เท่าไหร่…เท่าไหร่นะ?
นะ–หนึ่งหนึ่งหมื่น?
ตัวแทนทั้งหลายตะลึงค้างกับราคาที่ได้ยินมันแพงเกินไปอย่างมาก!
หนึ่งหมื่นจะซื้อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกคุณต้องการ ซางจิ่วตี้ดูเหมือนจะเหนื่อย เธอยืดแขนเล็กน้อยและเดินไปยังทางออกพร้อมพูดขึ้นต่อ รีบตัดสินใจเข้าล่ะ มันคงไม่นานหรออกที่ข่าวเรื่องการพัฒนาสารล่อซอมบี้และเมืองอันโรที่ปราศจากซอมบี้จะแพร่ออกไปทั่วทั้งจีน เมื่อเวลานั้นมาถึงคาดว่าทางเราอาจจะผลิตของไม่ทันจนขาดตลาด
หลังจากพูดจบซางจิ่วตี้ก็เดินหาวออกไปเตรียมตัวจะเข้านอน
ทว่า…
ฉันขอสิบ!
มันมีเสียงตะโกนดังมาจากข้างหลังตัวแทนคนหนึ่งตัดสินใจได้แล้ว
สำหรับคนที่ต้องการซื้อสารล่อซอมบี้กรุณาติดต่อกับผมครับ หนึ่งในคนจากแผนกโลจิสติกส์ส่งเสียงขึ้นเพื่อแสดงตัว ในมือถือเขากระดาษและปากกาเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม
ตัวแทนทั้งหลายเข้าไปรุมเจ้าหน้าที่คนนั้นทันทีหลูชูซเวและมู๋หรงยู๋เฉิงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น โชคดีที่ทั้งคู่ได้แสดงจุดยืนของตัวเองออกไปชัดเจนตั้งแต่แรก ไม่อย่างพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตกหลุมกับดักแบบไหน
หลูชูซเวเริ่มเชื่อในคำพูดของตวนเจียงเหว่ยโชคยังดีที่ท่านพลเอกตวนเจียงเหว่ยไหวตัวทันเพราะเขี้ยวหมาป่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ดังนั้นภายใต้แผนการครั้งใหญ่ที่ขุดหลุมวางเอาไว้ในเวลาเพียงแค่สองวันสารล่อซอมบี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดในช่วงตลอดช่วงเวลาสองปีของโลกาวินาศ ตอนที่ผู้คนทั้งหลายทราบว่าชูฮันได้ประดิษฐ์สิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา ประกอบกับข่าวเรื่องการเปลี่ยนของเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดและการก่อตั้งเมืองอันโรขึ้นใหม่ มันยิ่งผลักดันให้ประเด็นนี้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดเข้าไปอีก
ผู้รอดชีวิตเกือบทุกคนมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตตัวเองต่างกำลังพูดถึงหัวข้อเดียวกัน…
การได้รู้ว่ามันมีเมืองที่ปลอดจากซอมบี้อยู่จริง…เมืองอันโรเมืองที่ปลอดภัยและยังมีร่องรอยความเจริญของยุคศิวิไลซ์อยู่!
ขณะเดียวกันเขี้ยวหมาป่าเองก็เลือกใช้แรงผลักดันที่เกิดขึ้นทำเงินจำนวนมหาศาลโดยใช้สารล่อซอมบี้เป็นข้อต่อรอง ทำให้ผลกำไรที่ได้นั้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุกๆวัน
นอกจากนี้เมืองอันโรยังเปิดรับผู้รอดชีวิตจำนวนมากเข้ามาอย่างต่อเนื่องมันเป็นโครงการขนาดใหญ่ยักษ์ ด้วยเป้าหมายแห่งความเป็นเลิศที่ซางจิ่วตี้ตั้งเป้าเอาไว้ที่ต้องการทำให้เมืองอันโรกลายเป็นที่ยอมรับในทุกรอบด้าน
คนส่วนใหญ่ที่เข้ามานั้นไม่มีความสามารถในการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยในเมืองอันโรเนื่องจากมันต้องมีใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ด้วยเหตุนี้ซางจิ่วตี้จึงชี้ทางให้ทุกคนได้เห็นว่าเมืองอันโรยังต้องการสิ่งก่อสร้างอีกมากมายในอนาคต และโครงการการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยทั้งหลายในยุคศิวิไลซ์ก็เป็นเรื่องใหญ่เกินความสามารถของเขี้ยวหมาป่าเพียงลำพังและต้องการแรงจากทุกคนช่วยกันทำ
ดังนั้นผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่คนเริ่มลงทำงานกันด้วยใจแรงกล้าใส่ความมุ่งมั่นและความหวังลงไปในการก่อสร้างทั้งหลายของเมือง…เพราะมันจะมีอะไรขับเคลื่อนผู้คนได้มากกว่าการสร้างบ้านให้ตัวเองให้อนาคตละ?
ผลกระทบที่ได้จากเพิ่มขึ้นของประชากรในเมืองอันโรอีกอย่างหนึ่งก็คือการมีผู้เข้าร่วมเป็นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แต่ละทีมมีการขยายความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์และความสามารถได้รับการเลื่อนขั้นและมีการคัดเลือกคนใหม่ๆเข้ามาฝึกฝนเพิ่มเติม
เขี้ยวหมาป่าได้เข้าสู่จุดสูงสุดของธุรกิจอีกครั้งหลังจากที่เมืองโรแมนติกมีเสาหินพิเศษระยะสองไว้ในครอบครอง
ยิ่งมีคนมากขึ้นแผนการที่ชูฮันวางไว้ก็ยิ่งเดินหน้าไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง!
ทุกอย่างถูกผลักดันเพราะสารล่อซอมบี้และเขี้ยวหมาป่าถูกแรงผลักดันที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กระแสอำนาจที่ไต่ขึ้นสูงเรื่อยๆ ความนิยมชมชอบของผู้คนทั่วทั้งจีนที่มีต่อชูฮันและเขี้ยวหมาป่ามันยิ่งแรงกล้าขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าส่งผลให้ค่ายขนาดใหญ่ทั้งหลายเริ่มเกิดความเกรงกลัวต่อเขี้ยวหมาป่า
เมื่อพัฒนาเทคโนโลยีได้สำเร็จการพัฒนาสำหรับตัวค่ายนั้นก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้อีกแล้ว
——————— ขณะที่เขี้ยวหมาป่าเดินไปตามเป้าหมายที่วางไว้ชูฮันและซูเฟิงก็กำลังเดินทางไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากเมืองอันโร การเดินทางผ่านเส้นทางที่ขรุขระและแสนยากลำบาก อันมีสาเหตุมาจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่ง พื้นถนนทางเดินแตกขาด มีสิ่งกีดขวางเต็มทางไปหมด แสนจะยากลำบากต่อการเดินทาง
และขณะนี้ชูฮันก็ยังไม่รู้ว่าซางจิ่วตี้ได้ทำการตัดสินใจจัดการเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉางกวนยวีซินและเขาไปเองแล้วเรียบร้อยก่อนจะจากมาเขาเพียงแค่ทิ้งแผนล่อซอมบี้เอาไว้ให้ซางจิ่วตี้เท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นทั้งหมดล้วนเป็นความคิดของซางจิ่วตี้เอง
ถ้าชูฮันรู้ว่าเขาจะต้องเข้าพิธีแต่งงานครั้งใหญ่อีกครึ่งปีหลังจากนี้คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าชูฮันจะแสดงท่าทีอย่างไรออกมา
เราจำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้ด้วยเหรอ? ซูเฟิงทุบเถาวัลย์ยักษ์ตรงหน้าทว่ามันกลับไม่มีผลอะไร
ฉันแค่คิดว่าเดินทางตัดเป็นเส้นตรงมันจะย่นเวลาได้เร็วกว่า ชูฮันที่อยู่ด้านหลังพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
เร็วกว่า?นายเห็นมั้ยล่ะว่ามันเร็วกว่าตรงไหน?! ซูเฟิงหันมาตะโกนใส่ชูฮันอย่างหงุดหงิด แล้วจะให้ฉันตัดต้นไม้ทั้งหมดนี่เองคนเดียว? ตอนนี้เราอยู่กันแค่ลำพัง จะมาแบ่งยศสูงยศต่ำไม่ได้หรอกนะ
ใครใช้ให้นายยศต่ำกว่าฉันเองละ ชูฮันกระแทกคำพูดกลับไปจนซูเฟิงตะลึงค้าง
แม่งเอ๊ย! ซูเฟิงหมดคำพูด ได้แต่จัดการต้นไม้ข้างหน้าต่อไปอย่างทำอะไรไม่ได้
ทั้งสองเดินฝ่าดงป่ารกร้างต่อไปเรื่อยๆชูฮันเดินมองสำรวจไปรอบๆไม่หยุด ราวกับว่าเขากำลังมองหาบางอย่างอยู่
ในที่สุดเมื่อเวลาค่ำมาเยือนชูฮันเริ่มรู้สึกเหนื่อยจนเริ่มหายใจหอบ เฮ้! นายทำงานหนักมาก พักกันหน่อย เดี๋ยวจะมีคนมาทำต่อจากนาย
ในที่สุดนายก็ยอมทำงานแล้ว? ซูเฟิงที่เหงื่อตกมานานหลายชั่วโมง แม้ว่าการตัดต้นไม้ที่ขวางทางพร้อมเดินไปด้วยจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับวิวัฒนาการระยะ 7 อย่างเขา แต่ถ้าให้ทำแบบนี้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน!
มันต่างหากไม่ใช่ฉัน ชูฮันยิ้มอย่างชั่วร้าย ฉันอยู่ที่นี้เพื่อช่วยนายควบคุมพลัง นายควรจะขอบคุณฉันนะ
ไม่ใช่นาย? ซูเฟิงงุนงง โดยเมินเฉยต่อประโยคที่สองของชูฮันไปอย่างสิ้นเชิง เขาแสดงท่าทีประหลาดใจออกมา จะมีใครตามมางั้นเหรอ? ใครกัน?
ฉัน… มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความมืด ซูเฟิงเห็นร่างของคนคนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็วผ่านกองเถาวัลย์ยักษ์มหาศาล ใครมันสร้างไอ้สิ่งนี้ขึ้นมากัน? ตลอดทางมีแต่เถาวัลย์ที่โดนตัดกระจายขวางทางเดินเต็มไปหมด ช่วยโยนข้างไว้ข้างทางดีๆหน่อยได้มั้ย รู้มั้ยว่าเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องคอยหลบหลีกมาตลอดทาง ไหนมันมืดจนมองแทบไม่เห็นอีก หงุดหงิดชะมัด!
ทันใดนั้นซูเฟิงก็หันไปมองข้างหลังก่อนจะพูดตอบ หัวหน้าต้องการจะเดินตัดทางตรง ถ้าไม่ให้โยนพวกเถาวัลย์ที่ตัดไปแล้วไว้ข้างๆเพื่อเปิดทางเดิน จะให้โยนใส่หน้านายมั้ย?
หึจะบอกว่าที่ตัวเองทำคือถูกต้องแล้ว? ก็ดี แสดงความคิดออกมาชัดเจน! คนมาใหม่ยังคงพูดอย่างไม่สนใจ
ทั้งสองเถียงกันไปมาโดยที่ยืนกันคนละฝั่งความมืดทำให้ทั้งคู่ต่างมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ดังนั้นต่างคนจึงต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร
ชูฮันมองทั้งสองคนที่เถียงกันไปมาขณะที่ทั้งคู่ก็เริ่มเขยิบเข้ามาใกล้กันขึ้นเรื่อยภาพตรงหน้าสร้างความสนุกสนานให้ชูฮันไม่น้อยเลย
พ่ออยากจะเห็นหนังหน้ามึงนักปากดีจริงๆ! ซูเฟิงพุ่งตัวเข้าไปเผชิญหน้าอีกฝั่งด้วยอารมณ์เดือด
และในตอนนั้นเองชูฮันก็ส่องไฟฉายไปที่ทั้งสองเพื่อให้ทั้งคู่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน
ซูเฟิง?!
ราชานักล่า?!
ทั้งสองต่างตะลึงค้างด้วยความตกใจหลังจากได้สติทั้งคู่ก็หันหน้าไปยังชูฮันด้วยสายตาที่แสดงออกชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ย…
ทำไมหมอนี่ถึงมาอยู่ที่นี้ได้?!