นี่คือกลุ่มทหารรักษาการณ์ของค่ายเขี้ยวหมาป่าทุกคนสวมเครื่องแบบเรียบร้อย มีอาวุธประจำกาย และทำการแบ่งเป็นกลุ่มละๆสองคนยืนทำท่าระเบียบพักรออยู่ด้านนอกบ้านพักของเหล่าตัวแทนทั้งหลาย
หยวนหมินล่ะ? มู๋หรงยู่เฉิงถือตัวหมากในมือขณะเอ่ยถามทหารรักษาการณ์สองคนซึ่งยืนคุมอยู่ด้านนอกประตูที่พักของเขา
ทหารรักษาการณ์เงยหน้าขึ้นสบตากับมู๋หรงยู่เฉิงและตอบคำถาม ตอนนี้พื้นที่นี้ได้กลายเป็นฐานทัพทหารแล้ว พลเมืองและคนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้!
มู๋หรงยู่เฉิงตะลึง แต่เมื่อวานที่ฉันได้เจอกับคนของกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าฉันจะได้เจอกับชูฮันวันนี้? ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นฐานทัพทหารและเปลี่ยนความรับผิดชอบไปแล้ว?
นั่นคือเมื่อวานวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ทหารรักษาการณ์คนเดิมตอบคำถามด้วยท่าทางขึงขัง แถมยังกระชับปืนในมืออย่างแสดงท่าทีข่มขู่ใส่มู๋หรงยู่เฉิง ถ้าไม่ใช่ทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่า กรุณาออกไปจากที่นี้ทันที วันนี้คือเคลื่อนย้าย ถ้าพรุ่งนี้เรายังเจอคุณที่นี้อีก รับรองได้เลยว่าจะกระสุนรอทักทายคุณอยู่!
มู๋หรงยู่เฉิงอึ้งและพูดอะไรไม่ออก…นี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?
มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรเขาพยายามจะตามหาชูฮันมาตลอดแต่ที่ผ่านมากลับไม่เคยได้รับข่าวสารอะไรเลย แล้วจู่ๆค่ายเขี้ยวหมาป่าก็จะเปลี่ยนเป็นฐานทัพทหารอย่างสมบูรณ์แล้วเนี่ยนะ?
ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้มู๋หรงยู่เฉิงซึ่งเป็นตัวแทนจากค่ายหนานตู้รีบหยิบตราตำแหน่งแสดงตัวตนของเขาออกมาทันทีและใช้ความพยายามทั้งหมดในการซักถามเพื่อเค้นคำตอบจากอีกฝ่าย
มู๋หรงยู่เฉิงที่ในตอนแรกไม่เข้าใจอะไรเลยหลังจากซักถามอยู่นาน หลังจากเริ่มปะติดปะต่อคำตอบได้ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจอย่างมาก!
อพยพชาวเมืองทั้งหมดเข้าไปอยู่ในตัวเมืองอันลู?! สีหน้าอึ้งทึ่งอย่างไม่คิดปิดยัง ผู้รอดชีวิตทั้งหมด รวมถึงเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขี้ยวหมาป่า? กระทรวงการต่างประเทศก็ไปแล้วเหมือนกัน? วันนี้… คำพูดสุดท้ายนั้นมู๋หรงยู่เฉิงพูดพึมพำกับตัวเอง เขาตกใจมากจนหัวตื้อคิดอะไรไม่ออก
ถูกต้องครับ ทหารคนเดิมพยักหน้า ในเมื่อคุณเป็นตัวแทนจากเมืองหนานตู้ กรุณาเดินทางไปยังตัวเมืองอันลูเพื่อทำการติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศเอาเอง เพราะตอนนี้ที่นี่คือฐานทัพทหารเขี้ยวหมาป่า คนที่ไม่ใช่สมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาครับ!
เฮือก!
มู๋หรงยู่เฉิงย่นคอหลบทันทีตามสัญชาตญาณเมื่อสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจากอีกฝ่ายเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้นมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้เลย?
อีกอย่างผู้รอดชีวิตทั้งหลายกล้าที่จะไปอาศัยอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้นับไม่ถ้วนแบบนั้นได้ยังไงกัน?
อารมณ์โกรธที่อัดอั้นมาตลอดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของมู๋หรงยู่เฉิงหากเขาก็พยายามกดมันเอาไว้เพื่อไม่ให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้!
มันมีซอมบี้ในเมืองอันลูทั้งหมดเท่าไหร่กัน?
ถึงแม้ว่าชูฮันจะทรงพลังและเก่งกาจมากแค่ไหนและแม้จะมีกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่แกร่งกล้าไร้ผู้ใดเทียมทามก็ตามทีทว่ามันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่จะสามารถฆ่าซอมบี้ทั้งเมืองได้หมด และถึงแม้ว่าชูฮันและกองทัพเขี้ยวหมาป่าอาจจะทำได้สำเร็จจริงๆ แล้วซากศพของซอมบี้เป็นล้านๆตัวล่ะ…จะกำจัดยังไง?
ในโลกาวินาศมนุษยชาติสามารถมีชีวิตอาศัยอยู่ได้แค่ในค่ายเท่านั้น ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปในเมืองที่แม้ครั้งหนึ่งจะเคยเป็นบ้านที่ทุกคนโหยหาแต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นที่อยู่ของซอมบี้นับล้านตัวไปแล้ว
ซอมบี้มากมายจนนับไม่ถ้วนและไม่สามารถกวาดล้างได้!
หากตอนนี้เขากลับได้รับแจ้งว่ากลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเขี้ยวหมาป่าและเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดกลับย้ายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่อันตรายเช่นนั้นโดยไม่มีการบอกใบ้ล่วงหน้าใดๆจู่ๆก็ย้ายไปแบบนั้น…
แล้วจะให้มู๋หรงยู๋เฉิงยอมรับได้อย่างไร?
ชูฮันเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!
มู๋หรงยู่เฉิงเดินออกจากที่พักทันทีด้วยความโมโหและเสียหน้าและบนถนนระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับเหล่าตัวแทนคนอื่นๆ ซึ่งหลังจากทุกคนได้มารวมตัวกันมันก็มีแต่เสียงก่นด่าต่อว่าความไร้สมองและเผด็จการของชูฮันในการจัดการเขี้ยวหมาป่า ชูฮันคิดบ้าอะไรอยู่ถึงได้ส่งคนของตัวเองไปรนหาที่ตายแบบนั้น!
กลุ่มตัวแทนมุ่งหน้าไปประตูทางออกของค่ายเขี้ยวหมาป่าที่ตอนนี้กลายเป็นฐานทัพทหารไปแล้วพวกเขาตั้งใจจะไปยังตัวเมืองอันลูเพื่อเจอหน้าชูฮันและถามหาคำตอบให้เข้าใจ ชูฮันตัดสินใจเรื่องแบบนี้โดยไม่รายงานกับซางจิงอย่างเป็นทางการ อีกทั้งการตัดสินใจของเขาจะทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตาย..ใครจะรับผิดชอบในเรื่องนี้?
แต่ในตอนที่เหล่าตัวแทนซึ่งนำโดยมู๋หรงยู่เฉิงเดินออกมานอกฐานทัพทหารพวกเขาก็ได้พบกับขบวนเดินทางที่กำลังเตรียมตัวออกเดิน เป็นกลุ่มคนจำนวนขนาดใหญ่และมีหลายคนที่หน้าตาคุ้นเคย
ผู้นำขบวนเดินทางคือซางจิ่วตี้ที่แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงยาวคลุมทับด้วยเสื้อคลุมคอปกที่แสดงออกถึงความเรียบนิ่งและมีรัศมีของหญิงสาวแข็งแกร่งเด่นชัด
รอบตัวเธอมีทีมคุ้มกันกระจายอยู่รอบๆเช่นเดียวกับตัวซางจิ่วตี้ที่มีพลังผันผวนกระจายตัวอยู่รอบๆแสดงให้เห็นถึงพลังที่เธอมี ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าใครก็ตามที่กล้าบุกเข้ามาหาซางจิ่วตี้ ทหารที่คุ้มกันอยู่รอบๆนั้นพร้อมที่จะยิงหรือจัดการคนคนนั้นทันทีโดยไม่ลังเล
ต่อจากซางจิ่วตี้ก็คือทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งก็คือเหล่าผู้บริหารเขี้ยวหมาป่า ตอนนี้พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม โดยคนที่มีหน้าที่สำคัญต่างๆและเป็นระดับหัวหน้าแผนกนั้นได้ถูกส่งไปก่อนแล้ว ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานในแผนกที่รอติดตามซางจิ่วตี้เคลื่อนย้ายไปยังเมืองอันลู
เหล่าสมาชิกของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ใช้เวลากับเหล่าตัวแทนตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็ยืนรวมอยู่ในขบวนด้วยทุกคนต่างแต่งตัวเป็นระเบียบดูดี ราวกับว่ากำลังจะเข้าร่วมการประชุมครั้งสำคัญ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!
มู๋หรงยู่เฉิงเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปหาซางจิ่วตี้ เธอ เธอ โอ๊ยยยยย!
ผลกระทบมันมากเกินไปความโกรธพุ่งทะลุจนมู๋หรงยู่เฉิงเค้นคำพูดออกมาไม่ถูก เขาได้แต่แหกปากร้องเพื่อระบายอารมณ์ ขณะที่เหล่าตัวแทนก็ตกใจกับสิ่งที่พึ่งได้รับรู้จนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองออกมายังไง บรรยากาศมันตึงเครียดและเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง
ซางจิ่วตี้กวาดสายตามองกลุ่มตัวแทนที่ปรากฏตัวขึ้นโดยเฉพาะมู๋หรงยู่เฉิงที่อยู่ตรงหน้าเธอ ตัวแทนจากแต่ละค่ายสินะ? ทำไมพวกคุณยังไม่ไปอีก!
ประโยคที่ว่า’ทำไมยังไม่ไปอีก’ นั้นทำให้เหล่าตัวแทนชะงักค้าง รู้สึกอับอายขายขี้หน้าสุดๆ นี้พวกเขาอยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดกี่วันกัน?
พวกเขาไม่ได้เจอชูฮันหรือแม้แต่ซางจิ่วตี้และเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมาพวกเขาได้แต่เจราจาอยู่กับคนจากกระทรวงการต่างประเทศและใช้เวลาอยู่แต่ในที่พักตัวเอง ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าซางจิ่วตี้และเหล่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดกำลังจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานในเมืองตัวเมืองอันลู
แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดใจที่สุดก็คือ…ซางจิ่วตี้ลืมพวกเขาไปสนิทใจ?
หลังจากอดทนและทำงานหนักมาตลอดสิบกว่าวัน…นี้พวกเขายอมเสียเวลาทั้งหมดนั้นไปเพื่ออะไรกัน?!
โอ้ใช่ครับ ตอนนั้นเอง คนของกระทรวงการต่างประเทศก็มีท่าทีอ้ำอึ้ง จากนั้นก็หันไปมองซางจิ่วตี้ด้วยท่าทางขลาดๆ ผมลืมบอกไปว่ามีกลุ่มตัวแทนมาพักอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าครับ พวกเขาเป็นแขกของงานเฉลิมฉลองชัยชนะสงครามของเขี้ยวหมาป่าครับ
อืม ซางจิ่วตี้พยักหน้ารับ จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดูน่าสนใจอย่างมาก อย่างนั่นสินะ
ครับ ทหารคุ้มกันรีบมารวมตัวกันตรงหน้าและพยายามดันกึ่งบังคับให้เหล่าตัวแทนเดินหน้าไปเมืองอันลู
มู๋หรงยู่เฉิงและตัวแทนทั้งหมดต่างพูดอะไรไม่ออกพวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์? ไม่เข้าใจว่าตอนนี้ซางจิ่วตี้กำลังต้องการทำอะไร?
พาไปที่แท่น
แท่นอะไร?พาพวกเขาไปทำไม?
ซางจิ่วตี้ไม่มีความสนใจที่จะพูดคุยกับเหล่าตัวแทนเลยสักนิดโดยไม่คำนึงถึงสถานะหรือตำแหน่งของตัวแทนพวกนี้เลยถึงแม้ว่าเธอจะมีตำแหน่งเป็นผู้ดูแลค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ตาม
ตัวแทนหลายคนเริ่มไม่พอใจในใจสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้การเจรจาเป็นพันธมิตรกับเขี้ยวหมาป่ากลายเป็นโมฆะ พวกเขาจะกลับไปอธิบายสถานการณ์และสิ่งที่พวกเขาเจอให้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายตัวเองฟังและตัดขาดความสัมพันธ์กับเขี้ยวหมาป่าซะ!