บุรุษของเผ่าราชามหาสมุทรเห็นสือคุนเคลื่อนไหว ก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม มือหนึ่งตะปบไปเบื้องหน้า ชั่วขณะนั้นลำแสงสีฟ้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ง้าวสามง่ามที่แต่เดิมสะพายอยู่ที่หลัง พลันปรากฏขึ้นในมือของเขา
จากนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินขาวปรากฏขึ้นตรงหน้าใบมีดนี้เป็นสายๆ แผ่กลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมา
“ช้าก่อน!”
“พี่สือ หยุดก่อน!”
แทบจะอุทานออกมาพร้อมกัน หญิงสาวน่าเย้ายวนของเผ่าราชามหาสมุทรและหลิวสุ่ยเอ๋อร์อุทานออกมาพร้อมกัน
จากนั้นข้างหูของบุรุษของเผ่าราชามหาสมุทรพลันมีเสียงถ่ายทอดเสียงก้องกังวานของสหายร่วมวิถีดังขึ้น
“ท่านพี่ ท่านลืมเป้าหมายของพวกเราไปแล้วหรือ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาต่อสู้กัน พวกเรายังมีภารกิจสำคัญ”
“ขอแค่ปล่อยวาฬศักดิ์สิทธิ์เก้าเนตรออกมาได้ สามคนนี้ก็ไม่ต้องพูดถึง” แม้ว่าร่างกายของบุรุษเผ่าราชามหาสมุทรจะหยุดชะงักอยู่ที่เดิมตามคำพูด แต่ริมฝีปากก็ขยับน้อยๆ ถ่ายทอดเสียงกลับไปเช่นกัน ท่าทางไม่เห็นสือคุนและพวกทั้งสามอยู่ในสายตา
“แม้ว่าข้าจะชักชวนวาฬศักดิ์สิทธิ์เก้าเนตรได้ แต่หากไม่ถึงคราวจำเป็นก็อย่าปล่อยมันออกมา มิเช่นนั้นหากปล่อยให้มันลงมือ ก็อาจจะทำให้มันโกรธเกรี้ยวได้ ถึงอย่างไรเสียโลหิตเผ่าราชาในตัวของน้องหญิงก็ไม่นับว่าเข้มข้นนัก ทำได้เพียงฝืนติดต่อกับวาฬศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเผ่าของข้าและเผ่าแมลงมีเขาจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ก็ไม่มีได้ความสัมพันธ์ได้เปรียบเสียเปรียบกับเมฆาสวรรค์ ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียเรื่องเพราะเขา” หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรเอ่ยชักจูง
“เช่นนั้นหรือ…” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรได้ยินก็ลังเลตัดสินใจไม่ได้
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ข้างหูของสือคุนก็มีเสียงของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ดังขึ้น
“พี่สือ พวกเราเพิ่งจะสลัดอสูรลับหลุด สูญเสียพลังปราณในร่างไปไม่น้อย เผ่าราชามหาสมุทรสองคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่ายามนี้จะมีพี่หานคอยช่วยเหลือ แต่หากต่อกรกับพวกเขาก็ต้องเสียหายไม่น้อย เป้าหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราคือการทลายเขตอาคม อย่าเสียเวลาเลยจะดีกว่า”
“ต่อให้พวกเราไม่ยอมลงมือ ก็ต้องให้อีกฝ่ายตอบรับถึงจะถูก” สือคุนกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม แค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา
“เรื่องนี้วางใจได้ ให้น้องหญิงไปต่อรองกับอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดีจริงๆ จะลงมือให้ได้ล่ะก็ เราสองคนร่วมมือกับสหายหาน ย่อมไม่มีทางหวาดกลัวพวกเขา” เสียงของหลิวสุ่ยเอ๋อร์เย็นเยียบ
จากนั้นนางพลันถ่ายทอดเสียงให้หานลี่เบาๆ
หานลี่ได้ฟัง แววตาพลันเปล่งประกายสว่างวาบ แล้วพยักหน้าน้อยๆ
ดังนั้นหลิวสุ่ยเอ๋อร์จึงรู้สึกผ่อนคลายลง ส่งยิ้มบางๆ ให้ฝั่งตรงข้าม แล้วเอ่ยด้วยเสียงไพเราะว่า “สิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเราดูเหมือนจะไม่ได้ความขัดแย้งกับเผ่าท่าน พวกเราต้องสู้กันให้ตายไปข้างจริงๆ หรือ ข้าว่าสหายทั้งสองน่าจะไม่มั่นใจว่าจะสังหารพวกเราทั้งสามได้ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ไม่สู้ทำเป็นมองไม่เห็นกันและกัน พวกเราก็ทำธุระของตนเองเป็นอย่างไร?”
“พี่หญิงพูดถูก พวกเราพี่น้องไม่ใช่คนของเผ่าแมลงมีเขา แน่นอนว่าย่อมไม่จำเป็นต้องพบหน้าแล้วทำการต่อสู้ ในเมื่อพี่หญิงกล่าวเช่นนี้ พี่น้องอย่างพวกเราก็ขอตัวก่อน” หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรได้ยินหลิวสุ่ยเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ ใบหน้าก็คลี่ยิ้มเบิกบาน และเอ่ยอย่างเห็นด้วย
จากนั้นนางก็ส่งสายตาให้บุรุษเผ่าราชามหาสมุทร ไอสีขาวที่กลายท่อนล่างแผ่ขยายออกไปแล้วหมุนวน ชั่วครู่ก็ม้วนบุรุษเอาไว้ข้างใน
บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรลังเลเล็กน้อย ไม่ได้มีท่าทีขัดแย้งใดๆ
ดังนั้นไอสีขาวใต้ร่างของทั้งสองพลันผสมรวมกัน กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งแหวกอากาศไป แค่กะพริบวาบสองสามคราก็ไปอยู่ไกลลิบ สุดท้ายลำแสงก็หม่นแสงลงแล้วสลายหายไป
หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่จ้องเขม็งไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายหายวับไป หัวคิ้วขมวดมุ่น
ไม่รู้เพราะเหตุใดในร่างของหญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรถึงมีพลังสองกลุ่มที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น
ดูแล้วไม่ใช่เพราะหญิงสาวผู้นั้นฝึกฝนอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจอันใด ก็ต้องมีสมบัติที่น่ากลัวแน่
หานลี่อดจะคิดเช่นนั้นไม่ได้ ยามนั้นจึงคิดถึงพวกอสูรวิญญาณ
ถึงอย่างไรเสียปกติแล้ว นอกจากเผ่าที่ควบคุมอสูรวิญญาณแมลงวิญญาณโดยเฉพาะแล้ว อสูรวิญญาณปกติมักมีอิทธิฤทธิ์ต่ำกว่าเจ้าของอยู่ไม่น้อย เป็นได้เพียงเครื่องมือช่วยเหลือในยามต่อสู้เท่านั้น
แต่พวกเขาทั้งสามคนล้วนไม่ได้รอคอยอยู่ที่เดิม หลังจากปรึกษากันเล็กน้อยก็ทยอยกันขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนี พุ่งตรงไปอีกด้าน
……
ในเวลาเดียวกันบุรุษและหญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรในลำแสงสีขาวที่หนีมาได้หมื่นลี้ก็กำลังพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อันใดนะ เจ้าผู้ที่อยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดอันตรายยิ่งกว่าสองคนแรก?” บุรุษมีสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัย
“ใช่แล้ว นี่เป็นอีกสาเหตุที่เมื่อครู่ข้าห้ามไม่ให้สู้รบกัน แค่เมื่อครู่ไม่มีจังหวะ ข้าจึงไม่สะดวกจะอธิบายกับท่านพี่” หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรลูบไล้เส้นผมสีดำสนิทตรงหัวไหล่ แล้วเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ จะต้องมีหลักฐานแน่ ไหนลองบอกให้ข้าฟังซิ” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรเก็บสีหน้าตกตะลึง แต่แววตากลับฉายแวววาวโรจน์พลางเอ่ยซักถาม
“ศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของลอกเลียนแบบจากสมบัติสวรรค์ทมิฬในตัวข้ามีปฏิกิริยาตอบสนอง” หญิงสาวเงียบขรึมไปเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยออกมา
“อันใดนะ ศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาตอบสนอง! หรือว่าเจ้านั้นเองก็มีศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์?” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรเกือบจะกระโดดขึ้นมาจากลำแสงสีขาว ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“อาจจะใช่ แต่ก็ไม่แน่ ศาสตรายุทธ์ในร่างกายของข้ามีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงมาก ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในระดับที่เคยพบคนอื่นๆ ที่มีศาสตรายุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนในเผ่า” หญิงสาวเอ่ยอย่างเนิบช้า
“ไม่ใช่ศาสตรายุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็คือสมบัติสวรรค์ทมิฬ! เป็นไปไม่ได้สมบัติระดับนั้นจะมาอยู่กับระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดได้อย่างไร ฮ่าๆ น้องหญิงอาจจะเข้าใจผิด” หางตาของบุรุษเผ่าราชามหาสมุทรกระตุกสองสามครั้ง แต่กลับหัวเราะร่า
อานุภาพของสมบัติสวรรค์ทมิฬ ในฐานะของสมาชิกที่มีโลหิตของเผ่าราชาของเผ่าราชามหาสมุทร จะไม่รู้จักมันได้อย่างไร
“อาจจะเป็นเพราะข้ายังไม่คุ้นเคยกับการควบคุมศาสตรายุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ จึงรู้สึกผิดไป ถึงอย่างไรเสียเหล่าอาวุโสก็มอบศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำรวจโดยเฉพาะให้เพราะการเดินทางครั้งนี้ แต่แม้ว่าจะมีโอกาสแค่หนึ่งในสิบส่วน หากอีกฝ่ายมีสมบัติสวรรค์ทมิฬจริง ผลที่มาจากการที่ข้าและคนอื่นๆ เพลี่ยงพล้ำคืออันใด ท่านพี่ก็น่าจะรู้ดี” หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรกลับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์และสมบัติสวรรค์ทมิฬแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีวาฬศักดิ์สิทธิ์เก้าเนตรช่วยเหลือ พวกเราก็ไม่อาจเอาชนะได้ เช่นนั้นเมื่อครู่กลับเป็นพวกเราที่รอดชีวิตมาได้” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้
“นั่นก็ไม่แน่ มีสมบัติสวรรค์กับควบคุมสมบัตินี้ได้นั้นมันคนล่ะเรื่อง โดยปกติแล้วผู้ที่อยู่ในระดับเผ่าเบื้องบนนั้นไม่อาจกระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬได้ ทว่าในโลกนี้มีเคล็ดวิชาลับที่หายากอยู่สองสามชนิด ที่ทำให้ระดับนี้พอจะกระตุ้นอานุภาพของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้นิดหน่อย ทว่าข้ากลับรู้สึกว่าในร่างของอีกฝ่ายไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่เป็นของลอกเลียนแบบขั้นสุดยอดอีกชิ้นอย่างศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด นั่นอาจจะมีโอกาสมากกว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬหลายส่วน หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ สู้รบกับคนผู้นี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาดนัก” หญิงสาวลังเลเล็กน้อย กลับเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ใช่แล้ว แปดเก้าส่วนน่าจะอย่างสุดท้าย” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรได้ยินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยระรัว
“ไม่ว่าอย่างไรเจ้านี้ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์เดียวกันกับพวกเราแน่ คงไม่ได้พบกับพวกเขาอีก เราสองคนเองก็ไม่ต้องคิดมาก ขอแค่ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ ก็นับว่าได้ความดีความชอบใหญ่แล้ว กลับไปคงได้รางวัลใหญ่ จะว่าไปแล้วก็นับว่าพวกเราโชคดี ต้องขอบคุณการทำงานหนักของบรรพบุรุษที่เข้ามาในแดนกว้างเย็นก่อนหน้า เราสองคนถึงได้มีโอกาสได้รางวัลใหญ่นี้” หญิงสาวฉีกยิ้มเบิกบานให้กับท่านพี่
“ก็ใช่ ต่อให้คนผู้นั้นอันตรายขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา พวกเรารีบทำธุระเถิด ใช่แล้ว จะว่าไปแล้วสองสามวันก่อนที่บังเอิญพบคนของเผ่าแมลงมีเขานั้นมีท่าทีลับๆ ล่อๆ ดูเหมือนว่าจะมีแผนการอันใดสักอย่าง ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าจะบินไปทางเดียวกันกับคนของเผ่าเมฆาสวรรค์ คงไม่บังเอิญพบกันจริงๆ หรอกกระมัง” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรขบคิดเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“เรื่องนี้ผู้ใดจะรู้ล่ะ ทว่าแดนกว้างเย็นกลางใหญ่ถึงเพียงนี้ อัตราที่ทั้งสองเผ่าจะบังเอิญมาพบกันก็มีไม่มากนัก แต่หากพบกันก็คงไม่แยกทางกันเหมือนพวกเรา แน่นอนว่าต้องสู้กันจนตายไปข้าง หากอยู่ที่นั่นไม่แน่ว่าอาจจะรู้ว่าสมบัติในร่างของคนผู้นั้นคือสมบัติอันใดก็เป็นได้” หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรกระตุกมุมปาก ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย
“หึๆ พวกเราไม่มีทางชมเรื่องนี้กับตาตัวเองได้ ไปกันเถิด อีกเดือนกว่าน่าจะถึงเป้าหมายแล้ว” บุรุษเผ่าราชามหาสมุทรหัวเราะหึๆ ออกมา ไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับอันใด ก็กระตุ้นลำแสงหลีกหนี
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวพลันเพิ่มความเร็วขึ้นกว่าเดิมสามส่วน พุ่งตรงไป
หญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรย่อมไม่มีความคิดเห็น ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกระตุ้นความเร็วลำแสงหลีกหนีเช่นกัน
……
หานลี่ย่อมไม่รู้ว่าที่บังเอิญพบกับคนของเผ่าราชามหาสมุทรในวันนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมองความลับของเขาออกหลายส่วน
ทันใดนั้นแม้ว่าหญิงสาวเผ่าราชามหาสมุทรเองก็ไม่รู้ว่า ยามนั้นที่เผชิญหน้ากับหานลี่แล้วสัมผัสสมบัติได้นั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬที่หานลี่ซ่อนไว้เท่านั้น ส่วนผลสวรรค์ทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนของเขา กลับไม่ใช่สิ่งที่ศาสตรายุทธ์สวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ในร่างของหญิงสาวผู้นี้สัมผัสได้
เขาในยามนี้ค่อยๆ บินอยู่เหนือทุ่งหญ้าพร้อมกับอีกสองคน
“ความหมายของพี่หานคือให้พักผ่อนที่นี่สักสองสามวัน จากนั้นค่อยเดินทางต่อ ไม่จำเป็นกระมัง แม้ว่าตอนที่อยู่ในป่าลับข้าและสหายสือจะสูญเสียพลังปราณไปมาก แต่ขอแค่ลดความเร็ว แล้วค่อยๆ ดูดซับพลังจากหินวิญญาณอย่างช้าๆ ก็สามารถฟื้นฟูได้แล้ว” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เอ่ยกับหานลี่อย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“แม้เซียนหลิวจะพูดไม่ผิด แต่อันตรายในแดนกว้างเย็นก็ดูเหมือนจะมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ แค่ป่าอสูรลับก็ยุ่งยากเพียงนี้ ระยะทางต่อจากนี้เกรงว่าอันตรายคงไม่ต่างกันเท่าใดแน่ หากได้ฟื้นฟูพลังปราณสักวัน ก็ควรจะรีบฟื้นฟู และยิ่งไปกว่านั้นเซียนยังไม่ใช่แค่สูญเสียพลังปราณไม่หยุด! เกรงว่าก็สูญเสียปราณแท้ไปไม่น้อยเช่นกันสินะ” หลังจากที่หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา กลับเอ่ยอย่างมีเลศนัย
“พี่หานช่างดวงตาเฉียบแหลมนัก! แต่หากเสียเวลาเพราะเหตุนี้…” หลิวสุ่ยเอ๋อร์กลับลังเลเล็กน้อย
“เซียนหลิว พี่หานพูดมีเหตุผล หากไม่ฟื้นฟูพลังปราณแล้วเดินทางต่อ นั่นไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาดนัก ผู้แซ่สือเองก็ต้องพักผ่อนสักสองสามวันเช่นกัน ไม่สู้หาที่ปลอดภัยแถวๆ นี้ นั่งสมาธิสักสองสามวันเถิด” สือคุนเองก็เอ่ยปากขึ้น