กระวนกระวายอยากจะกลับบ้าน? ชูฮันหรี่ตาด้วยความสงสัย จากนั้นก็ยิ้มแปลกๆออกมา นี้มันโลกาวินาศ? ที่ที่พวกคุณเรียกว่าบ้านมันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
สำหรับกลุ่มคนป่าพวกนี้ชูฮันไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความสามารถในการสร้างบ้านขึ้นใหม่เองได้ เนื่องจากคนพวกนี้ถูกความโหดร้ายบีบบังคับให้ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าลึก แล้วบ้านอะไรที่คนพวกนี้อยากจะกลับไป?
ที่อยู่อาศัยของผู้คนในยุคศิวิไลซ์ได้กลายเป็นที่อยู่ของซอมบี้ไปหมดแล้วยกเว้นแต่เมืองอันโรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่
ท่านผู้แข็งแกร่งอาจจะไม่ทราบพวกเราอาศัยอยู่ที่ชายฝั่งทะเลมาหลายชั่วอายุโดยทำการประมงจากรุ่นสู่รุ่น ชายชราเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
แต่จู่ๆทุกอย่างก็เปลี่ยนไปคลื่นยักษ์ถล่มหมู่บ้านของเราจนไม่เหลือซาก ระดับน้ำชายฝั่งที่สูงขึ้นบีบให้เราต้องย้ายขึ้นที่สูง เดิมทีเราอยากจะหาสถานที่ที่พักชั่วคราวเพื่อที่เราจะสามารถกลับอยู่ทะเลได้ภายหลังแต่ไม่คาดคิดว่าเลยผู้คนจะพากันกลายเป็นซอมบี้และไล่ล่าพวกเราไม่หยุดหย่อน จนพวกเราไม่มีทางหนีรอด สุดท้ายเลยต้องมาซ่อนตัวอยู่บนภูเขานี้
แต่พวกเราทำอะไรไม่เป็นนอกจากประมงเราไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้กับซอมบี้ยังไง ในยุคโลกาวินาศชาวบ้านหลายร้อยคนต้องตายจากโรคภัยไข้เจ็บและความหิวโหย จนสุดท้ายก็เหลือเพียงพวกเราแค่กว่าร้อยคนที่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด
อนิจจา!เราไม่มีทางกลับไปยังที่ของเราได้เลย เราจึงได้แต่รออยู่ที่นี้จนถนนทางเดินถูกต้นไม้ปกคลุมเต็มไปหมดจนไม่เหลือเส้นทางอีกต่อไปและมันก็เป็นเช่นนี้มานานเป็นปีกว่าแล้ว
เมื่อได้ยินเรื่องเล่าจากชายชราฟานเจี้ยนก็อดไม่ได้ที่จะเกิดข้อสงสัย เพราะงั้น พอพวกคุณเห็นเราเปิดเส้นทางถนน ก็เลยเลือกที่จะติดตามเพื่อจะออกไป?
ใช่แล้วครับนายท่าน!ใช่แล้ว! ชายชราตาโตเป็นประกาย ท่าทางตื่นเต้นอย่างมาก เราเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายเดียวกับเราหรือไม่ แต่นี้มันก็มาได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าไปต่อ สุดถนนสายนี้จะต้องเป็นบ้านเกิดของพวกเราแน่! ด้วยความสามารถอันไร้เทียมทานของพวกท่าน พวกเราหวังว่าพวกท่านจะช่วยพวกเราได้ครับ!
ซูเฟิงและฟานเจี้ยนต่างมองไปที่ชายชรา ในเมื่อมันก็เป็นเส้นทางเดียวกันแล้วพวกคุณก็ไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย วันนี้แค่สายไปนิดหน่อย พวกคุณก็เป็นกังวลกันแล้ว?
ครับท่านใช่ครับ! มันเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับพวกเรา ชายชรามีสีหน้าเอียงอาย สาเหตุหลักก็คือพวกเราคิดถึงบ้านเกิดกันจนร้อนใจไปหมดแล้วครับนายท่าน!
แต่พวกคุณควรจะเตรียมใจเอาไว้ก่อนตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว สภาพบ้านเกิดของทุกคนจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรับประกันได้ ฟานเจี้ยนเอ่ยเตือน
ชายชราเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องกลับไป
งั้นก็ไปบอกคนของคุณว่าไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกังวล ยังไงไม่เร็วหรือช้าพวกเขาก็จะได้ออกเดินทาง ในที่สุดซูเฟิงก็ทำการตัดสินใจ แต่อย่าลืมว่าห้ามมารบกวนพวกเรา หัวหน้าของเราไม่ใช่คนอารมณ์ดี
ครับท่าน!แน่นอนเลยครับ! ขอบคุณครับท่านผู้แข็งแกร่งทั้งสาม! ชายชราดีใจอย่างมาก ร้องขอบคุณไม่หยุด จากนั้นก็รีบเดินกลับไปหาทุกคนเพื่อบอกข่าวดี หลังจากนั้นมันก็เสียงร้องดีใจดังลั่นมาจากทางด้านหลัง
ชูฮันมองไปยังภาพด้านหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำนัยน์ตาล้ำลึกมีประกายที่ไม่มีใครเข้าใจได้
เกิดอะไรขึ้นครับหัวหน้า? ซูเฟิงรับรู้ได้ว่ามันจะต้องมีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบกระซิบถาม หรือว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตาแก่คนนั้น?
ฟานเจี้ยนเองก็เข้าร่วมด้วย หรือเราไม่ต้องสนใจและสลัดคนพวกนี้ทิ้งไปเลยดี?
ชูฮันส่ายหัวสายตาเป็นประกาย ไม่ได้ยินที่ตาแก่นั่นบอกว่าคนในหมู่บ้านหลายร้อยคนตายเพราะความเจ็บป่วยและหิวโหยหลังจากที่โดนคลื่นยักษ์โจมตีจนต้องหนีขึ้นที่สูงกันเหรอ
ซูเฟิงและฟานเจี้ยนต่างนิ่วหน้าก่อนจะมองชูฮันอย่างไม่เข้าใจ ได้ยิน แต่ว่าปัญหาคืออะไรกัน?
ปัญหาหลักเลย ชูฮันเอ่ยเสียงเรียบ ตอนที่ฟังพวกนายไม่รู้สึกสะกิดใจบางเหรอว่ามันแปลก? ตอนนั้น… ซูเฟิงพยายามนึกย้อนความทรงจำของตัวเอง เรื่องเล่าของตาแก่นั่น โลกาวินาศปะทุจากนั้นก็เกิดคลื่นยักษ์ พวกเขาย้ายถิ่นฐาน ได้เจอซอมบี้ มาซ่อนตัวอยู่ที่นี้ ในที่สุดคนในหมู่บ้านจำนวนมากก็ตาย ตอนนี้ต้องการออกไปจากที่นี้ด้วยจำนวนที่เหลือกว่าร้อยคน
ฟานเจี้ยนพยักหน้า ใช่ ครบทุกอย่าง
แล้ว… ซูเฟิงยังคงไม่เข้าใจ ปัญหาคืออะไร?
ชูฮันส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจเขาแทบจะตะคอกใส่ทั้งคู่ด้วยความรำคาญ คนพวกนี้ตายจากความเจ็บป่วยไม่ก็ความหิวโหย การตายของคนในหมู่บ้านหลายคนในตอนท้ายของเรื่อง มันไม่น่าแปลกใจหรือไง? หลังจากการปะทุของโลกาวินาศ ปัญหาแรกที่คนในหมู่บ้านพบเจอคือคลื่นยักษ์ แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติที่คนทั่วโลกเผชิญคือปัญหาที่ผู้คนกลายร่างเป็นซอมบี้กันไม่ใช่เหรอ?
หลังจากชูฮันพูดจบทั้งซูเฟิงและฟานเจี้ยนก็นิ่งค้างและพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
ใช่แล้วตอนที่เกิดการปะทุ สิ่งที่คนส่วนใหญ่พบเจอก็คือความจริงที่ครอบครัว เพื่อนพ้อง คนใกล้ตัวได้กลายเป็นซอมบี้ และในค่ำคืนมืดมิดแรกของมนุษยชาติ จำนวนประชากรที่กลายเป็นซอมบี้ก็สูงมากถึง 80% ดังนั้นมันจึงหมายความว่าไม่มีที่ไหนปราศจากซอมบี้
แต่จากเรื่องเล่าของชายชรา…มันไม่มีประโยคไหนที่เอ่ยถึงจุดนี้เลย
ซูเฟิงและฟานเจี้ยนที่คิดตามการวิเคราะห์ของชูฮันก็ต้องตกใจอย่างมากเรื่องสถานะของซอมบี้มันกลายเป็นเรื่องทั่วไปที่ใครๆต้องเจอทั้งนั้น แต่ชายชรานั้นกลับแสดงท่าทางผิดปกติไป
ชูฮันเหลือบมองไปยังกลุ่มคนด้านหลังด้วยสายตาเย็นยะเยือก ถ้าตาแก่นั่นไม่ได้จงใจโกหก ถ้าอย่างนั้นกลุ่มคนพวกนี้ก็มีบางอย่างผิดปกติจากคนทั่วไปจริงๆ
ซูเฟิงและฟานเจี้ยนเงียบไปสักพักในใจมีความกลัวผุดขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาโชคดีจริงๆที่ความสามารถของชูฮันนั้นเหนือฟ้า ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีทางสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้เลย
ตอนนี้ในเมื่อพวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้วทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้นมาก ถ้างั้นก็มาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้!
ถัดมาอีกสามวันซูเฟิงและฟานเจี้ยนยังคงทำการเปิดเส้นทางต่อไปเงียบๆโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากวันที่พวกเขาค้นพบความผิดปกติของกลุ่มคนป่าพวกนี้เลย
เป็นเพราะติดตามชูฮันมานานพวกเขาจึงได้ฝึกฝนความสามารถในการทำตัวนิ่งๆและแสดงละครมาได้มากพอสมควร
ส่วนชูฮันนั้นก็ทำตัวเหมือนปกติที่ผ่านมาเดินตามหลังซูเฟิงและฟานเจี้ยนโดยไม่ทำอะไรนอกจากกิน นอนเหมือนเดิม
เพราะตราบใดที่กลุ่มคนข้างหลังยังไม่เคลื่อนไหวผิดพลาดทั้งสามคนก็จะทำตัวเหมือนเดิมต่อไป! ในที่สุดวันที่ห้าของการเดินทางที่เงียบสงบ ตอนนี้เส้นทางถนนข้างหน้าเริ่มเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มคนข้างหลังก็เริ่มระเบิดความวุ่นวายในมื้อค่ำของวันนี้ออกมา มันเริ่มมีการโต้เถียงกันไปมา มีบางคนที่ใจกล้าอยากจะเข้ามาพูดคุยกับชูฮันแต่แล้วก็ถูกชายชราที่เคยสัมผัสความน่ากลัวของชูฮันมาก่อนขวางเอาไว้
สถานการณ์ดูตึงเครียดเหมือนจะมีการโต้เถียงกันรุนแรงไม่น้อยราวกับกำลังทะเลาะกันอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระยะที่ห่างไกลกันพอสมควรแต่ด้วยความสามารถชั้นสูงด้านการรับรู้ของทั้งสามคนที่เป็นวิวัฒนาการระยะสูง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถได้ยินคำหลักๆจางๆไม่กี่คำ ซึ่งมันก็ไปยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขามากขึ้นไปอีก