ยู่ยงหนานที่ถูกเหวี่ยงจนหน้าทิ่มโคลนดินอีกครั้งครั้งนี้มันแย่ยิ่งกว่าคราวก่อนซะอีก ชูฮันไม่มีความเมตตาใดๆให้ ชูฮันใช้มือข้างเดียวจัดการยู่ยงหนานผู้กล้าจนอับอายขายหน้าทุกคนไปหมด
แต่ยู่ยงหนานกลับดูเหมือนคนไม่รู้จักจำทั้งๆที่พึ่งถูกเหวี่ยงกระแทกลงพื้นไปจนต้องน่าจะสลบคาที่แต่เขากลับฝืนความเจ็บปวดแถมยังแหกปากต่อว่าชูฮันได้ต่อ
แน่นอนว่าหลังจากนั้น…
พ้ะ!
เฮ้ย!*&^%[email protected]#$%^&*[email protected]!!
กลุ่มคนด้านหลังตะลึงค้างที่ต้องเห็นภาพยู่ยงหนานผู้กล้าหาญถูกอัดครั้งแล้วครั้งเล่าถูกชูฮันจับเหวี่ยงไปมาโดยไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย ยู่ยงหนานแม้จะเนื้อตัวหน้าตาบวมช้ำเพราะถูกอัดเหวี่ยงไปมา และในตอนนั้นที่ชูฮันเหวี่ยงยู่ยงหนานออกไปอีกครั้งทันใดนั้นซูเฟิงที่เดินนำหน้าอยู่ก็เดินกลับหลังเข้ามาหาชูฮันพร้อมกับหอกด้ามยาวสีทอง
หัวหน้ามีบางอย่างด้านหน้าครับ ซูเฟิงที่เห็นภาพยู่ยงหนานถูกซ้อมจนน่วม ทว่าเขากลับไม่แม้แต่จะแยแส เพราะนี้เป็นเรื่องที่มักจะได้เห็นเป็นปกติจากชูฮัน
ชูฮันพลันเพ่งสายตามองไปยังด้านหน้าและก็ได้เห็นว่าพวกเขาเดินทางมาจนถึงทางเข้าของหมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วมันเป็นหมู่บ้านที่ชายชราบอกว่ามีแต่ซอมบี้อยู่เต็มไปหมด
ในตอนนั้นเองชูฮันยืนอยู่บนเส้นทางที่มุ่งสู่หมู่บ้านนอกจากกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงจนแสบจมูก เงียบสนิทเหมือนหมู่บ้านร้าง เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้นี้ มันเงียบขนาดที่ชูฮันสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
น่าประหลาด? ชูฮันค้นพบได้ทันทีว่าเขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่เกิดการปะทุของโลกาวินาศ หลังจากนั้นซูเฟิงก็รีบตามหลังชูฮันเข้าไป
ขณะเดียวกันยูย่งหนานยังคงนอนอยู่บนพื้นถนน ในสภาพคลุกฝุ่น และกว่าเขาจะตะกายตัวลุกขึ้นยืนได้กลุ่มคนของเขาด้านหลังก็ไล่ตามมาถึงตัวยู่ยงหนานได้พอดี ทุกคนต่างเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของชายหนุ่มคนนี้อย่างมาก
หลังจากนั้นทุกคนก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเวลาได้ทันเตรียมใจกันก่อนด้วยซ้ำจนกระทั่งพวกเขาเดินเข้ามาถึงใจกลางของหมู่บ้านแล้ว มันก็ยังคงไม่มีร่องรอยของซอมบี้หรือสิ่งมีชีวิตใดๆให้เห็น
ตลอดทางพวกเขาไม่เจอซอมบี้เลยทุกอย่างเงียบสนิท ถนนทางเดินที่ว่างเปล่ามีแต่ซากปรักหักพังเต็มไปหมด
ชูฮันยิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติและตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
หัวหน้า ฟานเจี้ยนเรียกชูฮันทันที ผมได้ตรวจสอบดูหมดแล้ว มันไม่มีซอมบี้เลยแม้แต่ตัวเดียวในหมู่บ้านนี้!
เสียงของฟานเจี้ยนไม่ได้เบาเลยไม่ใช่แค่ชูฮันและซูเฟิงเท่านั้นที่ได้ยินแต่ยู่ยงหนานและคนอื่นๆด้านหลังก็ได้ยินเหมือนกัน
มันจะเป็นไปได้ยังไง? ชายชราเอ่ยขึ้นมาคนแรกด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ตอนที่เราไปจากที่นี้ หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
พวกเราไปจากที่นี้ตั้งนานมากแล้วไม่ใช่รึไง?มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่จะมีการเปลี่ยนแปลง? แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะดูน่าตกใจก็เถอะ ยู่ยงหนานไม่เห็นด้วย
ไม่นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ ชูฮันค้านขึ้นมาทันที ชี้นิ้วไปตรงพื้นดิน มันยังมีร่องรอยสดใหม่อยู่ตรงนี้อยู่ เห็นได้ชัดว่าซอมบี้พึ่งจะเดินทางผ่านจุดนี้ไปได้ไม่นาน แถมกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศก็ยังไม่ทันสลายไปเลย บ่งบอกว่าจู่ๆพวกซอมบี้ในหมู่บ้านก็หายตัวไปกระทันหัน
พอได้ยินการวิเคราะห์จากชูฮันทั้งบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท โดยเฉพาะยู่ยงหนานที่ไม่เคยเห็นการวิเคราะห์ของชูฮันมาก่อน เขามองมาที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจสุดๆจนตาไม่กระพริบ
มันฟังดูสมเหตุสมผลมาก!
ซูเฟิงและฟานเจี้ยนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพวกเขาเชื่อในคำพูดของชูฮัน
ทุกคนเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจเต็มไปหมดหากก็ไม่สามารถหาคำตอบได้หลังจากทำการสำรวจหมู่บ้านอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของชูฮัน
และเพื่อจะเดินทางไปยังหมู่บ้านประมงของพวกเขามันเหลืออีกหมู่บ้านเดียวที่พวกเขาต้องผ่าน ซึ่งมันไม่ได้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านประหลาดนี่เท่าไหร่ ทุกคนรีบเดินทางกันอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เจอกับอันตรายใดๆระหว่างทางเลย แต่เนื่องจากนี่คือยุคโลกาวินาศที่โลกเต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์ประหลาดบ้าคลั่ง ดังนั้นมันจึงผิดปกติที่ไม่มีอันตรายใดๆเลยโผล่ออกมา
ยู่ยงหนานพักความสงสัยเกี่ยวกับชูฮันเอาไว้ก่อนเขาเดินข้างชูฮันไม่ยอมห่าง เช่นเดียวกับคนด้านหลังที่ไม่ได้รักษาระยะห่างเอาไว้เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป กลุ่มคนเดินเบียดอัดกันแน่นตามติดหลังชูฮันไม่ห่างเพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบที่แสนจะอึดอัดในที่สุดขบวนเดินทางก็เดินมาถึงทางเข้าของหมู่บ้านที่สอง ครั้งนี้ทุกคนยิ่งระวังตัวและมีความกลัวเพิ่มมากขึ้นในใจ เช่นเดียวกับชูฮันที่ระแวงตัวมากขึ้นกว่าเดิม
แปลกเกินไป!
มันก็ยังไม่มีซอมบี้ในหมู่บ้านที่สองอยู่ดี!
ความเงียบสงัดภายในหมู่บ้านทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าขนลุกเข้าไปอีกเศษซากชิ้นส่วนซอมบี้และของเหลวเหนียวเหนอะกระจายตามพื้น รวมุถึงกลิ่นเหม็นเน่าจนฉุนจมูก ทว่ามันกลับไม่มีร่างศพของซอมบี้ให้เห็น หลังจากสำรวจทั้งหมู่บ้านอย่างละเอียดทุกคนก็พลันหน้าซีดเผือดเมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันผิดปกติอย่างมาก…ทั้งสองหมู่บ้านมีสถานการณ์เหมือนกันแบบนี้ มันต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องแน่ๆ
ซอมบี้ทั้งหมดหายไปไหน?
ตายงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้…ถ้าตายจริงๆแล้วทำไมถึงไม่มีศพให้เห็น?
ความตื่นตระหนกเริ่มค่อยๆแพร่กระจายไปในฝูงชนทุกคนต่างยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออกเพราะความกลัวที่เอ่อล้น แม้แต่ฟานเจี้ยนและซูเฟิงก็ไม่ทะเลาะกันอีก สถานการณ์มันตึงเครียดอย่างมากจนทุกคนสัมผัสกันได้หมด
ชูฮันถอนหายใจเบนสายตามองออกไปทางที่หมู่บ้านสุดท้ายของชาวประมงเหล่านี้ตั้งอยู่ห่างออกไป
หากมันอยู่ไกลขนาดที่ตาไม่สามารถมองเห็นได้มีเพียงแค่แสงสีแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินสะท้อนกับทะเลจนภาพตรงหน้าทุกอย่างกลายเป็นสีส้มแดงเต็มไปหมด
เราต้องไปให้ถึงก่อนมันจะมืด น้ำเสียงของชูฮันจริงจัง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเข้าสู่ความมืด
ชายชราหันไปสบตากับทุกคนในหมู่บ้านทุกคนต่างมองมาที่ชูฮันซูเฟิงและฟานเจี้ยนด้วยความกลัว เวลานี้พวกเขายึดผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนเป็นที่พึ่งและยินดีทำตามทุกอย่าง
ดังนั้นเป็นอีกครั้งที่ทีมของชูฮันต้องเปิดเส้นทางถนนเพื่อให้ทุกคนเดินทางได้อย่างคล่องตัวแต่ครั้งนี้ชูฮันไม่ได้ทำตัวสบายๆอีกต่อไป เขาชักขวานซิ่วโหลวที่มีผ้าห่ออยู่เหมือนเดิมขึ้นมาฟาดฟันสิ่งกีดขวางทั้งหลายเพื่อเปิดทางให้เร็วที่สุดโดยไม่เอาผ้าที่คลุมขวานซิ่วโหลวไว้ออก
ความผิดปกติของทั้งสองหมู่บ้านทำให้เขาคาดว่ามันต้องมีความเชื่อมโยงกับหมู่บ้านสุดท้ายแน่และมันอาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด ซุปเปอร์ซอมบี้หรือ ลูกผสม?
นอกเหนือจากสองประเด็นนี้แล้วชูฮันก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก…
กลุ่มคนเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆไม่มีใครปริปากบ่นว่าตามความเร็วไม่ทัน เพราะถ้าพวกเขาไปไม่ถึงก่อนฟ้ามืด ก็ไม่อยากจะนึกเลยว่าชีวิตตัวเองจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด
ในที่สุดหลังจากการเดินทางอย่างรวดเร็วภายในเวลาครึ่งชั่วโมงทุกคนก็เดินทางมาถึงทางเข้าของหมู่บ้านประมงของตัวเอง ตรงถนนด้านหน้ามีหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่และมีตัวอักษรสลักคำว่าหมู่บ้านประมงเอาไว้ ลายเขียนสลักที่ปรากฏทำให้ชูฮันค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย
เพราะสิ่งที่ใช้สลักมันจะต้องคมกริบและแข็งแกร่งทนทานอย่างมาก…ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแกะสลักมัน