คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1411

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คนของวิหคสวรรค์

เวลาห้าปีจะกล่าวว่ายาวนานก็ยาวนาน จะว่าแสนสั้นก็แสนสั้น

ช่วงเวลานี้หานลี่ไม่เพียงนำกระดูกทองที่แมลงผลึกห้าคู่พ่นออกมาทาบนเรือนร่าง ยังนำทรายปะการังทองตัวเมียบดกับสมุนไพรต่างๆ จนกลายเป็นน้ำ แล้วใส่เข้าไปในร่างกายระหว่างที่ฝึกฝนกายเนื้อ

ผลของการกระทำเช่นนี้แน่นอนว่าแมลงผลึกกระดูกทองห้าคู่ล้วนหายไป ทรายปะการังทองตัวเมียในน้ำเต้าทั้งสามก็หมดเกลี้ยง

วันหนึ่งครั้นเมื่อหานลี่ลืมตาครึ่งจากภวังค์อีกครั้ง ก็เงยหน้าขึ้นดูสองมือที่ดูเหมือนปกติแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา

“หลอมกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียไปในร่างไม่น้อยแล้วแท้ๆ กายเนื้อก็แข็งแกร่งขึ้นมา แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจทลายจุดคอขวดของระดับขั้นกลางที่เหลือเพียงนิดเดียวได้ หรือว่าจะวาสนาไม่ถึงจริงๆ”

หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ปิดตาทั้งสองข้างลงอีกครั้งด้วยความกลัดกลุ้ม ฉับพลันนั้นกำแพงของห้องลับพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ ทารกวิญญาณที่สองกลายเป็นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งบินเข้ามา มือเล็กๆ โบกสะบัดไปมาพลางพูดวนๆ ซ้ำๆ กับหานลี่

หานลี่พลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นเมื่อได้ยินก็หัวเราะเบาๆ ออกมา

“เกือบลืมเลย คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นใกล้จะมาถึงเกาะแล้ว ถือโอกาสไปชมความสามารถของเผ่าประหลาดเหล่านั้นสักหน่อย” เอ่ยกับตัวเอง หยัดกายขึ้นเดินออกจากประตูห้องลับ

แม้ว่าสองสามปีที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้ออกจากห้องลับเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่กลับออกคำสั่งให้ทารกวิญญาณที่สองใช้เคล็ดวิชาหุ่นเชิด ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของปีศาจทั้งสี่อยู่ตลอด ผลคือในที่่สุดก็ได้ยินว่าทูตของเผ่าวิหคสวรรค์จะมาที่เกาะนี้จากการพูดคุยของพวกมัน

ในที่สุดครานี้เผ่าประหลาดเหล่านั้นก็มาถึงแล้ว ปีศาจเหล่านั้นจึงส่งคนออกไปต้อนรับ

จะว่าไปแล้วครั้งที่แล้วที่เขาจับท่านเป่ากวงผู้นั้น ก็ใช้เพลิงกลืนวิญญาณทำลายจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจในภายหลังที่ลืมใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณไป ถึงอย่างไรเสียก็เป็นอสูรปีศาจแปลงกายระดับแปดตนหนึ่ง น่าจะรู้จักในละแวกนี้ไม่น้อย

แม้นว่าก่อนหน้านี้จะใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับปีศาจปลาทองตัวนั้นแล้ว แต่ปีศาจปลาตัวนั้นไม่เคยออกห่างจากน่านน้ำมากนัก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก รู้แค่ว่าน่านน้ำผืนนี้ถูกเรียกว่าทะเลมารแดง ส่วนเกาะที่หานลี่พำนักอยู่นั้นถูกเรียกว่าเกาะเฮยอิ่น เป็นแค่เกาะครึ่งเกาะเท่านั้น

ส่วนเล็กๆ ของเกาะนี้ที่เขาอาศัยอยู่คือเทือกเขาเฮยอิ่น เก้าในสิบเกาะล้วนถูกหมอกสีดำปกคลุมเอาไว้ ทว่าโชคดีที่ครึ่งเกาะยังคงเชื่อมติดกับแผ่นดินเฟิงหยวน เขาไม่ได้ถูกส่งตัวไปยังแผ่นดินที่ไม่คุ้นเคยสองแห่งนั้น นี่จึงทำให้านลี่รู้สึกผ่อนคลายลงไปเฮือกหนึ่ง

ขอแค่ยังอยู่ในแผ่นดินเฟิงหยวน เขาก็มีวิธีกลับไปยังเผ่ามนุษย์

น่านน้ำรอบๆ ครึ่งเกาะรวมทั้งแผ่นดินที่ติดอยู่กับครึ่งเกาะ ดูเหมือนว่าจะเป็นแผ่นดินที่เผ่าประหลาดมีปิดของเป่าวิญญาณเหาะเหินควบคุมอยู่ ส่วนเผ่าวิหคสวรรค์นั้นเป็นแค่หนึ่งในสาขาของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเท่านั้น และยังเป็นหนึ่งในสาขาที่ค่อนข้างอ่อนแอในบรรดายี่สิบสามสิบสาขา นี้ก็เพราะอสูรปีศาจจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในละแวกของน่านน้ำนี้ต่างถูกคนของเผ่าวิญญาณเหาะหินขับไล่จากแผ่นดินใหญ่ให้มาอยู่ในมหาสมุทร มิเช่นนั้นปีศาจปลาตัวนี้คงไม่มีทางไม่รู้แม้แต่ข่าวนี้

นอกจากนี้ปีศาจปลาผู้นี้ก็ไม่ได้ข่าวอะไรที่แม่นยำอีก

ทว่าในความทรงจำที่ลางเลือนของปีศาจปลาผู้นี้ นอกจากปีกคู่หนึ่งที่แผ่นหลังของเผ่าวิหคสวรรค์แล้ว ก็สามารถยืมความสามารถแปลงกายเป็นวิหคยักษ์ชนิดต่างๆ ได้ระหว่างต่อสู้ ส่วนอื่นๆ ก็คล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์

เช่นนั้นหานลี่จึงรู้สึกสนใจทูตที่จะมารับเครื่องบรรณาการจากเผ่าวิหคสวรรค์เป็นอย่างมาก และอยากไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานหานลี่ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งปรากฎขึ้นกลางอากาศห่างออกไปสองสามร้อยลี้ ตรงหัวไหล่ของเขามีแมลงเกราะสีเหลืองความยาวครึ่งฉื่อตัวหนึ่งมอบอยู่

หานลี่ปล่อยให้ลำแสงหลีกหนีพุ่งไปข้างหน้าอย่างอิสระ มือหนึ่งลูบไปที่แมลงกลืนทองที่เพิ่งตื่นได้มานาน

ดูจากภายนอกแมลงเกราะนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนเลยสักนิด แต่ทุกตัวกลับดูหนักขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะหนักกว่าตอนที่กินหินประหลาดนั้นไปเข้าไปสองสามเท่า โชคดีที่หลังจากผ่านการทดสอบ แมลงกลืนทองแปลงกายเหล่านี้ก็ฟื้นฟูกลับมามีชีวิตชีวาเช่นเดิม และยิ่งไปกว่านั้นทุกตัวก็มีพลังมหาศาลไร้ขีดจำกัด

คิดไม่ถึงว่าแมลงกลืนทองตัวหนึ่งจะสามารถกินของหนักเกือบพันชั่งได้ นี่จึงทำให้หานลี่ทดสอบเสร็จแล้วในตอนนั้นตกตะลึงจนอ้าปากค้างอยู่นาน

นอกจากสองจุดนี้หานลี่ก็ไม่พบว่าแมลงกลืนทองนับพันตัวที่พัฒนาระดับขึ้นแล้วมีความพิเศษอะไรอีก ไม่รู้ว่าเป็นแค่การเปลี่ยนแปลง หรือมีการกลายพันธุ์อื่นๆ แค่เขายังไม่พบเท่านั้น

หานลี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าก้อนหินสามก้อนนี้มีความพิเศษอย่างไร

หนึ่งวันต่อมา สายรุ้งสีเขียวก็ปรากฎใกล้ๆ กับเทือกเขาเตี้ยๆ

หลังจากที่แววตาของเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นสายรุ้งสีเขียวก็ทยอยกันลางเลือน สุดท้ายก็สลายหายไปท่ามกลางลำแสงหลีกหนี

คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะสำแดงความสามารถอำพรางลำแสงหลีกหนีและตนเองไปพร้อมกัน ลำแสงหลีกหนีพลันลดความเร็วลงสองสามเท่า

หลังจากที่บินผ่านทะเลสาบไป เบื้องหน้าพลันมีภูเขาน้อยๆ สีเขียวมรกตที่มีต้นไม้สีเขียวสูงสองสามจั้งเรียงรายอยู่ลูกหนึ่ง ตรงตีนเขามีอสูรหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโตนับพันหมื่นตัววิ่งเล่นอยู่

หานลี่พิจารณาฝูงอสูร ทันใดนั้นก็มองไปที่เนินเขาเล็กๆ

ตรงนั้นมีหมอกสีขาวที่หนาแน่นปกคลุมอยู่

ดวงตาทั้งสองเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วพริบตาเนตรวิญญาณวารีกระจ่างก็มองทะลุผ่านม่านหมอก มองเห็นประตูหินสีเขียวอ่อนบานหนึ่งในม่านหมอก

นี่คือถ้ำพำนักของอสูรน้อยหัววัวผู้นั้น

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ร่างกายพุ่งขึ้นไปยังที่สูง หลังจากอยู่สูงไปสองสามพันจั้ง ถึงได้หยุดลำแสงหลีกหนีลง

จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม อาคมหลากสีสันสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบพลางพุ่งออกไป

อากาศรอบๆ มีหมอกเป็นกลุ่มๆ ปรากฎขึ้น ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเมฆสีเทาที่ดูธรรมดาๆ กลุ่มหนึ่ง ปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้

ครานี้หานลี่ถึงได้ยักไหล่ แมลงกลืนทองยักษ์ตัวนั้นเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ชั่วครู่ก็หดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว สองปีกกระพือบินออกจากหมอกสีเทา ตรงไปยังภูเขาด้านล่าง

หานลี่มองแมลงตัวนั้น หลังจากรอให้มันหายวับไปในภูเขาแล้ว ก็ลอยอยู่กลางม่านหมอกด้วยสีหน้าราบเรียบ

ผลคือหลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ที่ขอบฟ้าก็มีลำแสงสว่างวาบ วายุปีศาจสองกลุ่มบินเข้ามารวมทั้งวิหคยักษ์สีเงินสามตัว

รูม่านตาของหานลี่หดลงเล็กน้อย สองตาจ้องเขม็งไปยังวิหคยักษ์สามตัว

เห็นเพียงวิหคยักษ์สามตัวมีความยาวสามจั้งเศษ กายภายนอกคล้ายกับอินทรียักษ์ เรือนกายมีลำแสงสีเงินเรืองรอง ราวกับว่าขนทุกเส้นสร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น ดวงตาสีม่วงเข้มคู่หนึ่งกลอกไปมา แหลมคมเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าวิหคยักษ์สามตัวลดความเร็วลง แต่หลังจากที่มองเห็นภูเขาน้อยที่งดงามไกลๆ วิหคทั้งสามก็กระพือปีกออกพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นประจุไฟฟ้าสีขาวพลันปรากฎขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นสายฟ้าสามสายพุ่งออกมา

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ครู่ต่อมาวิหคยักษ์สามตัวที่มีประจุไฟฟ้าห่อหุ้มก็ปรากฎตัวเบื้องหน้าหมอกสีขาว

หลังจากเก็บปีกทั้งสองข้าง วิหคยักษ์สามตัวที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีเงินกลายเป็นบุรุษสองคนและสตรีหนึ่งคน คนประหลาดที่มีปีกสีเงินที่แผ่นหลังสามคน

“นี่คือคนของเผ่าวิหคสวรรค์?” หานลี่พิจารณาอย่างละเอียด ใบหน้าอดที่จะฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้

หน้าตาของบุรุษช่างหล่อเหลาองอาจ สตรีหน้าตาหมดจนงดงาม นอกจากปีกที่แผ่นหลังแล้ว ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับบุรุษและสตรีเผ่ามนุษย์

และดูจากกลิ่นอายของทั้งสาม กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระดับเทียบเท่ากับระดับเทพแปลง

บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์หนึ่งในนั้นดูแล้วมีอายุสามสิบกว่าปี น่าจะอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง บุรุษและสตรีที่อ่อนเยาว์กว่าล้วนอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นต้น

ทั้งสามต่างสวมชุดคลุมยาวสีขาวที่ดูเรียบง่าย บุรุษทั้งสองโพกผ้าสีเงินที่ศีรษะ สตรีผมยาวประบ่า

หลังจากรู้กำลังของคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสาม หานลี่ก็รู้สึกผ่อนคลายลง ปากพลันบริกรรมคาถาอย่างเงียบๆ เก็บกลิ่นอายทั้งหมดเข้าไป พายุอ่อนๆ กลุ่มหนึ่งพุ่งตรงไปด้านล่าง

แน่นอนว่าทั้งสามคนไม่มีทางสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือหัวได้ แค่ลอยอยู่หน้าภูเขาน้อย รออยู่ตรงนั้นเงียบๆ

ผลคือหลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ พายุปีศาจสองกลุ่มถึงได้บินมาถึงตรงนั้น

ไอปีศาจหม่นแสงลง เผยร่างหมูป่ายักษ์และงูเหลือมร่างหัวออกมา

“เชิญอรหันต์ทั้งสามเข้าไปข้างในขอรับ สหายมรกตและสหายทองกำลังตรวจสอบเครื่องบรรณาการและงานเลี้ยงอยู่ในถ้ำพำนัก เหล่าอรหันต์ทั้งสามโปรดให้เกียรติเยี่ยมชมด้วยเถิด!” เมื่องูเหลือมยักษ์ปรากฎตัว ก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้มทันที

“ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ พวกเรารับเครื่องบรรณาการเสร็จก็จะกลับเลย” บุรุษอายุสามสิบกว่าปีเอ่ยอย่างราบเรียบ คนที่เหลือเองก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก

จะไปโทษว่าพวกเขามีสีหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร จากพลังยุทธ์ของปีศาจสองตนนี้จะไปอยู่ในสายตาของคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามได้อย่างไร

หากไม่ใช่เพราะเครื่องบรรณาการของเหล่าปีศาจบนเกาะนั้นสำคัญ พวกเขาก็ไม่คิดจะเอ่ยปากพูดเลยสักนิด

ในตอนนั้นเองหมอกสีขาวเบื้องหน้าภูเขาก็สลายออก ประตูสีเขียวที่ซ่อนอยู่ด้านในค่อยๆ เปิดออก

ทันใดนั้นอสูรน้อยหัววัวและวานรยักษ์ขนทองก็เดินออกมาจากด้านใน เอ่ยเชิญคนของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามให้เข้าไปในถ้ำพำนักด้วยความรู้สึกผิด ปีศาจที่เหลือก็ไล่ตามมาติดๆ

ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาที่ประตูถ้ำพำนักปิดลงอีกครั้ง พายุจางๆ ที่มองไม่ค่อยเห็นสายหนึ่งจะพัดเข้าไปในประตู

ปีศาจทั้งสี่นำคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเข้าไปในห้องโถงที่วิจิตรงดงามห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว แม้นว่าปีศาจทั้งสี่จะยังไม่ได้แปลงกายเป็นคน แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเก้าอี้ตั้งอยู่ตรงนั้นสองสามตัว

คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเองก็ไม่เกรงใจนั่งลงตรงตำแหน่งหลัก สี่ปีศาจยืนประสานมืออยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดพล่ามอะไรไร้สารแล้ว ขอแค่พวกเรามาว่าครั้งนี้เตรียมเครื่องบรรณาการมาเหมาะสมหรือไม่” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์ที่ดูอายุยี่สิบกว่าปีเพิ่งจะนั่งลง ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ

“รายงานเหล่าอรหันต์ เครื่องบรรณาการกว่าครึ่งถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครันแล้ว แต่มีบางอย่างที่หมดสิ้นไปจากเกาะของพวกเราแล้ว จึงไม่อาจตามหาได้” อสูรน้อยหัววัวใจหายวาบ พลางตอบกลับอย่างรีบร้อน

“รวบรวมไม่ครบ? หึ เครื่องบรรณาการไม่ครบ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ผลที่จะตามมาสินะ ไม่มีเครื่องบรรณาการ พวกเจ้าจะมีค่าอะไรให้อยู่บนเกาะนี้ต่อ” บุรุษที่อายุมากหน่อยอีกคนหนึ่งได้ยิน ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านอรหันต์โปรดระงับความโกรธด้วย! แม้ว่าเครื่องบรรณาการจะขาดไปหน่อย แต่ครั้งนี้พวกเรากลับเตรียมดอกกระดิ่งพฤกษาห้าสิบดอกมาเพิ่ม หวังว่าเหล่าอรหันต์จะให้อภัยสักครั้ง” อสูรน้อยใจเย็นวาบ รีบร้อนเอ่ยสิ่งที่ตนเองเตรียมเอาไว้ออกมา

“อะไรนะ เตรียมดอกกระดิ่งพฤกษเพิ่มห้าสิบดอก!” คนของวิหคสวรรค์สามคนมองสบตากันแวบหนึ่ง เผยสีหน้ายินดีออกมา

“พวกเจ้าคงคิดจะนำมาทดแทนสินะ คิดจะใช้ดอกกระดิ่งพฤกษาที่อายุไม่ถึงมาตบตาพวกเราสินะ” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์ที่อายุสามสิบกว่าปีกลับคิดอะไรได้ แล้วเอ่ยเตือนอย่างเ**้ยมโหด

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท