คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1541 ใช้เพลิงกลั่นยา
หลังจากใช้นิ้วลูบไปที่รอบสีเหลืองชั่วครู่แล้ว หานลี่พลันปล่อยแขนลง หลังจากขบคิดเล็กน้อย ก็กินยาลูกกลอนสองสามชนิดลงไปอีกครั้ง
แม้นว่าเขาจะรู้สึกสนใจยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือด และยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินยังกล่าวสรรพคุณเอาไว้อย่างอัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีทางเอาความหวังทั้งหมดไปไว้ที่มันแน่
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หลับตาทั้งสองข้างลงอีกครั้ง เข้าสู่ภวังค์สมาธิ
สองวันต่อมา ตรงขอบฟ้าฟ้ามีเมฆสีขาวกลุ่มหนึ่งลอยมา บนเมฆมีฮูหยินและหญิงสาวจูเอ๋อร์ยืนอยู่
หญิงสาวยังคงแบกคันธนูแกร่งสีเหลืองและลูกธนูกระดูกสีขาวสามดอกเอาไว้ที่แผ่นหลัง ส่วนฮูหยินนั้นในมือมีกล่องหยกสีแดงสดเพิ่มขึ้นมา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสองก็มาถึงกลางอากาศเหนือลานบ้าน และลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
“คนผู้นั้นอยู่ที่นี่หรือ? ดูเหมือนว่าจะวางเขตอาคมเอาไว้ หึ คาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะไม่ไว้ใจพวกเรา” ดวงตาคู่งามของจูเอ๋อร์กะพริบปริบๆ พิจารณาบ้านไม้สองสามหลังด้านล่างอย่างสนอกสนใจ สายตากวาดมองไปยังม่านลำแสงสีขาวที่ปกคลุมบ้านเรือนเอาไว้ แค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูก
“พลังปราณของท่านหานเสียหายไป ไม่ได้รู้จักอะไรกับพวกเราลึกซึ้ง ทำเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร ถ้าหากที่นี่เหมือนกับตอนที่ข้าจากไป ไม่มีเขตอาคมใดๆ ละก็ ข้าคงจะแปลกใจกว่า” ฮูหยินหัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วกลับไม่ได้ใส่ใจเลยสักกระผีก
ทันใดนั้นนางพลันควบคุมเมฆสีขาว ทั้งสองคนร่อนลงมาในทันที
“ท่านอาวุโสหาน ข้านำยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดมาแล้ว หวังว่าท่านอาวุโสจะออกมาพบหน้าสักครั้ง!” ฮูหยินคารวะอยู่ที่ประตูเรือน แล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล
“ที่แท้ก็สหายหั่ว ผู้แซ่หานไม่สะดวกลุกขึ้นไปรับ เชิญสหายเข้ามาเถิด” เสียงบุรุษอันราบเรียบดังออกมาจากในบ้าน
เมื่อเอ่ยจบ ม่านลำแสงสีขาวพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วครู่พลันหายไปอย่างแปลกประหลาด ในเวลาเดียวกันประตูบ้านก็เปิดออกอย่างช้าๆ
ฮูหยินเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันไม่ลังเลอีก พาหญิงสาวเดินเข้าไปในประตูพร้อมกันทันที
“เอ๋ นี่คือ…” ฮูหยินเข้ามาในห้องพลันกวาดตามองวูบหนึ่ง ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี เผยสีหน้าประหวั่นใจออกมา
บนเตียงไม้ในห้องมี ‘หานลี่’นั่งเรียงกันอยู่สองคน คนหนึ่งกำลังมองมาทางพวกเขายิ้มๆ อีกคนหนึ่งหลับตาทั้งสองข้างลงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หญิงสาวเองพลันตะลึงงัน เผยสีหน้าระแวงสงสัยกวาดไปยังเรือนร่างของ ‘หานลี่’ ที่สองสองวูบ และไม่รู้ว่ามองอะไรออกหรือไม่
“สหายโปรดเชิญนั่ง ท่านผู้นี้คือ?” หานลี่ที่ลืมตาอยู่ผู้นั้น ชี้ไปที่เก้าอี้ด้านข้าง ทันใดนั้นพลันมองหญิงสาววูบหนึ่ง เผยเจตนาซักถามออกมา
“นี้คือลูกสาวของข้าไป๋จูเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ไปฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ภายนอก สองวันก่อนเพิ่งจะกลับมายังเผ่า” ฮูหยินตอบกลับด้วยสีหน้าเคารพและรอบคอบ ในเวลาเดียวกันหลังจากกวาดจิตสัมผัสไปยังเรือนร่างของหานลี่ทั้งสองแล้ว ในใจพลันรู้สึกตื่นตะลึง
‘หานลี่’ ทั้งสองคน แม้คนหนึ่งจะมีกลิ่นอายที่อ่อนแอ คนหนึ่งมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง นางล้วนไม่อาจคาดเดาพลังยุทธ์ของทั้งสองได้ ทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์หรือองคาพยพล้วนเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว!
นี่จึงทำให้สตรีผู้นี้รู้สึกขนลุกชันไปเล็กน้อย
แม้ว่าเคล็ดวิชาแปลงกายนอกกาย นางจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าย่อยสาขาเล็กๆ เผ่าหนึ่งของปุโรหิตอย่างนางจะร่ำเรียนได้
แต่แค่จุดนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าอีกฝ่ายมีอิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดา ส่วนหญิงสาวจะยังหยั่งเชิงสอบสวนต่ออีกหรือไม่นั้น นี่จึงทำให้นางรู้สึกลังเลไม่แน่ใจ
และในครานั้นเองหญิงสาวกับสืบเท้ามาเบื้องหน้า คารวะ ‘หานลี่’ อย่างนอบน้อม ฉีกยิ้มอ่อนหวานพลางเอ่ยว่า
“จูเอ๋อร์ได้ฟังท่านแม่กล่าวว่ามีอาวุโสชนชั้นสูงท่านหนึ่งมาที่นี่ เช่นนั้นถึงได้ตั้งใจมาคารวะสักหน่อยเจ้าค่ะ หวังว่าท่านอาวุโสจะไม่ถือโทษ!”
“ที่แท้ก็เป็นบุตรีของสหายหั่ว อายุยังน้อยก็มีพลังยุทธ์เพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีโดยแท้!” หานลี่เปิดเปลือกตาขึ้น หัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยชื่นชมส่งเดชสองประโยค
“ที่ไหนกันเจ้าคะ! ยัยหนูพลังยุทธ์แค่นี้จะไปอยู่ในสายตาของท่านอาวุโสได้อย่างไร ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสคุ้นเคยกับการพักอยู่ที่นี่หรือยัง หากมีตรงใดไม่เหมาะสม ก็บอกมาได้เลยนะเจ้าคะ ชนรุ่นหลังจะเปลี่ยนที่ให้ท่านอาวุโสทันที” ฮูหยินสลัดความสงสัยทิ้งไปชั่วคราว พลางเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไอวิญญาณที่นี่ไม่เลวนัก ไม่ต้องลำบากเช่นนั้น! ของในมือสหาย คือยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดสินะ?” ‘หานลี่’ ไม่ได้มีเจตนาจะพูดให้มากความ จ้องเขม็งไปยังกล่องหยกสีแดงเพลิงในมือของฮูหยิน แล้วเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ
“ใช่แล้ว คือสิ่งนี้เจ้าค่ะ! ยาลูกกลอนนี้เป็นสิ่งที่ท่านมหาปุโรหิตคนแรกของเผ่าข้าสังหารอสูรตัวหนึ่งได้ในน่านน้ำละแวกนี้…” หลังจากที่ฮูหยินยกกล่องหยกขึ้นแล้ว พลันเอ่ยยอมรับด้วยรอยยิ้ม และอธิบายประวัติความเป็นมาของยาลูกกลอนเม็ดนี้
แม้ว่าหานลี่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังนิ่งฟังด้วยสีหน้าราบเรียบ
และในครานั้นเองแววตาของหญิงสาวข้างกายพลันมีแววตาเจ้าเล่ห์ฉายแวบผ่าน ฝ่ามือทั้งสองซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ฉับพลันนั้นมือข้างหนึ่งพลันมีใบไม้สีเขียวมรกตเพิ่มขึ้นมา อีกมือหนึ่งบิดพลิ้วเป็นท่าทางร่ายคาถาแปลกประหลาด
ชั่วขณะนั้นพลังจิตสัมผัสที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันลอบโจมตีไปยังหานลี่ทั้งสองคนอย่างเงียบเชียบ
ปฏิกิริยาของหานลี่ทั้งสองคนกลับไม่เหมือนกัน!
‘หานลี่’ ที่ดวงตาทั้งสองปิดแน่นยังคงนิ่งงันไม่ไหวติง ราวกับว่าสัมผัสไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
แต่หญิงสาวกลับสัมผัสได้ว่าเมื่อใช้เคล็ดวิชาลับกระตุ้นจิตสัมผัสบนร่างของหานลี่ กลับดูเหมือนสิ่งที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น คาดไม่ถึงว่าจะสัมผัสถึงเคลื่อนจิตสัมผัสบนร่างของอีกฝ่ายไม่ได้เลย
หญิงสาวพลันตะลึงงัน อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
สถานการณ์เช่นนี้หากไม่ใช่อีกฝ่ายใช้เคล็ดวิชาลับที่น่าเหลือเชื่อ อำพรางจิตสัมผัสของตนเองเอาไว้ ก็คืออีกฝ่ายเป็นกายเนื้อว่างเปล่ากายหนึ่งเท่านั้น
ไม่รอให้นางได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผลจากการหยั่งเชิง ‘หานลี่’อีกคนหนึ่ง ก็ทำให้หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสี ริมฝีปากเผยอออกอย่างร้อนรนสองสามครั้ง สีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต
เมื่อนางกระตุ้นจิตสัมผัสเข้าใกล้เรือนร่างของอีกฝ่าย คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในระลอกคลื่นยักษ์ จิตสัมผัสทั้งหมดจมหายเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
เวลานี้จะไม่ทำให้มนุษย์อสรพิษหญิงสาวผู้นี้ตกใจจนขวัญกระเจิงรีบร้อนดึงเคล็ดวิชาลับกลับมาและดึงจิตสัมผัสตนเองกลับมาได้อย่างไร
คาดไม่ถึงว่าจิตสัมผัสที่ดูคล้ายกับไม่อาจช่วยเหลือกลับมาได้จะถูกนางเก็บกลับมาได้อย่างง่ายดาย และไม่ได้รับการขัดขวาง
นี่จึงทำให้หญิงสาวพลันตะลึงงัน!
และในครานั้นเอง ‘หานลี่’ที่กำลังพูดกับหญิงสาวก็เหลือบตามอง ส่งสีหน้าอมยิ้มมาให้นาง
เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้น ริมฝีปากรูปอิงเถา[1]พลันเผยอออก ท่าทางทำอะไรไม่ถูก ดูแล้วลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง!
ฮูหยินดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ปากยังแนะนำสรรพคุณของยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดและข้อห้ามในการกินให้หานลี่ฟังอีกชั่วครู่ แล้วมอบกล่องหยกสีแดงเพลิงให้ ‘หานลี่’
‘หานลี่’มีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยขอบคุณ แล้วถึงได้ใช้มือหนึ่งกวักเรียกกล่องหยกให้เข้าไปอยู่ในมือ
จากนั้นฮูหยินก็ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งรออยู่อีก กล่าวลาอย่างรู้จักวางตัว แล้วลากหญิงสาวข้างกายที่ยังใจลอยขวัญผวาออกไปจากห้อง
“วิญญาณครวญ น่าสนใจดี ไฉนจึงไปทำให้แม่หญิงผู้ตกใจจนขวัญกระเจิงเช่นนั้น” ‘หานลี่’ ที่หลับตาทั้งสองข้างสนิทอยู่ด้านข้าง พลันเปิดเปลือกตาทั้งสองข้างขึ้นหลังจากที่ฮูหยินและหญิงสาวออกไปแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา
จากนั้นเขาพลันโบกมือข้างหนึ่ง ชั่วขณะนั้นด้านนอกห้องไม้ทั้งหมดพลันถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีขาวอีกครั้ง
“นายท่าน! แม่หญิงนั่นช่างบังอาจหนัก ทว่าพลังยุทธ์ระดับหลอมรวม คาดไม่ถึงว่าจะกล้าตรวจสอบจิตสัมผัสของนายท่าน แน่นอนว่าต้องทำให้นางรู้จักความยากลำบากแล้วถอยไปซะ!” ‘หานลี่’อีกคนหนึ่ง หัวเราะคิกคักออกมาขณะเอ่ย
ทันใดนั้นร่างของ ‘หานลี่’ ก็เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ร่างกายหดเล็กลง กลายเป็นวานรน้อยสีดำสนิทตัวหนึ่ง
ร่างของวานรกระโจนขึ้นมาอยู่บนหัวไหล่ของหานลี่ และหยิบกล่องหยกมาตรงหน้าหานลี่อย่างเอาอกเอาใจ
หานลี่สั่นศีรษะพร้อมกลั้วหัวเราะ ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก รับกล่องหยกนั้นมา
หลังจากที่อสูรวิญญาณครวญถูกเบิกเนตรในเมืองเทวะสวรรค์ แล้วค่อยๆ หลอมจิตสัมผัสของเขาเข้าไปตามความรู้ในคัมภีร์ จนกลายร่างเป็นเขาแล้ว ก็ยิ่งเหมือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนแยกแยะไม่ออก
เปิดฝากล่องหยกออกอย่างเบามือ!หมอกสีแดงพลันแผ่ออกมา กลิ่นอายร้อนฉ่ากรูเข้ามาปะทะใบหน้า ทำให้เขารู้สึกราวกับอยู่ข้างเตาหลอมอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่ไม่ตกตะลึงกลับรู้สึกยินดี พลางจ้องเขม็งมองไป
เห็นเพียงท่ามกลางลำแสงสีแดงมีไข่มุกกลมขนาดเท่าหัวแม่มืออยู่เม็ดหนึ่ง กำลังเปล่งแสงสีดำเจิดจ้าแยงตา
“นี่คือยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือด มีความพิเศษดังคาด” หานลี่บ่นพึมพำ ยื่นนิ้วสองนิ้วออกไปคีบมันออกจากกล่องหยกอย่างไม่รีบร้อน
“ฟู่” เสียงดังขึ้นเบาๆ!
เมื่อนิ้วทั้งสองเข้าใกล้ไข่มุกกลมนั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีเปลวเพลิงสีแดงกลุ่มหนึ่งทะลักออกมา ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มฝ่ามือของหานลี่เอาไว้
หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ เกรงว่าเวลานี้คงถูกเปลวเพลิงประหลาดเผาไหม้จนได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยแล้ว
แต่จากความแข็งแกร่งของกายเนื้อของหานลี่ แน่นอนว่าย่อมไม่เห็นเปลวเพลิงลูกนี้อยู่ในสายตา ร่องรอยเผาไหม้สักนิดบนนิ้วมือก็ยังไม่เห็น คีบไข่มุกกลมสีแดงเอาไว้ในมือ
อสูรวิญญาณครวญนั่งยองๆ อยู่ตรงหัวไหล่ของหานลี่ ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังไข่มุกกลมพลางกลอกไปมาไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะรู้สึกสนใจยาลูกกลอนเม็ดนี้เป็นอย่างมาก
สายตาของหานลี่เปล่งประกายไหววูบขณะจ้องมองยาลูกกลอนเม็ดนี้อยู่ชั่วครู่ ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ถ้าหากเป็นตามที่ฮูหยินกล่าว เหตุเพราะยาเม็ดนี้มีธาตุไฟที่สุดขั้วเกินไป ไม่เพียงจะมีวิธีการกินที่สลักซับซ้อน ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ทันระวัง ยังอาจจะถูกแว้งกัดได้โดยง่าย เช่นนั้นจะเกิดเรื่องการเผาตนเองขึ้น
ทางที่ดีที่สุดคือใช้สมุนไพรวิญญาณธาตุเย็นจำนวนมาก ผสมลงไปในยาลูกกลอนเม็ดนี้ แล้วค่อยกินจะดีกว่า
แต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังเพลิงสุดขั้วในยาลูกกลอนเม็ดนี้ดี ช่างไม่ธรรมดา ถ้าเปล่าประโยชน์ไปก็เสียดายนัก
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันอ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด พ่นลูกบอลเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งออกมา
นั่นก็คือเพลิงกลืนวิญญาณ!
หลังจากที่เพลิงเปล่งเสียงดัง ปัง ชั่วครู่พลันกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดเท่ากำปั้นตัวหนึ่ง บินวนล้อมรอบหานลี่อยู่สองสามครั้ง
หานลี่พลันเลิกคิ้วขึ้น นิ้วมือเคลื่อนไหว ไข่มุกกลมสีแดงสดในมือบินออกมาอย่างเชื่องช้า
ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงสีเงินพลันเปล่งเสียงร้องไพเราะเสนาะหูออกมา หลังจากสยายปีกทั้งสองออก ก็กระโจนมาที่ไข่มุกกลม
ครู่ต่อมาเปลวเพลิงสีเงินพลันห่อหุ้มยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดเอาไว้ข้างใน
……
อีกด้านฮูหยินและหญิงสาวที่ขับเคลื่อนเมฆสีขาวไปด้วยความเร็วสูง จนห่างจากภูเขาขนาดย่อมนั้นไปได้ยี่สิบสามสิบลี้แล้ว
ฉับพลันนั้นลำแสงสีขาวพลันสว่างวาบ ก้อนเมฆพลันลดระดับความเร็วลง
“จูเอ๋อร์ จิตสัมผัสไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ!” ฮูหยินถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยปากซักถาม
“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร แค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวยังเผยท่าทางหวาดผวาออกมา พลางฝืนยิ้มเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! เช่นนั้น ‘ท่านหาน’ผู้นี้ก็มีความอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรโดยแท้ หากเป็นเช่นนั้น มอบยาลูกกลอนเทวะตะวันเดือดให้เขา ก็ไม่นับว่าสูญเปล่าแล้ว” ฮูหยินไม่ได้ซักถามหญิงสาวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กลับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลงไปเปลาะหนึ่ง
“อืม แม้ว่าข้าจะสืบอะไรออกมาไม่ได้ แต่คนผู้นี้ต้องมีอุบายอะไรแน่ ทว่าท่านแม่เรื่องอายุขัยของท่านที่สูญเสียไปจะแก้ไขอย่างไร” หญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
“หึๆ ข้าคือมหาปุโรหิตของเผ่า สูญเสียอายุขัยแลกกับการฟาดเคราะห์ของเผ่า มีอันใดที่ไม่พอใจกัน เผ่าข้ายืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ ต้องขอบคุณท่านมหาปุโรหิตรุ่นก่อนๆ ที่คอยปกป้องคุ้มครอง ส่วนมหาปุโรหิตของเผ่านั้น จะมีสักกี่คนที่มีชีวิตจนสิ้นอายุขัยกัน เอาล่ะ พวกเราเรียกกลับไปเตรียมตัวเถิด หวังว่าท่านหานผู้นี้จะรีบดูดซับพลังของลูกกลอนเทวะ แล้วช่วยพวกเราได้อีกแรง” ฮูหยินกลั้วหัวเราะ แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจเลยสักกระผีก
“แต่ว่า…” หญิงสาวมีดวงตาสีแดงก่ำ ยังคงเอ่ยอะไรสักอย่าง
แต่ฮูหยินกลับดูเหมือนว่าจะไม่อยากเอ่ยอะไรอีก สองมือร่ายอาคม หลังจากเมฆสีขาวใต้ฝ่าเท้าหมุนวนแล้ว ก็ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้
ทันใดนั้นลำแสงสีขาวพลันกลายเป็นลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไป หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก็หายวับไปจากขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
——
[1] ผลอิงเถา หมายถึง ผลเชอร์รี่