Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1085 พิธีก่อตั้ง

ตอนที่ 1085 พิธีก่อตั้ง

  เด็กน้อยยืนอยู่กลางถนนยื่นดอกไม้ให้ซางจิ่วตี้ด้วยแววตาใสซื่อรอมยิ้มสดใสของเด็กน้อยเปรียบเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของโลกาวินาศ

  ซางจิ่วตี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเธอโน้มตัวลงไปจ้องตากับเด็กน้อยและรับดอกไม้ในมือมา  นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับเลย 

  เด็กน้อยส่งยิ้มหวานให้ซางจิ่วตี้ทันทีเวลาเหมือนกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะทันที มันสวยงามมากจนไม่สามารถละสายตาไปได้ ทุกคนหยุดนิ่งราวกับกำลังบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป

   ขอโทษค่ะขอโทษค่ะ  ทันทีที่ได้สติ แม่ของเด็กน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปมาคว้าตัวลูกสาวจากทางด้านหลังและเอ่ยขอโทษขอโพยซางจิ่วตี้ไม่หยุดด้วยความเกรงกลัว

   ไม่เป็นไร ซางจิ่วตี้ส่งยิ้มให้อย่างใจดี   ขอบคุณมากค่ะ!ขอบคุณที่กรุณาพวกเรา  แม่ของเด็กน้อยซางซึ้งอย่างมาก เธอดันตัวลูกน้อยไว้ด้านหลังตัวเอง ส่งแววตาปราบปลื้มและชื่นชมให้ซางจิ่วตี้  ท่านช่างเป็นเจ้าเมืองที่แสนดีจริงๆค่ะ! 

  ซางจิ่วตี้ไม่ได้ตอบกลับเธอกุมดอกไม้ไว้ในมือและออกเดินกลับไปยังแท่นสูง

  ทีมคุ้มกันยกปืนขึ้นด้วยท่าเตรียมพร้อมอีกครั้งขณะเดินประกบซางจิ่วตี้ไปทุกคนกวาดสายตาราวกับเครื่องจับผิดไล่ตรวจทุกตารางนิ้วในบริเวณสายตาด้วยหน้าตาขึงขัง พวกเขายืนกระจายตัวคุ้มกันรอบๆซางจิ่วตี้ที่ตอนนี้ได้หยุดยืนนิ่งอยู่บนแท่นสูงแล้ว

  เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายที่ยืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหาแท่นสูงต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากที่ซางจิ่วตี้มายืนประจำตำแหน่ง ทุกคนก็นั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งจัดวางไว้

  หลังจากนั้นไม่นานขบวนเดินทางของผู้รอดชีวิตก็ยืนกระจายตามท้องถนนอย่างเป็นระเบียบภายใต้การกำกับควบคุมของทีมรักษาความปลอดภัยสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังข้างหน้าที่มีซางจิ่วตี้ยืนอยู่ด้วยความศรัทธา

  มีเพียงแต่กลุ่มตัวแทนที่ยังคงตะลึงและสมองโล่งจนคิดอะไรไม่ออกพวกเขาได้แต่อ้ำๆอึ้งๆอย่างไม่ได้สติ จนกระทั่งถูกจัดให้นั่งตามเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับตัวแทนซึ่งอยู่ถัดมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง เวลานั้นพวกถึงพึ่งจะได้สติและก็ต้องตกใจอย่างมาก ทุกคนหันมามองหน้ากันและกันไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

  ตอนที่เด็กน้อยวิ่งเข้ามาหาซางจิ่วตี้และเรียกซางจิ่วตี้ว่า…

  เจ้าเมือง?!

  มันคือเรื่องอะไร?

  มู๋หรงยู่เฉิงและหลูชูซเวที่นั่งข้างกันก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่งอย่างพูดอะไรไม่ออกต่างฝ่ายต่างเห็นความตกใจที่ฉายชัดในแววตาของอีกฝ่าย

  ซางจิ่วตี้เป็นเจ้าเมืองเมืองอันลู?!   และในตอนนั้นเองซางจิ่วตี้ที่ยืนอยู่บนเวทีแท่นสูงก็พูดขึ้นโดยมีลำโพงกระจายเสียงที่ติดตั้งไว้เพื่อให้ทุกคนสามารถได้ยินเธออย่างทั่วถึงเธอยืนอยู่บนเวทีกว้างเพียงลำพัง เผชิญหน้ากับถนนเส้นหลักที่มีผู้รอดชีวิตหลายหมื่นคนยืนออกันแน่น ท่าทางสมเกียรติ สง่างามและเต็มไปด้วยรัศมีอำนาจ

   ฉันคือซางจิ่วตี้ ซางจิ่วตี้พูดเปิดแนะนำตัวเองผ่านเสียงที่ถ่ายทอดผ่านลำโพงดังชัด

   เฮ~ 

  เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วตามขึ้นมาทันทีทุกคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงร้องยินดีและเสียงปรบมือมหาศาลจากกลุ่มผู้รอดชีวิตทางด้านหลัง ความตื่นเต้นยินดีที่ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความคลั่ง

  ซางจิ่วตี้ยกมือขึ้นและลดมืออย่างเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง

  และแทบจะทันทีทันใดเสียงดังลั่นกึกก้องทั้งหมดก็สลายไปในอากาศทุกคนยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องมายังผู้หญิงสุดพิเศษที่อยู่ต่อหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา

  เป็นอีกครั้งที่กลุ่มตัวแทนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองด้วยความข้องใจ…พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดจะเชื่อฟังมากขนาดนี้ความเป็นระเบียบที่ได้เห็นมันใช่ในยุคโลกาวินาศที่พวกเขารู้จักจริงเหรอ?

  แม้แต่ค่ายซางจิงที่เวลาจัดประชุมระดับชาติและมีทหารถือปืนยืนคุมอยู่รอบๆก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านเชื่อฟังได้เท่านี้เลย

  แต่สำหรับพวกเขี้ยวหมาป่าในเมืองอันลูนี้ ผู้รอดชีวิตพวกนี้กลับอยู่ในระเบียบ?

  ขณะเดียวกันตัวแทนหลายคนก็พบจุดที่น่าสงสัยจุดหนึ่ง…เพราะตั้งแต่แรกเริ่มจนจบพวกเขายังไม่เห็นชูฮันเลย

  ชูฮันไปไหน?!

  แล้วการประชุมนี่คือะไร?

  ภายใต้ความสงสัยต่อเนื่องซางจิ่วตี้ก็พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจให้ทุกคน  พวกคุณหลายคนคงรู้จักฉันแล้วหรืออาจจะไม่ บางคนอาจจะรู้ฉันในฐานะภรรยาของพลเอกชูฮันซึ่งมันอาจจะเป็นป้ายกำกับชื่อที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน 

  พอพูดถึงชูฮันหลายคนก็หัวเราะออกมาอย่างขำขัน แต่แล้วเสียงก็ค่อยๆจางหายลงจนทุกคนรอให้บรรยากาศเงียบสงบเพื่อให้ซางจิ่วตี้ได้พูดต่อ

  ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ตัวแทนหลายคนต้องมองหน้ากันอีกครั้งพวกเขาสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่เข้มข้น  แต่วันนี้ มันจะมีป้ายกำกับชื่อใหม่ในชีวิตฉัน แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่พลเอกชูฮันมอบให้กับฉันแต่ฉันก็หวังว่าป้ายกำกับนี้จะอยู่คู่ไปกับชีวิตของฉันและทุกคนจะจดจำฉันในฐานะใหม่นี้ ฉันจะนำพาให้เมืองอันโรของเราร่วมไปกับทุกคนทำให้เมืองอันโรที่สว่างไสวที่สุดท่ามกลางความมืดมิดของโลกาวินาศ! 

   วันนี้คือวันที่เมืองอันโรของเราได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการและมันก็เป็นวันแรกที่ฉันดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอันโรอย่างเป็นทางการเช่นกัน  พูดมาถึงตรงนี้ ซางจิ่วตี้ก็หยุดพัก เธอส่งยิ้มให้ทุกคนและพูดต่อ  พวกคุณคงจะประหลาดใจกันมากแน่ทำไมพลเอกชูฮันถึงไม่มาร่วมงานในวันสำคัญเช่นนี้กันสินะ? 

  ผู้รอดชีวิตหลายคนพูดคำว่า‘ทำไม’ ประสานกันจนเป็นเสียงดังก้อง เกือบจะทุกคนต่างมีความสับสน บางคนถึงกับร้องไห้และถามว่า ‘หรือพลเอกชูฮันจะตัดหางปล่อยวัดเราแล้ว?’

  หากเหล่าเจ้าหน้าทั้งหลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหน้ากลับไม่สนใจพวกเขายิ้มและรอคอยให้ซางจิ่วตี้เป็นคนตอบ มีเพียงแค่ตัวแทนทั้งหลายที่ต้องตกใจไม่หยุดหย่อน

  ก่อตั้งเมืองอันโรขึ้นใหม่!

  ซางจิ่วตี้เป็นเจ้าเมือง!

  เรื่องราวที่พึ่งได้รับรู้มันทำให้พวกเขาสมองตื้อกันไปหมดจนประมวลผลตามไม่ทัน

  ซางจิ่วตี้กวาดสายตามองทุกคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อยเป็นค่อยไป  เพราะเขาพูดทิ้งไว้ประโยคเดียว เขาพูดว่า… 

   เจ้าเมืองอันโรไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งพลเอกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอันลูทั้งหมดต่างเป็นบุคคลสำคัญในพิธีก่อตั้งของเมือง เจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องมาสาบานตนต่อหน้าพลเอก แต่ควรจะให้ชาวเมืองทุกคนได้เป็นสักขีพยานต่างหาก! 

  เสียงประกาศของซางจิ่วตี้ดังก้องเข้าไปในใจของทุกคนมันกระตุ้นอารมณ์ของทุกคนให้ซาบซึ้งและตื้นตันอย่างมาก

  ชูฮันใช้การกระทำของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าจริงๆแล้วเมืองนี้เป็นของใครและใครคือผู้ปกครองเมืองตัวจริง!

  ขณะเดียวกันซางจิ่วตี้ก็ยืนกลับหลังหันภายใต้สายตาของทุกคน ผ้าม่านสีแดงที่คลุมบางอย่างเอาไว้อยู่ด้านหลังซางจิ่วตี้ก็ค่อยๆถูกเปิดออก

  และในตอนนั้นเองรูปปั้นขนาดใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน

   และนี่คือสัญลักษณ์ประจำเมืองอันโรของเรา! ซางจิ่วตี้ประกาศลั่น ต่อหน้าทุกคนเธอค่อยๆยกมือขึ้นและเริ่มทำการสาบานตน  ฉันซางจิ่วตี้ วันนี้ได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองอันโรอย่างเป็นทางการ ฉันสาบานว่าจะมอบทั้งชีวิตของฉันเพื่อทำงานให้กับเมืองอันโรอย่างสุดความสามารถ!  

   เฮ~ 

  มีเสียงเฮดังสนั่นขึ้นอีกครั้งผู้คนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องเฉลิมฉลองจนดังกึกก้อง ทั้งเสียงปรบมือ และหยดน้ำตาของความปิติยินดี ดอกไม้นับไม่ถ้วนถูกโยนขึ้นสูงจนกลีบดอกไม้สีสันสดใสกระจายไปทั่วในอากาศจนเป็นภาพบรรยากาศสวยงาม

  วันนี้คือวันที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายของเขี้ยวหมาป่ารอคอย มันคือสิ่งที่พวกเขาเฝ้าเตรียมการมาตลอดหลายเดือน เพื่อจะจัดพิธีก่อตั้งเมืองอันโรขึ้นอย่างเป็นทางการ!

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท