ชูฮันตะลึงค้างไปเลยเขาไม่คิดว่าจะถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆขวางทางเอาไว้แบบนี้ ราวกับอีกฝ่ายรู้ก่อนอยู่แล้วว่าเขาจะมาที่นี้
อันตราย…
ชูฮันสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้าอย่างละเอียดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากเธอชัดเจน!
”ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอไง?บอกมา นี้ไม่ใช่สถานที่ที่นายควรมา ไม่กลัวตายสินะ!” เด็กผู้หญิงตัวเล็กจ้องชูฮันเขม็ง เธอตวาดใส่ชูฮันราวกับชูฮันเป็นลูกไก่ในกำมือ
ชูฮันยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ…มันเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ!
”เธอชื่ออะไร?”ชูฮันเดินก้าวเข้าไปสองสามก้าวพร้อมถามคำถาม
และการเคลื่อนไหวของชูฮันทำให้อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาเธอชักมีดสั้นตรงเอวขึ้นมาทันที ความคมกริบของใบมีดส่องประกายวาวสะท้อนแสง “อย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”
ช่างเหมือนกับดอกไม้มีพิษเล็กๆซะจริงๆ!
ชูฮันกระพริบตามองไปที่มือของเด็กผู้หญิงอายุสิบปีที่มีของเหมือนกับทหารของเขี้ยวหมาป่า และเป็นสิ่งที่มีแค่เมื่อครั้งที่มีการฝึกฝนและมีการแข่งขันระหว่างทีมนักฆ่าขนนกและกุ้งเสือดำ
ไม่ใช่ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะมีมีดสั้นที่เหมาะกับการสังหารนี้ในครอบครอง!
เด็กผู้หญิงที่ดูอายุประมาณสิบปีคนนี้ไม่น่าจะรู้ถึงความจริงนี้และมันก็ดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่อาจจะมีคนในเขี้ยวหมาป่ามอบสิ่งนี้ให้เธอ
ชูฮันอดไม่ได้ที่จะเกิดข้อสงสัยดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถอดผ้าคลุมหัวออกและส่งยิ้มให้เด็กผู้หญิง “จำฉันได้ไหม?”
ในตอนนั้นเองชูฮันก็คิดได้ถึงเรื่องหนึ่งมันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีมีดสั้นที่เป็นรางวัลในการฝึกฝนเมื่อครั้งนั้นครอบครอง ก็เพราะว่าตอนนั้นมีกลุ่มเด็กผู้หญิงที่พวกเขาเคยทำการช่วยเหลือจากค่ายนรกและหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่ทำให้ชูฮันประทับใจไม่ลืม
เด็กที่ชื่อว่า…ตงหรุย!
เป็นเพราะตั้งแต่ตอนนั้นเวลาก็ผ่านมานานพอสมควร เด็กสาวในตอนนั้นโตขึ้นจากเดิมเล็กน้อย เศษดินเปื้อนบนเสื้อผ้าและใบหน้าของเธอทำให้ชูฮันจำเธอไม่ได้ในตอนแรก
แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ชูฮันปลดผ้าคลุมออกไปตาของตงหรุยก็เบิกกว้างทันที เห็นได้ชัดว่ามันส่งผลกระทบต่อเธออย่างแรงจนตกอยู่ในภวังค์ไปพักหนึ่ง
ตั้งแต่ที่ได้รับการช่วยเหลือตงหรุยก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกทีมสำรองของทีมนักฆ่าขนนกทันทีเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียวและเคียดแค้นของเธอ เธอเป็นเด็กสาวอายุสิบปีที่ผ่านการกระตุ้นและกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ เธอเข้าสู่กระบวนการฝึกฝนกับกองทัพอยู่เป็นเวลานาน เธอมีความรู้เรื่องเขี้ยวหมาป่ามากกว่าเด็กทั่วไปหลายเท่า
มองไปที่ตงหรุยที่ยืนนิ่งอย่างมึนงงชูฮันก็ยิ้มและเดินเข้าไปหา วางฝ่ามือใหญ่ๆลงบนหัวตงหรุย “หายดีแล้วเหรอ?”
ตงหรุยตาแดงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไล่น้ำตาที่คลอเบ้าออกไปก่อนจะตอบ “เป็นพรสวรรค์ ร่างกายเลยฟื้นฟูด้วยตัวเอง”
ชูฮันไม่รู้จะพูดยังไงประสบการณ์ที่ตงหรุยเจอมานั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาในยุคโลกาวินาศ แต่เธอแค่ยังเด็กเกินไปกว่าจะทำความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเงาบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอไปตลอด และเธอจะไม่มีทางกลับมาพูดได้อีก ถ้าเธอไม่ถูกกระตุ้นจนเข้าสู่การเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ และสาเหตุที่ต้องรีบกระตุ้นเธออย่างเร็วที่สุดเพราะมันอาจจะช้าจนอาจรักษาไม่ทันและเธออาจจะพูดไม่ได้อีกตลอดไป แต่เห็นได้ชัดแล้วว่าเธอพยายามอย่างหนักมากขนาดไหนเพื่อให้กลับมาพูดได้และตอนนี้เธออยู่คนเดียวท่ามกลางพื้นที่อันตรายเช่นนี้ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมากจริงๆ
”เธอมีฝึกที่นี้?”ชูฮันค่อยๆลอบถาม
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือเพิกเฉยต่อความเปราะบางจิตใจของตงหรุยเพื่อให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของเธอ
ตงหรุยส่ายหัวหลบตาหนีชูฮัน “ไม่ได้ฝึก”
ชูฮันพยายามคิดวิเคราะห์ตงหรุยเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ยังเด็กมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาทำการฝึกในพื้นที่ที่มีซอมบี้อยู่ แถมยังไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องด้วยที่จะปรากฏตรงนี้ตัวคนเดียว
แน่อนนว่าพอชูฮันถามไปตงหรุยก็มีปฏิกิริยาทันที
”บอกพี่ชายหน่อย?ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี้?” ชูฮันส่งยิ้มให้
ตงหรุยหัวเราะในลำคอก่อนจะเค้นเสียงที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ออกมา”ฉันอยากฆ่าเถาจิน”
ชูฮันตระหนักได้ถึงข้อแลกเปลี่ยนที่เขาเคยพูดไว้กับตงหรุยก่อนหน้านี้ทันที
อยากจะฆ่าเถาจิน?
ถ้างั้นก็มาเมืองอันลูเพื่อตามหาและฆ่าเขาซะ!
ดังนั้นหลังจากฝึกฝนผ่านไปเรียบร้อยตงหรุยตัดสินใจเดินเร่ร่อนสำรวจไปรอบๆเมืองอันลูพร้อมกับอาวุธสังหารจำนวนหนึ่งติดตัวเพื่อตามหาเถาจินและฆ่าเขาเพื่อชำระแค้น
ชูฮันจำได้ว่าเถาจินถูกเขาจับมาห้อยไว้จากดาดฟ้าเป็นเวลานานแล้วแถมในอีกสองวันข้างหน้าซอมบี้ทั้งหมดในเมืองอันลูจะถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก ดังนั้นความแค้นส่วนตัวของตงหรุยที่จะฆ่าเถาจินเองกับมือก็สามารถสำเร็จได้ แต่ชูฮันไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ปล่อยให้เถาจินตายไปตั้งแต่ที่ถูกเขาแขวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นรึยัง?
”มากับฉัน”ชูฮันตัดสินและเดินนำทางไป
ตงหรุยมองตามแผ่นหลังชูฮันและไม่ลังเลที่จะเดินตามไปทันทีทั้งสองคนที่เดินไปข้างกัน คนหนึ่งตัวสูงโปร่ง อีกคนตัวเล็กนิดเดียวทว่าความเร็วของทั้งคู่กลับเร็วจนน่าทึ่ง ชูฮันเองก็เฝ้าดูปฏิกิริยาตอบสนองของตงหรุยตลอดทางและมันก็ทำให้เขาตกใจไม่น้อย
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีทั้งความอึดและพลังใจเต็มเปี่ยมแถมยังมีพลังเยอะไม่เบาเลย!
ชูฮันต้องปรับเปลี่ยนความเร็วในการเดินทางอยู่ตลอดเนื่องจากความลำบากของถนนและเส้นทางทว่าตงหรุยสามารถปรับตามได้ทันเสมออย่างไม่ลังเล เธอสามารถไล่ตามจังหวะของชูฮันได้ทันโดยไม่ทิ้งระยะห่างไกลเกินไป
ช่างสมกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมสำรองนักฆ่าขนนก!
ชูฮันยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวเขี้ยวหมาป่าให้ความใส่ใจอย่างมากในการให้การศึกษาแก่เด็กๆทั้งหลาย ตอนนี้โรงเรียนในยุคศิวิไลซ์ได้ทำการฟื้นฟูเรียบร้อย และเหล่าสมาชิกที่ถูกเลือกเป็นทีมสำรองของทีมต่างๆก็จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้นกว่าเดิม
และถ้าใครสามารถทนการฝึกฝนอันเข้มงวดภายในทีมสำรองต่อไปได้ในอนาคตชูฮันก็จะมอบการฝึกฝนที่ครอบคลุมทุกรอบด้านมากขึ้นไปอีกให้ เป็นระดับความยากที่คนทั่วไปคงไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดทั้งชีวิต
ท่ามกลางคนพวกนี้ชูฮันเกรงว่าตงหรุยจะเป็นคนที่เก่งที่สุด มันยากที่จะจินตนาว่าอนาคตของเด็กคนนี้จะเจิดจรัสมากขนาดไหน
แน่นอนว่าจะต้องโด่งดังไปทั้งโลกแน่ๆ!
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงสถานที่หนึ่งที่ชูฮันขังเถาจินเอาไว้มันเป็นอาคารแห่งหนึ่ง มองจากด้านนอกก็สามารถเห็นได้ลางๆว่ามีคคนหนึ่งถูกแขวนห้อยจากดาดฟ้าลงมา ชายคนนั้นตัวผอมแห้งเนื้อติดกระดูก หน้าตาโทรมอย่าง ผิวไหม้เกรียมแดด หากคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
ตงหรุยอ้าปากค้างอยู่ข้างๆชูฮันเธอมองไปที่ภาพด้านบนด้วยความตกใจเล็กน้อย ความขุ่นเคืองในแววตาไม่เหมือนกับเด็กที่อายุแค่สิบปี
”จัดการด้วยตัวเองให้จบจะได้ไม่ต้องจมอยู่กับอดีต” ชูฮันเอ่ยเสียงเรียบ
ตงหรุยเดินขึ้นไปข้างหน้าสายตาจับจ้องศัตรูของเธอไม่วางตาก่อนจะพูดขึ้น “ฉันชื่อตงหรุย สมาชิกทีมสำรองของทีมนักฆ่าขนนกแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า! เกิดจากความจงรักภักดีของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและจะตายเพื่อกองทัพเขี้ยวหมาป่า!”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆยืนอย่างมั่นแผ่นหลังตรงแด่วด้วยความแน่วแน่ท่ามกลางสายลมที่โบกสะบัด
อันตราย…
ชูฮันสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้าอย่างละเอียดและสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากเธอชัดเจน!
”ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอไง?บอกมา นี้ไม่ใช่สถานที่ที่นายควรมา ไม่กลัวตายสินะ!” เด็กผู้หญิงตัวเล็กจ้องชูฮันเขม็ง เธอตวาดใส่ชูฮันราวกับชูฮันเป็นลูกไก่ในกำมือ
ชูฮันยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ…มันเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ!
”เธอชื่ออะไร?”ชูฮันเดินก้าวเข้าไปสองสามก้าวพร้อมถามคำถาม
และการเคลื่อนไหวของชูฮันทำให้อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาเธอชักมีดสั้นตรงเอวขึ้นมาทันที ความคมกริบของใบมีดส่องประกายวาวสะท้อนแสง “อย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”
ช่างเหมือนกับดอกไม้มีพิษเล็กๆซะจริงๆ!
ชูฮันกระพริบตามองไปที่มือของเด็กผู้หญิงอายุสิบปีที่มีของเหมือนกับทหารของเขี้ยวหมาป่า และเป็นสิ่งที่มีแค่เมื่อครั้งที่มีการฝึกฝนและมีการแข่งขันระหว่างทีมนักฆ่าขนนกและกุ้งเสือดำ
ไม่ใช่ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะมีมีดสั้นที่เหมาะกับการสังหารนี้ในครอบครอง!
เด็กผู้หญิงที่ดูอายุประมาณสิบปีคนนี้ไม่น่าจะรู้ถึงความจริงนี้และมันก็ดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่อาจจะมีคนในเขี้ยวหมาป่ามอบสิ่งนี้ให้เธอ
ชูฮันอดไม่ได้ที่จะเกิดข้อสงสัยดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถอดผ้าคลุมหัวออกและส่งยิ้มให้เด็กผู้หญิง “จำฉันได้ไหม?”
ในตอนนั้นเองชูฮันก็คิดได้ถึงเรื่องหนึ่งมันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีมีดสั้นที่เป็นรางวัลในการฝึกฝนเมื่อครั้งนั้นครอบครอง ก็เพราะว่าตอนนั้นมีกลุ่มเด็กผู้หญิงที่พวกเขาเคยทำการช่วยเหลือจากค่ายนรกและหนึ่งในนั้นก็เป็นคนที่ทำให้ชูฮันประทับใจไม่ลืม
เด็กที่ชื่อว่า…ตงหรุย!
เป็นเพราะตั้งแต่ตอนนั้นเวลาก็ผ่านมานานพอสมควร เด็กสาวในตอนนั้นโตขึ้นจากเดิมเล็กน้อย เศษดินเปื้อนบนเสื้อผ้าและใบหน้าของเธอทำให้ชูฮันจำเธอไม่ได้ในตอนแรก
แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ชูฮันปลดผ้าคลุมออกไปตาของตงหรุยก็เบิกกว้างทันที เห็นได้ชัดว่ามันส่งผลกระทบต่อเธออย่างแรงจนตกอยู่ในภวังค์ไปพักหนึ่ง
ตั้งแต่ที่ได้รับการช่วยเหลือตงหรุยก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกทีมสำรองของทีมนักฆ่าขนนกทันทีเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียวและเคียดแค้นของเธอ เธอเป็นเด็กสาวอายุสิบปีที่ผ่านการกระตุ้นและกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ เธอเข้าสู่กระบวนการฝึกฝนกับกองทัพอยู่เป็นเวลานาน เธอมีความรู้เรื่องเขี้ยวหมาป่ามากกว่าเด็กทั่วไปหลายเท่า
มองไปที่ตงหรุยที่ยืนนิ่งอย่างมึนงงชูฮันก็ยิ้มและเดินเข้าไปหา วางฝ่ามือใหญ่ๆลงบนหัวตงหรุย “หายดีแล้วเหรอ?”
ตงหรุยตาแดงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไล่น้ำตาที่คลอเบ้าออกไปก่อนจะตอบ “เป็นพรสวรรค์ ร่างกายเลยฟื้นฟูด้วยตัวเอง”
ชูฮันไม่รู้จะพูดยังไงประสบการณ์ที่ตงหรุยเจอมานั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาในยุคโลกาวินาศ แต่เธอแค่ยังเด็กเกินไปกว่าจะทำความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเงาบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอไปตลอด และเธอจะไม่มีทางกลับมาพูดได้อีก ถ้าเธอไม่ถูกกระตุ้นจนเข้าสู่การเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ และสาเหตุที่ต้องรีบกระตุ้นเธออย่างเร็วที่สุดเพราะมันอาจจะช้าจนอาจรักษาไม่ทันและเธออาจจะพูดไม่ได้อีกตลอดไป แต่เห็นได้ชัดแล้วว่าเธอพยายามอย่างหนักมากขนาดไหนเพื่อให้กลับมาพูดได้และตอนนี้เธออยู่คนเดียวท่ามกลางพื้นที่อันตรายเช่นนี้ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมากจริงๆ
”เธอมีฝึกที่นี้?”ชูฮันค่อยๆลอบถาม
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือเพิกเฉยต่อความเปราะบางจิตใจของตงหรุยเพื่อให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของเธอ
ตงหรุยส่ายหัวหลบตาหนีชูฮัน “ไม่ได้ฝึก”
ชูฮันพยายามคิดวิเคราะห์ตงหรุยเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ยังเด็กมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาทำการฝึกในพื้นที่ที่มีซอมบี้อยู่ แถมยังไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องด้วยที่จะปรากฏตรงนี้ตัวคนเดียว
แน่อนนว่าพอชูฮันถามไปตงหรุยก็มีปฏิกิริยาทันที
”บอกพี่ชายหน่อย?ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี้?” ชูฮันส่งยิ้มให้
ตงหรุยหัวเราะในลำคอก่อนจะเค้นเสียงที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ออกมา”ฉันอยากฆ่าเถาจิน”
ชูฮันตระหนักได้ถึงข้อแลกเปลี่ยนที่เขาเคยพูดไว้กับตงหรุยก่อนหน้านี้ทันที
อยากจะฆ่าเถาจิน?
ถ้างั้นก็มาเมืองอันลูเพื่อตามหาและฆ่าเขาซะ!
ดังนั้นหลังจากฝึกฝนผ่านไปเรียบร้อยตงหรุยตัดสินใจเดินเร่ร่อนสำรวจไปรอบๆเมืองอันลูพร้อมกับอาวุธสังหารจำนวนหนึ่งติดตัวเพื่อตามหาเถาจินและฆ่าเขาเพื่อชำระแค้น
ชูฮันจำได้ว่าเถาจินถูกเขาจับมาห้อยไว้จากดาดฟ้าเป็นเวลานานแล้วแถมในอีกสองวันข้างหน้าซอมบี้ทั้งหมดในเมืองอันลูจะถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก ดังนั้นความแค้นส่วนตัวของตงหรุยที่จะฆ่าเถาจินเองกับมือก็สามารถสำเร็จได้ แต่ชูฮันไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ปล่อยให้เถาจินตายไปตั้งแต่ที่ถูกเขาแขวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นรึยัง?
”มากับฉัน”ชูฮันตัดสินและเดินนำทางไป
ตงหรุยมองตามแผ่นหลังชูฮันและไม่ลังเลที่จะเดินตามไปทันทีทั้งสองคนที่เดินไปข้างกัน คนหนึ่งตัวสูงโปร่ง อีกคนตัวเล็กนิดเดียวทว่าความเร็วของทั้งคู่กลับเร็วจนน่าทึ่ง ชูฮันเองก็เฝ้าดูปฏิกิริยาตอบสนองของตงหรุยตลอดทางและมันก็ทำให้เขาตกใจไม่น้อย
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่มีทั้งความอึดและพลังใจเต็มเปี่ยมแถมยังมีพลังเยอะไม่เบาเลย!
ชูฮันต้องปรับเปลี่ยนความเร็วในการเดินทางอยู่ตลอดเนื่องจากความลำบากของถนนและเส้นทางทว่าตงหรุยสามารถปรับตามได้ทันเสมออย่างไม่ลังเล เธอสามารถไล่ตามจังหวะของชูฮันได้ทันโดยไม่ทิ้งระยะห่างไกลเกินไป
ช่างสมกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมสำรองนักฆ่าขนนก!
ชูฮันยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวเขี้ยวหมาป่าให้ความใส่ใจอย่างมากในการให้การศึกษาแก่เด็กๆทั้งหลาย ตอนนี้โรงเรียนในยุคศิวิไลซ์ได้ทำการฟื้นฟูเรียบร้อย และเหล่าสมาชิกที่ถูกเลือกเป็นทีมสำรองของทีมต่างๆก็จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้นกว่าเดิม
และถ้าใครสามารถทนการฝึกฝนอันเข้มงวดภายในทีมสำรองต่อไปได้ในอนาคตชูฮันก็จะมอบการฝึกฝนที่ครอบคลุมทุกรอบด้านมากขึ้นไปอีกให้ เป็นระดับความยากที่คนทั่วไปคงไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดทั้งชีวิต
ท่ามกลางคนพวกนี้ชูฮันเกรงว่าตงหรุยจะเป็นคนที่เก่งที่สุด มันยากที่จะจินตนาว่าอนาคตของเด็กคนนี้จะเจิดจรัสมากขนาดไหน
แน่นอนว่าจะต้องโด่งดังไปทั้งโลกแน่ๆ!
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงสถานที่หนึ่งที่ชูฮันขังเถาจินเอาไว้มันเป็นอาคารแห่งหนึ่ง มองจากด้านนอกก็สามารถเห็นได้ลางๆว่ามีคคนหนึ่งถูกแขวนห้อยจากดาดฟ้าลงมา ชายคนนั้นตัวผอมแห้งเนื้อติดกระดูก หน้าตาโทรมอย่าง ผิวไหม้เกรียมแดด หากคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่
ตงหรุยอ้าปากค้างอยู่ข้างๆชูฮันเธอมองไปที่ภาพด้านบนด้วยความตกใจเล็กน้อย ความขุ่นเคืองในแววตาไม่เหมือนกับเด็กที่อายุแค่สิบปี
”จัดการด้วยตัวเองให้จบจะได้ไม่ต้องจมอยู่กับอดีต” ชูฮันเอ่ยเสียงเรียบ
ตงหรุยเดินขึ้นไปข้างหน้าสายตาจับจ้องศัตรูของเธอไม่วางตาก่อนจะพูดขึ้น “ฉันชื่อตงหรุย สมาชิกทีมสำรองของทีมนักฆ่าขนนกแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า! เกิดจากความจงรักภักดีของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและจะตายเพื่อกองทัพเขี้ยวหมาป่า!”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆยืนอย่างมั่นแผ่นหลังตรงแด่วด้วยความแน่วแน่ท่ามกลางสายลมที่โบกสะบัด