ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 522 โหยวโหยวผู้สง่างาม

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 522 โหยวโหยวผู้สง่างาม

โหยวโหยวบอกว่าเปิดเผยข้อมูลของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็บอกความสามารถของเจ้าผีพรายน้ำนั่นออกมาแล้ว การกระทำแบบนี้ของนางเหมือนขัดแย้งในตัวเอง แต่ความจริงแล้วกลับเป็นทางเลือกที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสงอฝ่ายที่สุด

เพราะประโยคนี้เมื่อเทียบกับการเปิดเผยข้อมูลต่อเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ไม่สู้แจ้งเตือนแทนเจ้าผีพรายน้ำนั่นดีกว่า

ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้จุดนี้ แล้วใช้มังกรบินอยู่สวรรค์ตบลงมาจริงๆ ทำให้เรือของอีกฝ่ายจม ถึงขั้นทำให้ติงปู๋ซื่อตายก็ไม่ใช่เรื่องยากมาก แต่เจ้าผีพรายน้ำนั่นดำน้ำไปพังเรือของสื่อเสี่ยวชุ่ยให้จมได้!

เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นขุนเขาลำธารย่อมพานพบ เซียนสาวน้อยนักกิน หรือ NPC ทั้งสามคนฝ่ายตัวเอง เกรงว่าตอนอยู่ในน้ำคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าผีพรายน้ำนั่นเช่นกัน

เพียงแต่เมื่อเป็นอย่างนั้น เกรงว่าคงไม่มีใครได้รางวัลภารกิจไปทั้งนั้น

ส่วนถ้าถามว่าในช่วงเวลาสำคัญอาจ่งจะปะทุพลังออกมาแก้ไขสถานการณ์ได้หรือไม่

ขอร้องล่ะ การอาศัย NPC ให้ปะทุพลังแม้จะแก้ไขวิกฤติได้ แต่ถ้าทำถึงขั้นนั้นจริงๆ ยังจะหวังเรื่องเพิ่มรางวัลภารกิจอีกหรือ

อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย!

ดังนั้นการสู้หัวชนฝากับอีกฝ่ายเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ นอกจากจะไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ในการลงมือตอนแรกของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว กลับเหมือนคนต้องการไปใต้แต่กลับหันรถไปทางเหนือด้วยซ้ำ เข้าใจไหม!

ซึ่งถ้าพูดจากมุมของผู้เล่นสามคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็ไม่หวังให้เกิดสถานการณ์ที่พินาศย่อยยับพร้อมกันทั้งสองฝ่ายเช่นกัน

ดังนั้น คำพูดของโหยวโหยวเท่ากับช่วยสหายทั้งสองฝั่งออกมาจากทางตันที่สร้างความเสียหายซึ่งกันและกัน

เยี่ยเว่ยหมิงมองเจ้าหมอนั่นที่กำลังกู้ชีพติงปู๋ซื่อแวบหนึ่ง แล้วก็มองผู้เล่นอีกคนที่กำลังเงยหน้าจ้องตนอย่างระแวดระวัง รู้ว่าโหยวโหยวไม่ได้โกหก ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าอยากจะใช้วิธีที่รวดเร็วกะทันหันสังหารอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ดำน้ำ โอกาสที่จะทำสำเร็จก็มีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน

ในอัตราความสำเร็จแบบนี้ ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงอันตราย

หลังจากถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเสียดาย เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี่เจ้าแดงแล้วบินไปบนเรือของสื่อเสี่ยวชุ่ย

หลังจากเขาเหยียบถึงพื้นเรือ กลับพบว่าอาจ่งประคองเหล่าไท่ไท่กับสาวน้อยเดินออกจากห้องโดยสารเรือมาแล้ว ตอนนี้กำลังโคจรกำลังภายในกดจุดเพื่อจัดระเบียบเส้นสมปราณให้เหล่าไท่ไท่

หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ยังเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อนด้วยความดีใจด้วย

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังเก็บเจ้าแดงเข้าในกำไลสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง ก็พูดอย่างสนใจว่า “ขออภัยนะ เดิมทีข้าเตรียมจะพังเรือของติงปู๋ซื่อให้จบๆ ไปเสียเลย ทำให้เขาตามมาไม่ได้อีก แต่กลับพบว่าหนึ่งในนั้นว่ายน้ำเก่งมาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเป็นสุนัขจนตรอกจนต้องมาพังเรือพวกเรา ข้าทำได้เพียงล้มเลิกแผนเดิม”

สื่อผัวผั่วลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วกล่าวอย่างเนิบช้า “ติงปู๋ซื่อนั่นแม้อาศัยอยู่ริมน้ำ แต่เขากลับเป็นเป็ดตัวแห้งที่ว่ายน้ำไม่เป็นขนานแท้ ในเมื่อกระบวนทัพของอีกฝ่ายมียอดฝีมือที่ว่ายน้ำเก่ง ก็แสดงว่าพวกเราอยู่ในเรือแล้วไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว…”

ขณะที่พูด เหล่าไท่ไท่ก็หันมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวอย่างฮึกเหิมขึ้นมาในทันใด “คนพายเรือ เข้าไปใกล้ๆ เกาะข้างหน้านั่น”

คนพายเรือเอ่ยรับ แล้วเปลี่ยนทิศทางเรือทันที

ตอนนี้สื่อผัวผั่วพูดต่ออีกว่า “ที่นั่นชื่อว่าเกาะควันม่วง แม้จะอยู่ไม่ไกลจากรังของติงปู๋ซื่อ แต่ภายในเวลาสั้นๆ นี้พวกเขาอาจจะหาที่นั่นไม่เจอ พวกเราไปหลบบนเกาะนั่นสักพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องหวาดระแวงเจ้าผีพรายน้ำนั่น”

เป็นอย่างที่คาดไว้ มีการแก้บทเยอะมาก

แม้จะผ่านอุปสรรคมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังต้องไปที่เกาะควันม่วงสักเที่ยวอยู่ดี

……

อีกด้านหนึ่ง โหยวโหยวกำลังเก็บอินทรีขาวอยู่บนฟ้า ร่างกายตกลงอย่างอิสระบนห้องโดยสารเรือที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งจั้ง ทำให้เรือน้อยโคลงเคลงเบาๆ

แต่ก็เพราะเรือโคลงเคลงแบบนี้ ทำให้เขย่าติงปู๋ซื่อที่เพิ่งถูกกู้ชีพจนลมหายใจกลับมาฟื้นขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว

อั้ก! อั้ก! อั้ก!…

พ่นน้ำคำใหญ่ต่อเนื่องสามคำ ติงปู๋ซื่อถึงได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์

ต้องบอกเลยว่า ยอดฝีมือบู๊ลิ้มมีความสามารถในการฟื้นตัวที่ยอดเยี่ยมมาก

เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวโหยวที่เพิ่งลงมาจากฟ้าก็เอ่ยอย่างดูถูกว่า “ข้าไม่ได้พูดกระทบใจเจ้านะ ต่อให้อยู่บนพื้นราบ เจ้าก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนั่น”

ติงปู๋ซื่อได้ยินแล้วโมโหมาก “พูดอะไรของเจ้า”

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่สหายร่วมทีมก็มองไปที่โหยวโหยวด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นกัน เห็นได้ชัดมากว่าไม่พอใจพฤติกรรมที่เสริมขวัญกำลังใจให้ศัตรู ทำลายความน่าเกรงขามฝ่ายตัวเองของนางเป็นอย่างมาก

ทว่าโหยวโหยวกลับไม่สนใจ “ข้าหมายความว่า ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ข้ารู้สึกว่าภารกิจครั้งนี้ไม่มีโอกาสชนะเลย ถ้าจะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ไม่สู้ไปทำเรื่องที่มีความหมายสักหน่อยดีกว่า ดังนั้นข้าต้องการละทิ้งภารกิจ…

…แล้วอีกอย่าง เมื่อครู่ข้าก็เตือนอีกฝ่ายไปแล้ว เขาคงไม่ฉวยโอกาสขึ้นมาก่อกวนบนเรือลำนี้ แต่ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าไปจมเรือของพวกเขาก็แล้วกัน” ขณะที่พูด สายตาของโหยวโหยวก็ไปหยุดอยู่บนตัวเจ้าผีพรายน้ำที่เพิ่งช่วยชีวิตติงปู๋ซื่อ “ตอนเจ้าอยู่ในน้ำ เขาทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่เจ้าก็ทำอะไรเขาตอนอยู่บนฟ้าไม่ได้เช่นกัน ถ้าคิดจะนำหยกไปเผากับหิน ก็มีแต่จะทำให้ทุกคนซวยไปพร้อมกัน…

…ข้าพูดเท่านี้แหละ ขอตัวก่อน!”

พูดจบก็ไม่เสียเวลาอีก สองเท้าขาวดุจหยกออกแรงพร้อมกัน ร่างที่อ่อนช้อยทะยานขึ้นมา กระโดดขึ้นฟ้าสูงห่างจากเรือน้อยสามจั้ง จากนั้นใช้มือเรียวสวยเรียกเสี่ยวไป๋ อินทรีของนางออกมาอีกครั้ง แล้วบินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา

[ติ๊ง! ผู้เล่นโหยวโหยวออกจากทีมแล้ว]

หลังจากได้รับเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เพื่อนสองคนในทีมของนางก็มองหน้ากันเลิกลั่ก

เจ้าผีพรายน้ำโคจรวิชาต่กเสื้อผ้าตัวให้แห้ง พร้อมเอ่ยว่า “ฟังจากที่นางพูด พลังฝีมือของเจ้าคนที่บินมาก่อนหน้านี้ เหมือนพวกเราจะดูถูกไม่ได้นะ”

“หึ! ดูจากท่าทีของนางก็รู้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนั่นต่างหากที่เป็นสหายของนาง สหายร่วมทีมชั่วคราวอย่างพวกเราเทียบไม่ติดจริงๆ” ผู้เล่นคนสุดท้ายในทีมขิองติงปู๋ซื่อสวมหมวกสักหลาด แต่ถ้าสังเกตดูสักหน่อยก็จะค้นพบได้ไม่ยากว่าตรงขมับ หลังคอและส่วนอื่นที่ควรจะมีผมงอกกลับไม่มีผมเลยสักเส้น

ชายหัวโล้นใส่หมวกคนนี้ หลังจากวิจารณ์โหยวโหยวรอบหนึ่งแล้ว ก็สรุปตามมาติดๆ ว่า “ดังนั้น ข้าคิดว่าคำพูดของนางเชื่อไม่ได้”

“แม้จะพูดเช่นนี้ แต่อาศัยสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรที่อีกฝ่ายสำแดงก่อนหน้านี้ ก็ดูออกแล้วว่าศักยภาพของอีกฝ่าไม่ได้อ่อนแอแน่นอน” เจ้าผีพรายน้ำส่ายหน้าเบาๆ แล้วบอกว่า “ดังนั้น เพื่อความมั่นคงปลอดภัย ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรจะเปลี่ยนกลยุทธ์สักหน่อย”

เจ้าโล้นหมวกสักหลาดได้ยินแล้วซักไซ้ทันที “จะเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไร”

“ถ้าจะทำให้วิธีการของข้าใช้งานจริงได้ ก็ต้องขอให้ท่านติงซื่อให้ความร่วมมือ” ขณะที่พูดอยู่นั้น เจ้าผีพรายน้ำก็ย้ายสายตาไปบนตัวติงปู๋ซื่อแล้ว เมื่อครู่เขาเพิ่งช่วยชีวิตติงปู๋ซื่อ ย่อมได้รับค่าความรู้สึกดีจำนวนมาก ตอนนี้จะพูดอะไรขึ้นมาก็สะดวกขึ้นเยอะ

“ท่านติงซื่อ ท่านต้องการให้สื่อเสี่ยวชุ่ยไปที่เกาะปี้หลัวของท่านโดยวิธีการสู้ให้ชนะนาง แผนนี้เดิมทีก็ไม่ได้แย่ แต่ผู้น้อยกลับเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงช่องโหว่อย่างหนึ่ง”

ติงปู๋ซื่อได้ยินแล้วหันมา จ้องเขาด้วยสายตาเยียบเย็น พร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร “ช่องโหว่อะไร”

“ท่านติงซื่อ ท่านดูสิ…” เจ้าผีพรายน้ำยิ้มแห้ง แล้วบอกว่า “ในเมื่อท่านต้องการประลองยุทธ์กับสื่อเสี่ยวชุ่ย อาศัยทักษะยุทธ์ของท่าน ถ้าอยากเอาชนะนางได้ก็ไม่ยาก แต่เวลาสู้กันขึ้นมาดาบกระบี่ไม่มีตา หากท่านไม่ระวังทำนางบาดเจ็บเข้าล่ะ ท่านคิดว่านางจะโมโหท่าน แค้นท่านหรือเปล่า”

ติงปู๋ซื่อได้ยินแล้วตะลึงงัน จากนั้นยิ้มเจื่อน “นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรอกหรือ ข้าสู้ไม่ชนะนาง นางก็ไม่ยอมไปเกาะปี้หลัวกับข้า ข้ายังจะมีวิธีไหนอีก เดี๋ยวก่อนนะ…”

ติงปู๋ซื่อแม้จะไม่ใช่คนหลอกลวง แต่กลับไม่ใช่คนโง่ พูดได้ครึ่งหนึ่งก็เข้าใจแล้ว กล่าวพร้อมดวงตาชราที่ฉายประกาย “ในเมื่อเจ้าเอ่ยถึงปัญหานี้ขึ้นมาแล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้ามีวิธีแก้ปัญหาแล้ว”

“เหอะๆ…” เจ้าผีพรายน้ำหัวเราะแห้ง แล้วบอกว่า “ที่จริงถ้าผู้อาวุโสอยากเอาชนะสื่อเสี่ยวชุ่ยด้วย แล้วก็ไม่ทำนางบาดเจ็บด้วย ผู้น้อยคิดว่าต้องใช้กลยุทธ์สี่ดาบ”

ติงปู๋ซื่อ “กลยุทธ์สี่ดาบคืออะไร”

เจ้าผีพรายน้ำตอบว่า “สิ่งที่เรียกว่ากลยุทธ์สี่ดาบ ก็คือ…บลาๆๆ…”

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท