหนักแน่