บทที่ 768 เข้าร่วมเถิด ซี!
บนนภา กงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์สาดประกายแสงนับล้าน คลื่นพลังไร้ขอบเขตซัดสาด นี่คือกลุ่มก้อนที่หลอมรวมพลังทั้งหมดในลัทธิไท่เหยี่ยนแล้ว หวังเพียงสามารถปกป้องกงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ไว้ได้!
สิ่งมีชีวิตนับคณาต้องประหวั่นพรั่นพรึง หวาดผวาอยู่ในใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น นี่เป็นเพราะเจ้าลัทธิรุ่นก่อนต่อสู้กับผู้อื่นข้ามมิติ การโจมตีก่อนไม่สำเร็จ จึงต้องการโจมตีอีกครั้งหรือ
ผู้ใดกำลังต่อสู้กับเจ้าลัทธิรุ่นก่อนกัน
นอกดินแดนพวกเขายังมีการดำรงอยู่น่ากลัวปานนั้นอยู่อีกหรือ
พวกเขาไม่รู้สึกเลยว่ามีพลังสูงส่งอย่างหามิได้บุกเข้ามา
ทว่าตัวตนเก่าแก่ในดินแดนนี้ต่างรับรู้ได้ว่า พลังสูงส่งอย่างหามิได้ที่บุกเข้ามา
พวกเขาต่างมีสีหน้าคร่ำเครียด นึกแปลกใจอยู่เช่นกันว่าเหตุใดข้างนอกนั่นถึงมีตัวตนสยดสยองเช่นนี้อยู่ด้วย ซ้ำยังเกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาอีกด้วย!
“คงมิใช่ว่าตาเฒ่านั่นแย่งคู่บำเพ็ญเพียรของผู้อื่นมาแล้วยังคิดสังหารผู้อื่น ถึงได้ปะทุศึกนี้กระมัง!”
ร่างแก่ชราร่างนั้นเอ่ยเสียงเบา “เป็นไปได้มาก การโดนแย่งคู่บำเพ็ญเพียรครั้งแล้วครั้งเล่า อาจทำให้หมอนั่นจิตใจมีปัญหา จนไปแย่งคู่บำเพ็ญเพียรของผู้อื่น ทว่าแย่งคู่บำเพ็ญเพียรผู้อื่นมาแล้วยังคิดจะฆ่าผู้อื่นด้วย เลวทรามเกินไป!”
เขาเอ่ยต่อ “หรือไม่ก็เป็นหมอนี่ที่หมายตาคู่บำเพ็ญเพียรของผู้อื่นและอยากชิงตัวมา จนปะทุเป็นศึกนี้”
เขามีสีหน้าดูแคลน
“ไม่ว่าอย่างไร พฤติกรรมเช่นนี้ก็มิควรเอาเป็นแบบอย่าง! แย่งคู่บำเพ็ญเพียรผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ควรแม้แต่จะคิด ทำเช่นนี้เท่ากับก่ออาชญากรรม! บกพร่องทางจริยธรรม!”
เขาออกความเห็นด้วยท่าทีขึงขัง ลืมไปเสียสนิทว่าตนเองก็เคยมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันนี้ ซ้ำยังสำเร็จอีกด้วย…
“อย่างข้านั้นมิใช่การแย่ง หากแต่เป็นการชอบพอกัน ต่างฝ่ายต่างมีใจปฏิพัทธ์ นั่นคือพลังความรัก!”
เขานึกขึ้นได้จึงเอ่ยเสริมอีกประโยค
ฟึ่บ!
ในที่สุด พลังมวลนั้นก็บุกมาถึง เป็นเพียงแสงลำหนึ่งที่มิสู้จะว่องไวเท่าใด ค่อย ๆ พุ่งผ่านสายตาของสิ่งมีชีวิตมากมายไปทีละน้อย
แต่หลังเจ้าลัทธิรุ่นก่อนได้เห็นลำแสงที่แช่มช้าดุจเต่าก็รู้สึกคล้ายหัวจะระเบิด!
ต้องเป็นพลังระดับใดกัน เขาไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้มาก่อน น่ากลัวเกินไปแล้ว วิญญาณของเขาสั่นสะท้าน ไม่อาจเกิดความคิดพร้อมต่อสู้ขึ้นมาได้เลย!
ห่างชั้นเกินไป มิใช่ระดับเดียวกันเลย นั่นเป็นพลังที่เขามิอาจทำความเข้าใจได้!
“มีขอบเขตเหนือพวกเราขึ้นไปอีกหรือ!?”
“เป็นไป…ได้อย่างไรกัน!”
ตัวตนเก่าแก่ในดินแดนนี้ต่างขวัญผวา พลังที่แฝงอยู่ในลำแสงนั้นสร้างภัยคุกคามมาถึงชีวิตพวกเขา พวกเขาไม่นึกกังขาเลยว่า หากแสงลำนั้นเล็งเป้ามาที่พวกเขา พวกเขาจะถูกฆ่าในพริบตา ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้เลย!
ตู้ม!
ลำแสงบุกเข้ามากระแทกบนกงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ ชั่วพริบตานั้น เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ไปทั่วดินแดน ภูเขาถล่ม พสุธาแยกออก ลำธารหยุดไหล สิ่งปลูกสร้างในลัทธิไท่เหยียนพังครื้นในเสี้ยวลมหายใจ!
เสียงบางอย่างแตกสลายดังขึ้น กงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ หนึ่งในสมบัติสามอันดับแรกแห่งดินแดนนี้ถูกทำลายลง ณ ตรงนั้น กลายเป็นชิ้นส่วนกระจายเต็มพื้น
เจ้าลัทธิรุ่นก่อนกระอักเลือดพรวด ล้มลงกับพื้น คนทั้งคนหมดอาลัยตายอยาก หมดแล้วซึ่งความมีชีวิตชีวา พริบตาเดียวก็กลายเป็นผู้เฒ่าชราภาพใกล้สิ้นอายุขัย
ยอดฝีมือในลัทธิไท่เหยียนต่างได้รับผลกระทบ ถูกกระเทือนออกไป ค่ายกลใหญ่ต่าง ๆ ในดินแดนต่างระเบิดออกทั้งหมด ไม่สามารถคงไว้ได้
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!?”
เจ้าลัทธิรุ่นก่อนพึมพำกับตนเอง ยามเอ่ยวาจายังมีโลหิตไหลออกจากมุมปาก เขาสำนึกเสียใจแทบบ้า รู้อย่างนี้ ก่อนนี้เขาควรเลือกจบเรื่องราวทุกอย่าง มิใช่การยืมพลังจากกงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์แล้วโจมตีอีกครั้ง!
คราวนี้สิดี กงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ถูกทำลาย ดินแดนลัทธิกลายเป็นซากปรักหักพัง ค่ายกลใหญ่และกลไกต่าง ๆ หายไปทั้งหมด
แม้ว่ามิมีสมาชิกคนใดบาดเจ็บล้มตาย กระนั้นเหตุการณ์คราวนี้ก็สร้างผลกระทบต่อพวกเขาอย่างมาก สมบัติสำคัญในลัทธิถูกทำลายติดต่อกัน แม้กระทั่งกงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ยังหายไปด้วย พวกเขาหมดสิ้นพลังที่สร้างบารมีได้ เสียตำแหน่งหนึ่งในกองกำลังสูงสุดไป
เขาตระหนักดีว่าการโจมตีสุดท้ายของเขาทำให้ท่านผู้นั้นไม่พอใจ จนก่อให้เกิดการลงทัณฑ์พวกเขา
ยังดีที่ท่านผู้นั้นมิได้คิดเอาชีวิต มิฉะนั้น ลัทธิของพวกเขาคงได้ตายกันทั้งหมด ไม่เหลือทางรอด
“ตาเฒ่านี่ มิใช่ว่าข้าตำหนิเจ้า เลิกมีความคิดไร้ศีลธรรมจำพวกนั้นเสียเถิด หมายตาคู่บำเพ็ญเพียรของผู้อื่นเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน!”
ร่างแก่ชราร่างนั้นเหินเข้ามา ส่งเสียงอยู่ข้าง ๆ เจ้าลัทธิรุ่นก่อน
“เจ้า!”
เจ้าลัทธิรุ่นก่อนโมโหจนกลั้นไม่อยู่ กระอักเลือดพรวดออกมา
หมอนี่มีหน้ามาว่าเขาได้อย่างไร
ซ้ำยังเอ่ยว่า…ไร้จริยธรรม!
หากมิใช่ว่าเขาในตอนนี้มีสภาพไม่สู้ดี เป็นต้องเข้าห้ำหั่นกับหมอนี่ด้วยเลือดเนื้อให้ถึงที่สุดแน่!
“ข้าอยากมาเยี่ยมชมลัทธิไท่เหยียนนานแล้ว น่าเสียดายที่ไม่สมหวังเสียที บัดนี้นับว่าเป็นดั่งปรารถนา เพียงแต่น่าเวทนาไปหน่อย!”
ร่างแก่ชราร่างนั้นมือไพล่หลัง เดินวนเวียนไปมาอยู่เบื้องหน้าเจ้าลัทธิรุ่นก่อน ทั้งยังส่ายหัวไปมาขณะเอ่ย
เชือดคนเฉือนใจ!
นี่เป็นการเฉือนใจเขาโดยไม่ปิดบัง!
เจ้าลัทธิรุ่นก่อนขบฟันกรอด หนี้แค้นระหว่างเขากับหมอนี่ยิ่งทวีคูณความบาดหมาง สู้รบปรบมือกันมาตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์จวบจนบัดนี้
ทว่าเขาในเวลานี้ได้แต่อดทน ปล่อยให้หมอนี่อวดเบ่งอยู่ตรงหน้าเขา
สภาพของเขามิสู้ดี กอปรกับปราศจากกงล้อยอดปราชญ์หยินสวรรค์ เขาทำร้ายหมอนี่มิได้
…
ภายในตำหนักจักรพรรดิไป๋
หลี่จิ่วเต้าเก็บพู่กัน วาดภาพพัดเสร็จเรียบร้อย
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มด้วยความพึงใจ ภาพบนพัดนี้ดูไม่ออกเลยสักนิดว่ามีผู้วาดสองคน เขาสานต่อได้แนบเนียนไร้ที่ติ
“ไม่เลวเลยจริง ๆ!”
มือลองพัดเบา ๆ พลันรู้สึกสบายอุรายิ่ง วัสดุของพัดเล่มนี้ไม่เลวเลย เบาบางใช้สะดวก
สุดท้าย เขาเก็บพัดพับกลับเข้าไป
“พวกเราไปกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเชยชมพื้นที่ที่เหลือในตำหนักจักรพรรดิไป๋เสร็จแล้วจึงขึ้นขี่กิเลนไฟ ไปจากเมืองนี้
ส่วนพวกลั่วสุ่ยนั่งอยู่บนรถลาก ตามคุณชายไปด้วย
พวกเขาเดินทางต่อ ทัศนาจรไปทั่วแดนดิน
…
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่
ในนครพิศวงแห่งหนึ่ง
“ท่านพ่อบุญธรรมเก่งกล้ายิ่งนัก!”
เจ้าหลวงเอ่ยต่อบิดาบุญธรรมของเขาด้วยความเลื่อมใส
เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ บิดาบุญธรรมที่ตามหาส่งเดชเพราะแต่เดิมต้องการที่พึ่งทางใจจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้!
ที่นี่เป็นเพียงนครพิศวงเล็ก ๆ สิ่งมีชีวิตพิศวงในนี้ไม่ถือว่าแข็งแกร่งเท่าใด เขาปราบปรามนครพิศวงแห่งนี้ลงได้ง่าย ๆ ให้บิดาบุญธรรมของเขาได้ดูดกลืนพลัง
ก่อนนี้ บิดาบุญธรรมของเขาเอ่ยว่าเป็นบรรพจารย์พิศวงลางร้ายไม่ธรรมดา ความพิศวงลางร้ายด้านนอกนั่นล้วนถูกเผยแพร่ออกไปโดยเขา
ครานั้นเขายังไม่เชื่อ คิดว่าบิดาบุญธรรมของเขาพูดจาเหลวไหล อวดเบ่งไปอย่างนั้น
แม้ว่าบิดาบุญธรรมได้ถ่ายทอดวิชาลับแห่งความพิศวงให้เขาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่เขายังนึกแคลงใจอยู่
ทว่าหลังมาถึงที่นี่ เขาก็หมดทุกข้อกังขา!
บิดาบุญธรรมของเขาดุดันอย่างแท้จริง เพียงครู่เดียวเท่านั้น บิดาบุญธรรมของเขาก็ดูดกลืนพลังพิศวงลางร้ายในดินแดนนี้จนหมด!
ต้องรู้ว่า ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่มีทางดูดกลืนพลังพิศวงลางร้ายหมดเกลี้ยงได้ว่องไวเพียงนี้
หลังบิดาบุญธรรมของเขาดูดกลืนความพิศวงลางร้ายของที่นี่ไปแล้ว เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับบิดาบุญธรรมของเขา เกิดเป็นบารมียิ่งใหญ่ จนเขาอดมิได้อยากก้มลงคำนับกราบกราน!
บารมีอันยิ่งใหญ่นั้นส่งผลต่อพลังพิศวงลางร้ายโดยตรง เขาเชื่อแล้วจริง ๆ หากมิใช่บรรพจารย์ตัวจริง ไม่มีทางมีบารมียิ่งใหญ่เพียงนี้!
“ข้าโชคดีเหลือเกิน! ถึงได้เจอบิดาบุญธรรมแสนดีเช่นนี้! ท่านพ่อบุญธรรม ท่านวางใจเถิด จากนี้ไปลูกจะกตัญญูต่อท่าน!”
เขากอดขาบรรพจารย์เหยียน บิดาบุญธรรมของเขาพลางร่ำไห้
สายตาบรรพจารย์เหยียนทอประกายรังเกียจ อยากถีบเจ้าหลวงให้กระเด็นนัก
สะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว!
แต่สุดท้ายมันก็มิได้ลงมือ ยามนี้มันยังต้องใช้ประโยชน์จากเจ้าหลวงอยู่
“ไปกันเถิดบุตรชายข้า ไปยังนครพิศวงอื่น พ่อฟื้นตัวได้ไวเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ไวเท่านั้น”
มันกล่าวต่อเจ้าหลวง
“ขอรับท่านพ่อบุญธรรม!”
เจ้าหลวงตบหน้าอกรับประกัน “ข้าจะพาท่านพ่อบุญธรรมไปดูดกลืนของนครพิศวงทั้งหมด!”
“ดี”
บรรพจารย์เหยียนพยักหน้า หากได้ดูดกลืนพลังพิศวงลางร้ายจากนครพิศวงทั้งหมด มันคงฟื้นตัวได้ประมาณหนึ่ง
ถึงครานั้น มันสามารถติดต่อกับบรรพจารย์ท่านอื่น ดูว่ากลับไปได้หรือไม่
บางทีมันอาจขออยู่ที่นี่ต่อเป็นไส้ศึก พิชิตจักรวาลโกลาหลผืนนี้โดยร่วมมือกับบรรพจารย์ท่านอื่นจากภายใน
…
นอกจักรวาลโกลาหลผืนนี้ สตรีโฉมสะคราญนางหนึ่งเยื้องย่างอยู่ในอวกาศ
นางมีรูปร่างสะโอดสะอง งดงามไร้ที่ติ อาภรณ์สีขาวยิ่งขับให้นางดูไร้มลทิน
“การฝึกตนเป็นไปอย่างรวดเร็วเสียจริง…”
นางเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ สะท้อนใจเป็นหนักหนา นางในเวลานี้ อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นสามแล้ว!
เร็วเหลือเกิน เกินกว่าความคาดหมายของนางอย่างสิ้นเชิง นางเดินทางอยู่ตลอดแท้ ๆ แต่ยังยกระดับพลังได้รวดเร็วปานนี้ เรื่องนี้น่าตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย แทบเรียกได้ว่าเหลือเชื่อ!
ใช่แล้ว นางคือซี บัดนี้นางเดินทางเส้นทางนั้นจนออกจากจักรวาลโกลาหลผืนนั้นได้นานแล้ว
ร่างกายของนางอัศจรรย์ยิ่งนัก การบรรลุขอบเขตง่ายดายเสมือนกินข้าวดื่มน้ำ ไร้ซึ่งอุปสรรค
แน่นอนว่า นี่ก็เพราะสสารนอกจักรวาลโกลาหลผืนนั้นไม่ธรรมดา เหนือว่าสสารภายในจักรวาลโกลาหลผืนนั้นไปไกล เมื่อนางมีสสารเหล่านี้คอยเจือจุน จึงยกระดับได้ว่องไวเช่นนี้
หากว่านางยังอยู่ในจักรวาลโกลาหลผืนนั้น แม้จะยกระดับได้รวดเร็วเช่นกัน กระนั้นก็คงไม่เร็วปานนี้
“ดูท่า จักรวาลโกลาหลที่ข้าอยู่จะด้อยพลังยิ่ง…” นางว่า
หลังออกจากจักรวาลโกลาหลผืนนั้น นางก็ได้พบสสารฝึกฝนซึ่งค่อนข้างอัศจรรย์ และนางยังมิทันได้เข้าไปในจักรวาลโกลาหลผืนอื่นด้วยซ้ำ จักรวาลโกลาหลที่นางอยู่ด้อยพลังจริง ๆ ข้างนอกนั่นล้วนทรงพลังกว่าในนี้
ตู้ม!
เวลานั้นเอง เสียงดังโครมครามดังห่างออกไปไม่ไกล พลังประหลาดไหลเวียน ม่านตาซีหรี่ลง อยู่ในสภาวะเฝ้าระวัง
จากนั้น นาวาสมุทรลำมหึมาปรากฏ จอดอยู่เบื้องหน้าซี
“แม่นางเก่งกาจยิ่งนัก กระโดดออกจากจักรวาลของตนได้ด้วยขอบเขตโกลาหลขั้นสาม ไม่ธรรมดาจริง ๆ น่านับถือยิ่งนัก!”
บนนาวาสมุทร เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเหินออกมา เอ่ยต่อซีด้วยรอยยิ้มเบาบาง
ประกายพร่างพราวล้อมอยู่รอบตัวเขา บุคลิกโดดเด่น ดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์เป็นพิเศษ หล่อเหลาสดใส
นี่เป็นภาษาที่ซีไม่เคยได้ยินมาก่อน กระนั้นก็มิใช่เรื่องใหญ่ ซีเข้าใจความหมายในวาจาของเด็กหนุ่ม
“เกรงใจเกินไปแล้ว”
ซีตอบอย่างมีมารยาท มิได้ลดความระแวงลง แม้ว่าเด็กหนุ่มหล่อเหลาสดใสเป็นอย่างยิ่ง ทว่านางมิใช่พวกบ้าบุรุษรูปงาม ไม่มีทางถูกรูปลักษณ์เด็กหนุ่มทำให้หน้ามืดตามัว
นอกจากนี้ นางมีใจให้ผู้อื่นไปแล้ว หัวใจยังถวิลหาถึงบุรุษตัวน้อย ยิ่งไม่มีทางหลงใหลได้ปลื้มไปกับเด็กหนุ่ม
“แม่นางมิต้องกังวล ข้าหาได้มีเจตนาร้ายไม่”
เด็กหนุ่มหัวเราะ “พวกเรากำลังระดมพล สิ่งมีชีวิตที่กระโดดออกจากจักรวาลโกลาหลของตนได้ ล้วนอยู่ในข่ายพิจารณาของเรา แม่นางสนใจทำความรู้จักกันหน่อยหรือไม่”
เขากล่าวต่อ “แม่นางอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ นี่คือวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นบุญสูงสุดของแม่นาง”
ยามเอ่ยวาจา เขาหยิบตำราทองออกมาเล่มหนึ่งแล้วยื่นให้ซี
“เพื่อแสดงถึงความจริงใจของข้า และเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายข้า แม่นางอ่านตำราทองเล่มนี้ก่อนก็ได้ ในนั้นจารึกวิชาลับไว้วิชาหนึ่ง”
เขาคลี่ยิ้มสดใส เอ่ยด้วยท่าทีที่ทึกทักเอาเองว่าเจ้าเสน่ห์
ทุกครั้งที่ตำราทองออกโรง มิเคยพลาดสักครา หลังซีได้เห็นย่อมตกลงแน่นอน
เขาชักชวนสิ่งมีชีวิตเข้าร่วมได้สำเร็จมามากแล้วด้วยตำราทองนี้