แววตาของชูฮันเริ่มมีประกายทอแสงสะท้อนตามคำพูดของเจียงหลินเทียนแต่ชูฮันก็รู้เหมือนกันว่าสำหรับตอนนี้ความสามารถของเจียงหลินเทียนยังไม่แข็งแกร่งดีนัก
หลักการของการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ?
ซูเฟิงไม่สามารถทำความเข้าใจข้อมูลสั้นๆที่ได้ยินจากปากเจียงหลินเทียนเขาเพียงแค่เห็นใบหน้าที่คล้ายกับความผิดปกติของเจียงหลินเทียน
ส่วนอู๋กงที่ในมือมีปากกาและกระดาษถัดไปข้างๆนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยเขาเอาแต่มองชูฮันไม่เลิก
จนกระทั่ง…
แล้วนายล่ะ? จู่ๆชูฮันก็มองไปที่อู๋กง ความสามารถนายคืออะไร นายเองก็น่าจะเป็นพรสวรรค์ใช่มั้ย?
แม้ว่าทักษะของเจียงหลินเทียนและอู๋กงจะไม่แย่แต่ในด้านสมรรถภาพทางร่างกายทั้งคู่ยังถือว่าอ่อนแออยู่โดยเฉพาะอู๋กงที่ดูอ่อนปวกเปียกและไม่มีพละกำลังเลย อีกทั้งตั้งแต่แรกชูฮันก็สังเกตได้ถึงท่าทีแปลกๆของอู๋กง
มันชัดเจนเกินไป!
อู๋กงไม่คิดว่าชูฮันจะถามเขาออกมาตรงๆแบบนี้เขาขยี้จมูกไปมาแก้เขินก่อนจะเอ่ยตอบ เฮ้ เฮ้! ความสามารถเล็กน้อยของฉันหรือพลังของเจียงหลินเทียนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ละคนก็มีเอกลักษ์ของตัวเอง ถูกมั้ยท่านพลเอกชูฮัน!
ชูฮันสังเกตได้ว่าบรรยากาศเริ่มผิดปกติลงเล็กน้อยยิ่งเขาพยายามล้วงหาคำตอบมากเท่าไหร่ อารมณ์มันก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นในทุกๆครั้ง ดูเหมือนว่าบางอย่างถูกละเลยไปจนอารมณ์ไม่พอใจเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
และจุดเปลี่ยนนี้ก็ตรงกับจังหวะที่อู๋กงเร่งรีบจะขอลายเซ็นจากชูฮันพอดี!
เจียงหลินเทียนและซูเฟิงไม่ทันสังเกตทว่าชูฮันที่คุ้นเคยกับการควบคุมทุกอย่างนั้นสังเกตเห็นตั้งแต่ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ พื้นที่ตรงนี้ยังคงอยู่ภายในเขตของหมู่บ้าน แม้ว่าซอมบี้จะถูกจัดการจนแทบไม่เหลือแล้วแต่มันก็ยังมีกลิ่นเหม็นเน่าของซอมบี้ปนอยู่ในอากาศ กลิ่นเอกลักษ์ที่กระจายไปทั่วทุกจุดจนไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้
แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่ได้กลิ่นที่ว่านั่นเลย มีเพียงแค่กลิ่นขนมบิสกิตในมืออู๋กงที่ชัดอยู่ในจมูกพวกเขา
เอาละดีมาก น้องสาวของฉันชื่นชมนายมากแบบไม่มีเหตุผล อู๋กงพูดเสียงแผ่วลงและพยายามเอื้อมมือไปหาชูฮัน ฉันขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทาง ฉันชื่ออู๋กงและความสามารถของฉันคือการทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าสับสน
ทันทีที่อู๋กงพูดออกมากลิ่นขนมก็ลอยเข้าจมูกมาจางๆทันที กลิ่นของมันอบอวลไปทั่วฟ้าขนกลายเป็นสีเทา
ซูเฟิงตกใจและพยายามซึมซับการเปลี่ยนแปลงนี้เขาจ้องตาอู๋กงที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว แม้กระทั่งวิวัฒนาการระยะ 7 สูงสุดก็ยังถูกหลอกได้ เห็นได้ชัดว่าความสามารถแปลกๆของพวกพรสวรรค์พวกนี้ไม่ควรจะถูกมองข้าม
แววตาของชูฮันเป็นประกายเขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความประทับใจต่ออู๋กง…เจ้านี้มันใจกล้าและแข็งแกร่งพอ!
ขณะที่ชูฮันเจียงหลินเทียนและอู๋กงมาเจอกันที่ตรงนี้ มันก็มีเหตุจลาจลวุ่นวายครั้งใหญ่ตรงพื้นที่ของฟานเจี้ยน
แท่นหินยักษ์ที่ถูกล้อมด้วยชาวบ้านหมู่บ้านประมงที่ไม่รู้ว่าถูกอะไรไปกระตุ้นเข้าเพราะจู่ๆหินยักษ์ก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆมันเริ่มสั่นไปมาอย่างแรง มีเสียงดังร้องออกมาราวกับกำลังคลั่ง
ตึงตึง ตึง!
เสียงสั่นสะเทือนดังก้องที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆในทุกครั้งทำให้ชูฮันและคนอื่นที่อยู่ห่างไกลยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นโลกภายใต้ฝ่าเท้า เจียงหลินเทียนช็อคและรีบหันไปมองอู๋กงทันที ฝีมือนายงั้นเหรอ?
อู๋กงมีท่าทีวิตกกังวล ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ไม่ใช่ฝีมือฉัน!
เสียงมาจากหมู่บ้านประมง! ชูฮันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากทิศทางของหมู่บ้านประมงทันที เขารีบออกตัววิ่งไปทางนั้นทันทีเมื่อได้สติ
ในตอนแรกฟานเจี้ยนกำลังนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่แต่แล้วแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้เขาตกใจตะลึงค้างไป
เพราะตอนนี้ตรงหน้าเขามันมีหินก้อนยักษ์ใหญ่หน้าตาประหลาดโผล่ขึ้นมาก้อนหินยักษ์สั่นไปมาอย่างแรงและค่อยๆลอยตัวไต่ระดับขึ้นจากพื้น
สิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับฟานเจี้ยนที่สุดคือพื้นที่ตรงนั้นที่เคยมีชาวบ้านกว่าร้อยคนรวมตัวกันรอยู่ จู่ๆทุกคนก็หายไป!
เกิดอะไรขึ้น!? ทันทีที่มาถึงชูฮันก็เอ่ยถาม และเมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงอาการตกใจออกมา แล้วชาวบ้านล่ะ?
ไม่ไม่เห็นเลย! ฟานเจี้ยนเริ่มพูดติดอ่าง ฉันตะลึงค้างไปพักหนึ่ง จู่ๆมันก็เหมือนว่ามันมีแผ่นดินไหวแล้วก็หินก้อนยักษ์ประหลาดนั้นโผล่ขึ้มา! จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดก็หายตัวไปภายในพริบตา!
ทั้งสามคนที่ตามหลังชูฮันมาติดๆซูเฟิง เจียงหลินเทียนและอู๋กงมีท่าทีหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอะไรแบบนี้ นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าความรู้สึกตอนที่เกิดการปะทุของโลกาวินาศซะอีก
เป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆคนมากขนาดนั้นจะหายไปโดยไม่มีสาเหตุ! ชูฮันเริ่มทำการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โชคร้ายที่ขณะนี้แรงสะเทือนของเจ้าหินยักษ์มันเริ่มรุนแรงขึ้นพื้นมีรอยแตกเป็นทางยาวไล่มาจนถึงใต้เท้าชูฮันและคนอื่นๆ แรงสะเทือนมันรุนแรงหนักหน่วงมากขนาดที่พรสวรรค์สองคนไม่สามารถยืนทรงตัวอยู่ได้
ก่อนอื่นเราต้องถอยออกไปจากบริเวณนี้! ชูฮันรีบสั่งการโดยไม่คิดจะเข้าไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตรงหน้าเพราะมันมีปัจจัยเสี่ยงสูงเกินไป
ทุกคนรีบถอยหนีออกห่างทันทีและเนื่องจากเจียงหลินเทียนและอู๋กงเป็นพรสวรรค์อีกทั้งระยะของทั้งคู่ก็ยังไม่สูง ดังนั้นซูเฟิงและฟานเจี้ยนจึงต้องพาทั้งสองหนี
ชูฮันนำอยู่หน้าสุดคอยทำหน้าที่นำทางเรื่องนี้มันน่าตกใจมากแถมรอยแตกยังขยายออกไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันดำเนินต่อไปเป็นเวลานานพอสมควรจนกระทั่งตอนนี้ทั้งหมู่บ้านประมงอยู่ในเขตพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนพื้นทางแตกแยกออกจากกันจนไม่มีทางเดินแล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นกระทันหันมากส่วนเรื่องที่ชาวบ้านร้อยกว่าคนที่หายตัวไป ชูฮันจำเป็นต้องพักเรื่องนั้นไว้ก่อน
ตอนนี้เขาต้องหนีให้ได้ก่อน! ตึงตึง ตึง!
ทางถนนเดินข้างหน้าเข้าขั้นวิกฤตทั้งสี่คนวิ่งหนีตามกันมาอย่างสุดฝีเท้าเพื่อไปให้ห่างจากหมู่บ้านประมงให้มากที่สุด เหลือเพียงแค่สัมผัสของแรงสั่นสะเทือนจากทางด้านหลังบ้าง
แต่แล้วทันทีที่พวกเขาหันกลับไปดูก็ต้องพบว่าหมู่บ้านประมงของพวกเขาได้กลายเป็นสถานที่แปลกๆที่มีแต่รอยแตกเต็มกระตายไปหมดทุกที่?
และเพราะแรงสะเทือนอันรุนแรงมันจึงทำให้ฝุ่นจำนวนมากตีขึ้นในอากาศจนบดบังวิสัยทัศน์คนที่อยู่จากที่ไกลสามารถมองเห็นได้แค่ก้อนหินยักษ์ลางๆและเสียงดังบางอย่างเหมือนกับระเบิด
นี่มันไม่ใช่แผ่นดินไหวระหว่างวันนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?! ฟานเจี้ยนมองไปยังที่ห่างออกไป เขาไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
และในตอนนั้นมันก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากทางด้านหลัง——
ฮัน?ชูฮัน?