คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1772 ตื่นขึ้น

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

อักขระยันต์สีขาวทะลักออกมาจากบ่อโลหิต ทยอยกันจมหายเข้าไปในโลงผลึกท่ามกลางลำแสงสีสว่างวาบ แล้วหายวับไป

ชั่วขณะนั้นลำแสงก็รวมตัวกันขึ้นกลางโลง และกลายเป็นเงาร่างคนสีขาวในชั่วพริบตา

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ สวี่เจียวพลันสะบัดแขนเสื้อไปด้านหน้าอย่างไม่ต้องขบคิด

ชั่วพริบตานั้นขวดเล็กสีโลหิตก็บินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าบุรุษสวมชุดสีขาว

สวี่เจียวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้น นิ้วทั้งห้าร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว อาคมเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในขวดสีโลหิตเป็นสายๆ

ผิวของขวดมีลำแสงสีโลหิตแวววาวปรากฏขึ้น หลังจากสั่นเทาเล็กน้อย ฝาขวดก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ

เสียง “ฟู่” ดังขึ้น เส้นไหมสีโลหิตสายหนึ่งพ่นออกมาจากปากขวด ภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคมของสวี่เจียว ก็พุ่งขึ้นมาจากบ่อโลหิตไปหาโลงผลึก

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับ!

เส้นไหมโลหิตจมหายเข้าไปในโลงโลหิตอย่างง่ายดาย

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น

ชั่วพริบตาที่เส้นไหมโลหิตจมหายเข้าไปในเงาร่างคนสีขาวในโลงผลึกสีแดงโลหิต ก็ราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง กลายเป็นสีแดงโลหิตทันที

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผู้บำเพ็ญเพียรของตระกูลสวี่ที่อยู่รอบด้านก็รู้ว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ลำแสงวิญญาณแผ่ออกมาจากเรือนร่างพร้อมกัน ปากก็บริกรรมคาถาด้วยเสียงแหลมสูง

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาอย่างสวี่หยวนนั้น ก็ยิ่งกระตุ้นธงสีโลหิตด้านหน้าตนเอง

อักขระยันต์สีแดงสดปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกโลหิตกลางอากาศตรงใจกลางเขตอาคม หมุนวนล้อมรอบโลงผลึกโลหิตไปมาไม่หยุด

ระลอกคลื่นโลหิตในบ่อเปล่งเสียงร้องแหลมสูงขึ้นมาในพริบตา!

เส้นไหมสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากบ่อโลหิต เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งเข้าไปในโลงโลหิต วนล้อมรอบเงาร่างสีโลหิตอย่างรวดเร็ว

เส้นไหมโลหิตจำนวนมากพุ่งเข้ามาพร้อมกัน เงาร่างสีโลหิตที่แต่เดิมรางเลือน พลันกลายเป็นรังไหมรูปร่างมนุษย์ เส้นไหมสีโลหิตก็ทะลักเข้าไปจากด้านล่างไม่หยุด ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ผลคือผ่านไปเพียงชั่วครู่ รังไหมโลหิตไม่เพียงจะมีขนาดเท่าคนจริง และยิ่งไปกว่านั้นส่วนหัวยังมีเครื่องหน้าจำพวกตาและจมูกปรากฏขึ้นรางๆ

มองไกลๆ ช่างแปลกประหลาดยิ่ง

แต่ถ้าหากใช้จิตสัมผัสกวาดมองอย่างละเอียดก็จะพบว่า แม้ว่าเส้นไหมโลหิตจะทะลักเข้าไปในรังไหมไม่หยุด แต่เส้นไหมโลหิตที่พันรัดไว้แต่เดิมกลับเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวและเหี่ยวเฉาจากด้านใน ทยอยกันกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วสลายหายไป

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป แม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่ทุกคนจะกระตุ้นเขตอาคมอย่างบ้าคลั่ง แต่เส้นไหมโลหิตที่พ่นออกมาจากบ่อโลหิตกลับไม่อาจเพิ่มขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ขนาดของเส้นไหมโลหิตร่างคนไม่เพียงไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น กลับเริ่มหดเล็กลง ท่ามกลางเส้นไหมโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่เลื้อยไปมา ใบหน้าของรังไหมโลหิตพลันปรากฏสีหน้าเจ็บปวดออกมา

สวี่เจียวและผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงของตระกูลสวี่ต่างทยอยกันหน้าเปลี่ยนสี พยายามกระตุ้นพลังปราณในร่างสุดชีวิต

แต่สิ่งที่ทำได้กลับเป็นแค่ประคองให้รังไหมโลหิตในโลงผลึกไม่เลวร้ายลงเท่านั้น

เวลาผ่านไปนานขึ้นเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญเพียรของตระกูลสวี่พลันหน้าซีดขาว ท่าทางไม่อาจประคับประคองพลังปราณต่อไปได้แล้ว

สวี่เจียวเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พลันรู้สึกร้อนใจ และทนไม่ไหวพลางเหลือบมองไปทางหานลี่ที่อยู่ตรงมุมของห้องโถง

เห็นเพียงหานลี่ในยามนี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แค่เอามือรองใต้คาง มองสถานการณ์ของทุกคน คาดไม่ถึงว่าเผยสีหน้ามีแผนการออกมา

“ท่านอาวุโสหาน…” สวี่เจียวร้องตะโกนอย่างวิงวอน และท่าทางอยากจะพูดจาขอร้องอีก

แต่หานลี่ดูเหมือนจะรู้ว่าบุรุษชุดขาวอยากพูดอันใด จึงชิงเอ่ยปากตัดบทสนทนาต่อจากนั้น

“สหายไม่ต้องร้อนใจ ในเมื่อผู้แซ่หานตอบรับว่าจะลงมือ ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”

จากนั้นเขาพลันยืนขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ยกมือขึ้น ตบไปที่หน้าผากของตนเอง

หมอกลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ คนตัวเล็กสีดำความสูงครึ่งฉื่อปรากฏขึ้น

คนตัวเล็กคนนี้สวมเกราะสงครามสีดำ สองมือเปลือยเปล่า สีหน้าไร้ความรู้สึก นั่นก็คือทารกวิญญาณที่สองของหานลี่

จากนั้นหานลี่ก็ชูมือขึ้นสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีทองพุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นอสูรน้อยสีทองตัวหนึ่ง

อสูรน้อยตัวนี้แผ่กลิ่นอายที่น่าหวาดผวาออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเย็นยะเยือก นั่นก็คืออสูรมิคาทน

เมื่อเห็นหนึ่งทารกและหนึ่งอสูร สวี่เจียวและเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรพลันตกตะลึง

แต่ไม่รอให้พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนอง หานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อออกคำสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไป”

ชั่วขณะนั้นสองมือของทารกวิญญาณเหนือศีรษะพลันร่ายอาคม ร่างกายพลิ้วไหวสลายหายไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาชายชราสวี่หั่วก็รู้สึกว่าเหนือศีรษะมีอะไรพุ่งผ่านไป ทารกวิญญาณสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

ชายชราพลันหน้าเปลี่ยนสี สมบัติอาคมสองสามชิ้นภายในร่างพลันเคลื่อนไหว ในใจเกิดความรู้สึกระมัดระวังตัวขึ้นสิบสองส่วน

แต่ทารกวิญญาณกลับไม่ได้สนใจชายชราที่อยู่ด้านล่าง สองมือตบไปที่ธงโลหิตด้านหน้า

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เสาลำแสงสีดำสองสายพ่นออกมา จมหายเข้าไปในธงโลหิต

เดิมเป็นเพราะชายชรามีพลังปราณไม่พอธงอาคมจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียงอื้ออึงดังขึ้น ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นระดับความเจิดจ้ายังเหนือกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

สวี่หั่วพลันตกตะลึง ทันใดนั้นสองมือที่ร่ายอาคมจึงเปลี่ยนท่าทีไปด้วยความดีใจ เป็นท่าทางที่ช่วยเสริมจากเหนือศีรษะ

ในเวลาเดียวกันเงาร่างของชายชราสวี่เหยียนที่อยู่ด้านข้างพลันรางเลือน ร่างที่ค่อนข้างเล็กของอสูรมิคาทนพลันปรากฏขึ้น

เห็นเพียงอสูรตัวนี้อ้าปาก พลังวิญญาณบริสุทธิ์ในร่างกายกลายเป็นเสาลำแสงสีทองพ่นออกมา และโจมตีไปที่ธงอาคมอีกด้านเช่นเดียวกัน

ส่วนหานลี่เองก็ดูเหมือนว่าจะก้าวขึ้นมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง ใต้ฝ่าเท้ามีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างทั้งร่างเคลื่อนย้ายไปยี่สิบสามสิบจั้งในพริบตา มาปรากฏตรงหน้าสวี่หยวนผู้ซึ่งเป็นอาวุโสใหญ่ของตระกูลสวี่

ไม่รอให้อีกฝ่ายเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา หานลี่ก็ยื่นฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อร่ายนิ้วชี้ไปทางธงสีโลหิตทั้งสามด้าม

ลำแสงสีเขียวระเบิดออกมาจากปลายนิ้ว ชั่วพริบตาพลันกลายเป็นดอกบัวลำแสงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา

ครู่ต่อมาดอกบัวสีเขียวก็จมหายเข้าไปในธงโลหิตราวกับเงาลวงตา

ธงโลหิตสั่นเทาอย่างหนัก คาดไม่ถึงว่าลำแสงสีโลหิตจะหมุนวนแล้วขยายใหญ่ขึ้น อักขระสีแดงโลหิตทะลักออกมาจากธงราวกับคลื่นน้ำ

นิ้วอื่นของหานลี่ก็ร่ายไปมาอย่างต่อเนื่อง

ดอกบัวสีเขียวพุ่งออกมาจมหายเข้าไปในธงโลหิตอย่างเงียบเชียบ กลายเป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์

สวี่หยวนที่เดิมกระตุ้นธงอาคมจนรู้สึกกินแรง ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกว่าแรงกดดันลดลง

เขาอดที่จะรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจไม่ได้

ยามนี้ระลอกคลื่นสีโลหิตที่เดิมหมุนวนอยู่ในบ่อโลหิตพลันเพิ่มเปล่งเสียงร้องแหลมสูงขึ้นขณะที่อานุภาพของเขตอาคมเพิ่มขึ้น แต่ระลอกคลื่นพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า แทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งของบ่อเอาไว้

เดิมเส้นไหมโลหิตที่พ่นออกมาจากบ่อเป็นสายๆ แต่หลังจากที่ระลอกคลื่นยักษ์เปลี่ยนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเส้นไหมโลหิตทอตัวกันหนาแน่นพุ่งออกมาท่ามกลางลำแสงโลหิตที่เปล่งแสงสว่างวาบ

รังไหมโลหิตที่แต่เดิมเริ่มหดเล็กลง ชั่วขณะนั้นราวกับได้รับพลังชีวิตใหม่ ไม่เพียงจะฟื้นฟูกลับมีขนาดเดิมอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเส้นไหมโลหิตบนผิวกายยังเลื้อยไปมาไม่หยุด แรกเริ่มมีรูปร่างเหมือนหญิงสาวร่างกายอรชนอ้อนแอ้น

ยามนี้สวี่เจียวพลันร้องตะโกนอย่างยินดี

“เริ่มหลอมร่างโลหิต!”

สิ้นเสียงตะโกน ผู้บำเพ็ญเพียรของตระกูลสวี่ก็ทยอยกันเปลี่ยนรูปแบบอาคมโดยมีสวี่หยวนและพวกผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาทั้งสามเป็นผู้นำ

อักขระสีโลหิตที่แต่เดิมวนล้อมรอบโลงผลึก พลันทะลักเข้ามาในโลงอย่างบ้าคลั่ง แล้วทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปในรังไหมโลหิต

หลังจากที่รังไหมโลหิตร่างคนดูดซับอักขระยันต์เหล่านั้นเข้าไป คาดไม่ถึงว่าผิวของมันจะมีลำแสงวิญญาณไหลวนโคจรไปมา แรกเริ่มเป็นลำแสงสีสันแวววาว และค่อยๆ เข้มขึ้น

ผลคือหลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา รังไหมโลหิตร่างมนุษย์ก็กลายเป็นดั่งรูปปั้นแกะสลักสีแดงสด ลอยอยู่ในโลงผลึกไม่ขยับเขยื้อน

“สำเร็จแล้ว!”

สวี่เจียวเห็นเช่นนี้พลันพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา จากนั้นก็ถอนอาคม

ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่คนอื่นๆ ย่อมหยุดการเคลื่อนไหวตามเขา

ชั่วขณะนั้นลำแสงวิญญาณทั้งเขตอาคมพลันหม่นแสงลง มืดมนแล้วหยุดเคลื่อนไหว

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดก็ทยอยกันหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น แล้วมองไปที่โลงผลึกโลหิตกลางอากาศ

สวี่เจียวและผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่ จ้องเขม็งไปยังของในโลงตาไม่กะพริบ

ยามนี้หานลี่กลับขยับจิตสัมผัส เรียกทารกวิญญาณและอสูรมิคาทนกลับมา

หลังจากที่ทั้งสองบินกลับมาอย่างเงียบเชียบ ก็เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่ถึงได้มองไปยังบ่อน้ำด้วยความสนอกสนใจ

เห็นเพียงผิวของรูปปั้นสีโลหิตในโลงผลึกโลหิตมีลำแสงผลึกไหลวนโคจรไปมา ฉับพลันนั้นเสียง “เปรี๊ยะๆ” ก็ดังขึ้น รูปปั้นที่แต่เดิมควรจะหลับตาทั้งสองข้าง พลันปริแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็เผยรูสองรูออกมา

ภายใต้รูนั้น แววตางดงามสีแดงสดเผยออกมา กลอกตาไปมา คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงออกมา

หานลี่เห็นฉากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก

และนอกจากเขาแล้ว ทั้งห้องโถงก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัด ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่ล้วนไม่กล้าหายใจแรงขณะมองความเปลี่ยนแปลงในโลงผลึก

เสียงดังขึ้นสองครั้งในยามแรก ราวกับว่าแค่เริ่มต้นเท่านั้น

หลังจากดวงตางดงามสีโลหิตคู่นั้นกวาดมองไปก็หลับตาลงอีกครั้ง เวลาหลังจากนั้นรูปปั้นสีโลหิตทั้งร่างก็ดูราวเครื่องลายครามที่แตกละเอียดง่ายๆ ปรากฏรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นพร้อมกับเสียงปริแตกอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นเสียงแค่นเสียงอันไพเราะก็ดังขึ้น ผิวของรูปปั้นผนึกแสงชั้นหนึ่งขึ้น กลายเป็นแผ่นปริแตกจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมา

เมื่อแผ่นที่ปริแตกเหล่านี้กลายเป็นหมอกโลหิตสลายหายไปกลางอากาศ ในโลงผลึกพลันมีร่างของสตรีที่งดงามเพิ่มขึ้นมา

ไม่ว่าขาทั้งสองข้างหรือว่าเอวคอดกิ่วนั้น ก็เผยพลังดึงดูดบุรุษเพศออกมาอย่างรุนแรง ส่วนผิวขาวบริสุทธิ์ดุจหยกงาม ใบหน้างดงาม ก็ยิ่งทำให้ร่างนั้นไร้ซึ่งข้อบกพร่อง

ส่วนเดิมหญิงสาวที่หลับตาอยู่พลันเอาสองมือไขว่กันที่หน้าอก บดบังทัศนียภาพอันงดงามกว่าครึ่งเอาไว้ ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรเพศชายจำนวนไม่น้อยในห้องโถง ล้วนลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้สึกตัว

ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลสวี่ในห้องโถงอย่างน้อยก็มีพลังยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขึ้นไป สมาธิจึงเหนือกว่าผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เผยท่าทางน่ารังเกียจออกมา

ไม่รอให้สวี่เจียวที่เป็นผู้นำเคลื่อนไหวอันใด ผิวของหญิงสาวก็เปล่งแสงสีโลหิตออกมา ชุดชาววังสีแดงสดที่วิจิตรงดงามปรากฏขึ้นบนร่างนั้น

จากนั้นแพขนตาของหญิงสาวผู้นี้ก็ขยับ ลืมตางดงามขึ้นอย่างช้าๆ รูม่านตาสีโลหิตคู่นั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ฉายแววเย็นเยียบไร้ความรู้สึกออกมา

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท