ตอนที่ 511 อาจ่งได้รับบาดเจ็บ
เยี่ยเว่ยหมิงโจมตี ‘มังกรผยองได้สำนึก’ สามครั้งด้วยวิธีการ ‘ทบทวนตัวเองวันละสามครั้ง’ จนดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สร้างดาเมจได้มากขึ้นกว่าการโจมตีครั้งก่อนหน้า
เนื่องจากในการโจมตีครั้งก่อนหน้า เขาได้สร้างความเสียหายต่อเกราะปราณแท้ของไป๋วั่นเจี้ยนแล้ว ยิ่งเกราะปราณแท้เสียหายมากขึ้น ตัวเลขดาเมจที่ทำได้ก็ยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน!
ที่จริงแล้ว นอกจากฝ่ามือแรกที่เป็นกระบวนท่าแรกเริ่ม ประสิทธิภาพของ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ สองครั้งหลังก็เหมือนกันทุกอย่าง นั่นก็คือเพิ่มขึ้นจากเคล็ดฝ่ามือเดิมยี่สิบเปอร์เซนต์
ไม่ใช่ว่าตราบใดที่เขาโจมตีด้วยมังกรผยองได้สำนึกไม่หยุด แล้วประสิทธิภาพก็จะเพิ่มขึ้นสะสมไปเรื่อยๆ อย่างไร้ขีดจำกัด
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ในกลุ่มศิษย์สำนักภูเขาหิมะที่ถูกยืนทำโทษห่างออกไปห้าจั้ง ก็มีคนเริ่มสงสัยแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะสร้างความตื่นเต้นอย่างนี้ต่อไปจนกว่าไป๋วั่นเจี้ยนจะตายแล้วค่อยหยุดหรือเปล่า
ทว่าพวกหลี่วั่นจีที่มีตามองเห็นชัดเจนกลับรู้ว่าไม่มีทางทำอย่างนั้นสำเร็จเลย!
อยากจะอาศัยการทำดาเมจสูงฆ่า BOSS ที่เลเวลเยอะกว่าตัวเองสี่สิบห้าเลเวล ไม่ว่าผู้เล่นคนใดก็ใช้กำลังภายในเยอะจนน่ากลัวขนาดนี้ไม่ไหว
แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงที่รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่สำเร็จแต่ยังดันทุรังโจมตีต่อ พวกเขาเองก็สับสนมากเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงดันทุรังโจมตีแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่
มีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงที่รู้ชัดว่าดาเมจมหาศาลพวกนี้เป็นเพียงของขวัญพิเศษเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเขา ที่จริงคือความได้เปรียบในการต่อสู้ที่สะสมขึ้นมาจากการใช้อัลติเมตสกิลต่อเนื่องหลายครั้ง
อาศัยความได้เปรียบเหล่านี้ เขาก็มีโอกาสสู้สักตั้ง ดูว่าจะสร้างผลด้านลบที่ส่งผลกระทบต่อพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายได้หรือไม่
นั่นต่างหากคือกุญแจสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะ!
เมื่อเห็นไป๋วั่นเจี้ยนมีแนวโน้มอ่อนแอลงจากการโจมตีต่อเนื่องของตน เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าเวลานี้กำลังเหมาะ หลังจากโจมตีด้วย ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ครั้งที่สาม เขาพลันกระโดดขึ้นมากลางอากาศตรงหน้าไป๋วั่นเจี้ยน แล้วใช้ฝ่ามือซ้ายตั้งท่าเตรียมฟัน
ไป๋วั่นเจี้ยนเคยสัมผัสถึงความร้ายกาจของเคล็ดฝ่ามือจากเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว มีหรือที่จะกล้ารับฝ่ามือจากที่สูงของเขาตรงๆ
เมื่อไป๋วั่นเจี้ยนเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบถอนตัวหลบ
ขอเพียงหลบตำแหน่งที่เป็นใจกลางของเคล็ดฝ่ามือซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ สำหรับควันหลงจากพลังฝ่ามือ ไป๋วั่นเจี้ยนก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยเว่ยหมิงง้างฝ่ามือขึ้นมาเพื่อขู่เท่านั้น ตอนที่ไป๋วั่นเจี้ยนทำท่าจะหลบ กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงในมือขวาพลันวาดแสงกระบี่ราวกับจันทร์เสี้ยวออกมาสายหนึ่งฟันลงมากลางศีรษะไป๋วั่นเจี้ยนที่เดิมทีเตรียมจะหลบเคล็ดฝ่ามือ
หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์!
ท่าทางการหลบของไป๋วั่นเจี้ยน เดิมทีเตรียมเผชิญกับฝ่ามือต่อเนื่องของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าเป็นเคล็ดฝ่ามือ อาศัยความศูนย์จุดหนึ่งวินาทีตอนพลังฝ่ามือปะทุกลางอากาศ แม้เขาจะเลี่ยงคมของเคล็ดฝ่ามือไม่ได้ แต่ก็ยังพอหลบใจกลางของเคล็ดฝ่ามือที่มีอานุภาพทรงพลังที่สุดได้
แต่กระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงกลับทั้งเร็วทั้งฉับพลัน ไม่มีเค้าลางเลยแม้แต่น้อย โจมตีจนไป๋วั่นเจี้ยนรับมือไม่ถูก
แผนการรับมือก่อนหน้านี้กลายเป็นไม่เหมาะกับการโจมตีแบบนี้อีกแล้ว!
แต่ถึงอย่างไรไป๋วั่นเจี้ยนก็เป็นเสาหลักในบรรดาศิษย์รุ่นสองของสำนักภูเขาหิมะ ต่อให้เจอการโจมตีที่เหนือความคาดหมายแบบนี้ แต่อาศัยพลังฝีมือที่ห้าวหาญของเขา ตอนหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังเปลี่ยนจากถอยเป็นป้องกันได้ กวาดกระบี่ออกมาขวางการโจมตีที่มาเยือนตรงหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงได้แล้ว
แกร๊ง!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสะเทือนทั่วทั้งสนาม ไป๋วั่นเจี้ยนถอยหลังทันที ชั่วพริบตาเดียวก็ดึงระยะห่างจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ประมาณสองจั้งแล้ว ขณะเดียวกันก็เตรียมป้องกันเยี่ยเว่ยหมิงที่พร้อมจะไล่ตามโจมตีทุกเมื่อ
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากกระบี่นี้ถูกอีกฝ่ายต้านไว้ได้ ก็หมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างาม แล้วเหยียบลงบนพื้นอย่างผ่าเผย
ขณะเดียวกันนี้เอง ในใจกลับร้องว่าน่าเสียดายมาก!
ที่จริงแล้ว แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะคิดได้ว่ากระบี่นี้ไม่มีทางฟันถูกศีรษะของไป๋วั่นเจี้ยน แต่ก็คาดเดาได้เช่นกันว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น อย่างมากไป๋วั่นเจี้ยนก็ทำได้เพียงหลบให้พ้นจุดสำคัญบนศีรษะ ซึ่งกระบี่นี้ของเขาก็จะโจมตีถูกบ่าของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำอยู่ดี
ขอเพียงตอนนั้นเขากระตุ้นพลังให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด คาดว่าการโจมตีให้เกิดผลเส้นเอ็นขาดก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เมื่อเส้นเอ็นขาด ก็แสดงว่าอีกฝ่ายจะแขนพิการชั่วคราว!
ต่อให้แขนซ้ายไม่ได้สำคัญอะไรกับไป๋วั่นเจี้ยนขนาดนั้น แต่ก็ต้องสร้างผลกระทบต่อศักยภาพของเขามากแน่นอน
อาศัยความได้เปรียบนี้ ขอเพียงไล่ตามโจมตีอย่างดุดันต่อไป ถ้าอยากชนะและเก็บค่าประสบการณ์สองล้านแต้มกับค่าตบะสองแสนแต้มเข้ากระเป๋าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่กลับคาดไม่ถึง แม้ไป๋วั่นเจี้ยนจะอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แต่ก็ยังรับมือได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ขณะเสี่ยงกับภัยคุกคามที่จะถูกเยี่ยเว่ยหมิงฟันศีรษะ โจมตีจนติดสถานะมึนงงที่อันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็ยังต้านกระบี่นี้ไว้ได้อย่างไม่หวาดหวั่น
เมื่อเห็นลมหายใจของไป๋วั่นเจี้ยนกลับมามั่นคงเป็นปกติแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้ว่าหากตัวเองอยากชนะ ก็เกรงว่าจะไม่ง่ายเหมือนที่จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ไป๋วั่นเจี้ยนเป็น BOSS เลเวลเก้าสิบห้าที่ไม่มีอัลติเมทสกิลใดๆ ให้ปล่อย แต่พื้นฐานกลับมั่นคงแข็งแรงมาก
คู่ต่อสู้แบบนี้ รับมือยากว่า BOSS เลเวลเดียวกันที่ฝึกสุดยอดวิชาได้ไม่ชำนาญพวกนั้นเสียอีก!
พอหย่อนยาฟื้นฟูปราณแท้ใส่ปากหนึ่งเม็ด เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่คิดจะยอมแพ้ตรงนี้ เขาเตรียมจะพยายามต่อไป ต้องกัดกระดูกแข็งท่อนนี้ให้ได้!
เยี่ยเว่ยหมิงโบกกระบี่ยาวพร้อมกล่าวอย่างลำพองใจ “ผู้อาวุโสไป๋มีเคล็ดกระบี่ที่สูงส่งจริงๆ ‘เคล็ดกระบี่สำนักภูเขาหิมะ’ มีแต่ต้องอยู่ในมือท่านเท่านั้นถึงจะแสดงอานุภาพที่น่ากลัวอย่างแท้จริงได้ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ผู้น้อยก็ยิ่งอดใจรอไม่ไหว อยากตัดสินได้ไวๆ ว่าฝีมือใครสูงใครต่ำ”
ไป๋วั่นเจี้ยนได้ยินแล้วกลับสายหน้ากล่าวอย่างใจเย็น “คนหนุ่ม เจ้ามุทะลุเกินไปแล้ว”
“หากไม่มุทะลุ แล้วยังจะเรียกว่าคนหนุ่มได้หรือ”
ขณะกำลังต่อปากต่อคำไร้สาระกับไป๋วั่นเจี้ยน เยี่ยเว่ยหมิงก็กำลังรอให้กำลังภายในฟื้นฟูกลับมาเงียบๆ
ไป๋วั่นเจี้ยนผู้นี้ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกับเขา เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย ก็จะต้องตีกลองชักธง[1] ถึงจะวางแผนได้อีกครั้ง
ต่อให้อยู่ในขั้นตอนนี้ พลังชีวิตของไป๋วั่นเจี้ยนก็ฟื้นฟูกลับมาเร็วเช่นกัน แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าหลังจากค่าสเตตัสของทั้งสองกลับมาเต็มแล้ว เขาถึงจะมีโอกาสชนะมากขึ้น
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้อีกสามนาที เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตและกำลังภายในของทั้งสองกลับมาเต็มแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงกับไป๋วั่นเจี้ยนก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
กระบี่ยาวสองเล่มแทงออกมาพร้อมกัน เตรียมตัวสู้ศึกที่ยืดเยื้อเรียบร้อยแล้ว
ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เงาร่างสีขาวสายหนึ่งก็แฉลบออกมาจากวัดร้างอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือตวัดจากข้างล่างขึ้นข้างบน แต่กลับถูกการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงและไป๋วั่นเจี้ยนเขี่ยออกพร้อมกัน
พอหันไปมอง ก็พบว่าตัวการที่ทำลายศึกตัดสินอันยุติธรรมของพวกเขาสองคนก็คือหมิ่นโหรว!
ไม่ทันรอให้ทั้งสองเอ่ยปากถาม หมิ่นโหรวกลับก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมชิงพูดว่า “ทั้งสองไม่ต้องสู้กันอีกแล้ว เมื่อครู่ข้าไม่ทันระวังทำอวี้เอ๋อร์บาดเจ็บ!”
[1] ตีกลองชักธง 重整旗鼓 หมายถึงรวบรวมกำลังอีกครั้งหลังจากพ่ายแพ้
…………………….