คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1929 กักศัตรู

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันสัมผัสได้รางๆ ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จิตสัมผัสเคลื่อนไหว แมลงกลืนทองลายสีม่วงสิบสามตัวที่เดิมหมุนวนโคจรอยู่เหนือศีรษะพลันส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา กลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งออกไป

ส่วนวานรยักษ์ขนสีทองพลันย่ำเท้าข้างหนึ่งไปกลางอากาศ แล้วกลายเป็นพายุหมุนกระโจนออกมา แขนโบกสะบัด กำปั้นเงาสีทองทะลักออกมาเต็มไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นแมลงเกราะสีม่วงหรือว่ากำปั้นเงา เมื่อสัมผัสกับรัศมีลำแสงเจ็ดสี ก็ส่งเสียงอึกทึกออกมา จากนั้นก็ทยอยกันดีดตัวออกมา

คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่อาจเข้ามาในรัศมีลำแสงเจ็ดสีได้เลยสักนิด!

ยามนี้พลังกฎเกณฑ์กลางอากาศยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ หมอกลำแสงสีสันงดงามที่แผ่ออกมาจากรัศมีเจ็ดสี ราวกับอาบย้อมไปทั่วทั้งท้องฟ้า ให้ความรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

วานรยักษ์เห็นกำปั้นเงาไม่ประสบความสำเร็จ ดวงตาทั้งสองพลันเปล่งประกายเย็นเยียบ แต่ร่างที่กระโจนออกมากลับไม่หยุดเลยสักนิด กลับร้องคำรามออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

พริบตานั้นวานรยักษ์พลันมีส่วนสูงสี่ถึงห้าร้อยจั้ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้า หน้าอกนูนขึ้น แล้วอ้าปากออก

ชั่วขณะนั้นพลันพ่นระลอกคลื่นสีขาวออกมา ยามแรกพลันเงียบสนิท แต่หลังจากที่ออกห่างไปสิบจั้ง กลับระเบิดเสียงร้องด้วยความตกตะลึงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนดินออกมา

พริบตาที่ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำและร่างแยกอีกร่างได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกอื้ออึง คาดไม่ถึงว่าจะถูกสั่นสะเทือนจนหูอื้อ ร่างกายสั่นเทาจนเกือบจะไม่อาจยืนให้มั่นคงได้

ทุกแห่งที่ระลอกคลื่นสีขาวกวาดผ่านไป บรรยากาศจะรางเลือน บางจุดบิดเบี้ยว ราวกับว่าอากาศจะพลังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่พลังยุทธ์ของหานลี่พัฒนาจนมาถึงระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง วานรยักษ์ภูเขากลายพันธุ์ก็เรียนรู้อิทธิฤทธิ์การคำราม ‘วัชระคำราม’ ได้

อิทธิฤทธิ์นี้ไม่เหมือนกับอิทธิฤทธิ์อื่น เป็นเคล็ดวิชาคลื่นเสียงเต็มเปี่ยม อานุภาพเหนือกว่าที่จินตนาการไว้ เมื่อสำแดงเต็มกำลังแม้กระทั่งอาจจะแหวกอากาศได้สองสามส่วน

นี่คือวิธีการที่หานลี่เตรียมใช้ต่อกรกับหอคอยหลากสีสันอีกวิธีการหนึ่ง ดังนั้นยามนี้เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ก็ใช้อิทธิฤทธิ์นี้อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

คลื่นเสียงสีขาวและรัศมีลำแสงเจ็ดสีพลันปะทะเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะจมเข้ามาในรัศมีลำแสงอย่างเงียบเชียบ

จากนั้นรัศมีลำแสงเจ็ดสีพลันส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ด้านในมีอักขระยันต์สีทองปรากฏขึ้น ฉับพลันนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันสลายหายไป รัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด ราวกับว่าอาจจะปริแตกได้ทุกเวลา

ร่างแยกลำแสงสีโลหิตที่เพิ่งได้สติจากเสียงร้องของคลื่นเสียง เห็นสถานการณ์นี้ พลันใช้มือหนึ่งร่ายอาคม หมายจะกระตุ้นหอคอยเล็กอีกครั้ง

แต่ในยามนี้วานรยักษ์กลับเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา มือหนึ่งพลันร่ายอาคม

อีกด้าน ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลงมือกับงูเหลือมยักษ์สีเทา ผิวพลันมีอักขระยันต์สีเงินปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน เปล่งแสงสว่างวาบๆ เผยความลึกลับเป็นอย่างมากออกมา

งูเหลือมยักษ์สีเทาอ้าปากออกแล้วกระโจนมาอย่างดุดัน กรทั้งหกของร่างทองโบกสะบัด ร่างกายสลายหายไปราวกับผุยผง

ครานี้ทำให้ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำซึ่งเปลี่ยนร่างไปนั้นตกตะลึงไปเล็กน้อย

เขากำลังเตรียมจะกระโจนเข้ามาทันที ใช้อิทธิฤทธิ์ของงูเหลือมยักษ์คอยช่วยเหลือเพื่อจัดการกับร่างทองก่อน

แต่ในยามนี้มันพลันส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา ใจพลันหายวาบ สายตากวาดมองไปทางเสียงนั้นด้วยความรีบร้อน

เห็นเพียงแมลงเกราะยักษ์สิบสามตัวกำลังพุ่งมาด้วยความโหดเหี้ยม ยังไม่ทันเข้าประชิดก็ทยอยกันอ้าปากออก

เส้นไหมสีม่วงพุ่งออกมาจากปาก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งแหวกอากาศออกไป

แมลงวิญญาณเหล่านี้ถูกหานลี่กระตุ้นอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คาดไม่ถึงว่าจะวิ่งมาถึงที่นี่

ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำพลันใจหายวาบ มือหนึ่งพลันกวักเรียก แมลงเกราะปีกสีโลหิตสี่ตัวที่แผ่นหลังกระพือปีกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

ชั่วขณะนั้นมหาสมุทรโลหิตด้านล่างพลันส่งเสียงกรีดร้องออกมา ระลอกคลื่นยักษ์ม้วนวน กำลังต้านทานอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม

แต่เส้นไหมสีม่วงเหล่านั้นไม่รู้ว่าคือสิ่งใด ภายใต้การสัมผัสกันกับระลอกคลื่นโลหิต นอกจากส่วนเล็กๆ ที่กลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป ส่วนใหญ่ก็ทะลวงผ่านพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป เส้นไหมสีม่วงมาอยู่ห่างจากชายหนุ่มแค่คืบ

ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือเท้าไม่ขยับ แต่หัวภูตสีเขียวเหมือนกับสร้อยทั้งแปดตรงคอกลับส่งเสียงกรีดร้องแหลมๆ แล้วบินออกมา หมุนวนกลายเป็นวงแหวนยักษ์สีเขียว หัวภูตทั้งแปดหันหน้าไปด้านข้าง วงแหวนลำแสงทรงกลมผนึกรวมตัวกันกลายเป็นร่างของหัวภูตแปดตน

เมื่อเส้นไหมสีม่วงเหล่านั้นพุ่งออกมา หัวภูตสองหัวที่อยู่ตรงข้ามแค่อ้าปากออก ชั่วขณะนั้นพลันพ่นดาวสีเงินออกมา

เส้นไหมสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะถูกดาวสีเงินม้วนวนเข้าไปในหัวภูต

ไม่ใช่แค่นี้หัวภูตอีกหกหัวพลันส่งเสียงร้องประหลาดและพ่นใบมีดพายุจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา

ทุกใบมีดมีขนาดเท่าฝ่ามือ ผิวหนาๆ เปล่งแสงเจิดจ้า ภายใต้การพุ่งออกมา ราวกับเส้นไหมสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่านกลางอากาศ สับลงไปที่ร่างของแมลงเกราะสีม่วงเหล่านั้น

แต่หลังจากได้ยินเสียง “เคร้ง” ใบมีดพายุที่ดูเหมือนจะมีอานุภาพไม่ธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันดีดตัวออกมา

ผิวโหดเหี้ยมของแมลงเกราะลายสีม่วงกลับไม่มีแม้แต่รอยสีขาว

ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ แต่พลันชูมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างไม่ต้องขบคิด ร่ายอาคมใส่วงแหวนยักษ์สีเขียวอย่างต่อเนื่อง

หัวภูตทั้งแปดแผดเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา หัวสั่นเทาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะมีเงาโลหิตแปดสายพุ่งออกมาจากหัว และเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งเข้าไปในฝูงแมลง

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นภูตโลหิตมีเขายักษ์งอกออกมาจากหัว ร่างกายเปลือยเปล่าแปดตัว!

พวกมันมีดวงตาสีเขียวมรกต นิ้วทั้งสิบแหลมคม แขนโบกสะบัดเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นหมอกโลหิตพลันหมุนวน ในเวลาเดียวกันกรงเล็บเงาเย็นเยียบก็แผ่ไปทั่วอากาศ

ยามนั้นพลันสู้กับแมลงเกราะ

ในยามที่ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำถูกแมลงกลืนทองพัวพันไม่ปล่อยอีกครั้ง วานรยักษ์ขนสีทองที่อยู่อีกด้านก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบที่แผ่นหลัง ยามที่ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์หายไป เทวรูปสามเศียรหกกรปรากฏขึ้น

จากนั้นวานรยักษ์พลันเงยหน้าร้องเสียงแหลม เทวรูปสีทองกระโจนเข้ามารวมร่างกัน

วานรยักษ์ที่มีลำแสงสีทองหมุนวน ตรงซี่โครงพลันเกิดรอยเว้าและนูนเป็นระลอก คาดไม่ถึงว่าจะมีแขนที่มีขนปุกปุยงอกออกมาสองคู่ ในเวลาเดียวกันหัวไหล่ก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ มีหัวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนไหล่ทั้งสอง

วานรตัวนี้กลายพันธุ์เป็นสามเศียรหกกร!

เมื่อมันกลายพันธุ์เสร็จ ฝ่ามือทั้งหกก็กางนิ้วทั้งห้าออก ตะปบไปยังหอคอยเล็กราวกับภูเขาไท่ซานกดลงมา

ใจกลางฝ่ามือมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีอักขระสีเงินลึกลับปรากฏขึ้น และกลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งกดลงมาพร้อมกับฝ่ามือ

อักขระยันต์สีเงินเป็นแค่เงาลวงตาแล้วหมุนคว้าง พลังปราณฟ้าดินที่อยู่บริเวณรอบรวมตัวกันด้านในอย่างบ้าคลั่ง พลังมหาศาลน่าเหลือเชื่อหกกลุ่มทะลักลงมาราวกับภูเขาไท่ซาน

ในเวลาเดียวกันที่รัศมีลำแสงเจ็ดสีถูกพลังมหาศาลหกกลุ่มกดลงมาก็สั่นเทาอย่างรุนแรง จากนั้นพลันยืดยาวออกราวกับก้อนแป้ง เสียงอึกทึกดังขึ้น แล้วพังทลายลง

ลำแสงโลหิตที่เป็นร่างแยกของชายหนุ่มพลันหน้าเปลี่ยนสี กัดปลายลิ้น อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา เสียงปังดังขึ้น กลายเป็นหมอกโลหิตห่อหุ้มหอคอยเล็กเอาไว้ข้างใน

ชั่วขณะนั้นหอคอยเจ็ดสีพลันมีลำแสงผลึกปรากฏขึ้น และมีหอคอยเงาบินขึ้นไปบนท้องฟ้ารางๆ

แต่ในยามนั้นเองวานรยักษ์กลับร้องตะโกนออกมา แขนทั้งทั้งหกตะปบไปด้านหลัง นิ้วทั้งห้ากำแน่น

ปราณแท้ที่อยู่กลางอากาศพลันหมุนวน เมื่อกดลงไปด้านล่างพลังมหาศาลก็กลายเป็นพลังดูด ขวดเล็กๆ เจ็ดสีร่อนลงมา แล้วบินไปทางวานรยักษ์อย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

“แย่แล้ว”

ชายหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างกายเคลื่อนไหวกลายเป็นโลหิตพุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบรวมร่างเข้ากับขวดใบเล็กเจ็ดสี

ขวดเล็กที่แต่เดิมสั่นเทาไม่หยุด เปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นราวกับภูเขาไท่ซาน

วานรยักษ์ที่อยู่ที่สูงกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา กำปั้นที่เดิมเก็บกลับมาพลันโจมตีไปด้านล่าง

ดูเหมือนจะเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ไม่แตกต่างจากการโจมตีที่น่าตกตะลึงเมื่อครู่ แต่รอบๆ หอคอยเล็กเจ็ดสีด้านล่างกลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น อากาศเปลี่ยนเป็นข้นเหนียว

พลังไร้รูปร่างกักรอบๆ หอคอยเล็กไว้

วานรยักษ์ถูมือทั้งสองข้างไปมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แล้วชูขึ้นอีกครั้ง

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!

ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในฝ่ามือที่มีขนปุกปุยทั้งสองข้าง ตาข่ายสีทองขนาดร้อยจั้งตัดสลับกันไปมา ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าตกตะลึงแล้วดีดตัวออก แต่เมื่อพลิ้วไหวก็สลายหายไปจากกลางอากาศ

ครู่ต่อมาหอคอยเจ็ดสีที่อยู่รอบๆ พลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ตาข่ายไฟฟ้าสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น โจมตีไปที่หอคอยเล็กที่ถูกกักอยู่ตรงใจกลาง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!

ภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคมในใจของหานลี่ ตาข่ายสายฟ้าก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ พยายามห่อหุ้มหอคอยเล็กเอาไว้สุดชีวิต

ดวงแสงสีทองขนาดยักษ์ลูกหนึ่งก่อตัวขึ้น โจมตีไปที่หอคอยนี้อย่างพอดิบพอดี

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างวิญญาณกลายเป็นเงาสีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างดวงแสงสีทอง นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมอย่างต่อเนื่อง

เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าจะพันรัดรอบด้านดวงแสงสีทองแล้วห่อหุ้มเอาไว้ชั้นหนึ่ง

ชั่วพริบตาดวงแสงสีทองพลันกลายเป็นสีเขียว!

เงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ วานรยักษ์สามเศียรหกกรกระโดดหมุนตัวลงมา กรทั้งหกตบไปที่ดวงแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง

อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากกรทั้งหก แล้วจมหายเข้าไปในดวงแสงยักษ์ราวกับคลื่นน้ำ

ชั่วขณะนั้นผิวของดวงแสงพลันมีอักขระยันต์วิจิตรงดงามหลากสีสันปรากฏขึ้น สลักไปด้านบนราวกับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

“หึ! เจ้าคิดว่าวิธีเช่นนี้จะกักข้าได้งั้นหรือ?” เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาดังออกมาจากดวงแสง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

สิ้นเสียง ในดวงแสงก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น อักขระยันต์เหล่านั้นเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด ในเวลาเดียวกันผิวก็มีรอยเว้านูน บัดเดี๋ยวบวมพองบัดเดี๋ยวยุบลงไป

ยามนี้เส้นไหมสีเขียวชั้นนอกสุดเริ่มปริแตกเป็นเสี่ยงๆ ดูเหมือนว่าจะพังทลายได้ตลอดเวลา

หานลี่พลันรู้สึกตกตะลึง ถึงได้รู้ว่าตนดูแคลนอานุภาพของหอคอยหลากสีไปหน่อย แผนการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจกักเขาเอาไว้ข้างในได้

ทว่าสีหน้าตกตะลึงของเขาพลันสลายหายไป

วิธีที่เขาเตรียมไว้ใช้ต่อกรกับสมบัติชิ้นนี้ ในเมื่อไม่มีผล ก็มีเพียงต้องทำลายสมบัติชิ้นนี้แล้วใช้วิธีการอื่น

หลังจากที่หานลี่มีความคิดเปล่งประกายแล้วตัดสินใจ ร่างที่กลายเป็นวานรยักษ์ก็ร้องคำรามเสียงต่ำๆ แล้วตะปบมือยักษ์ไปด้านล่าง สะบัดไปบนที่สูงอีกครั้ง

ดวงแสงสีเขียวถูกพลังไร้รูปร่างโยนไปกลางอากาศสูงพันจั้งเศษอีกครั้ง

ในยามนั้นผิวของดวงแสงพลันมีเงาสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างวิญญาณกลับพบก่อน จึงโยนออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท