Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1105 ปิดบัง

ตอนที่ 1105 ปิดบัง

  หลังจากนั้นชูฮันและคนอื่นๆก็รอคอยให้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านประมงสงบลงต่อไปอีกสองวันเจียงหลินเทียนและอู๋กงนั้นกระตือรือร้นที่จะไปจากที่นี้ สำหรับพวกเขาทั้งคู่ที่ตอนนี้เป็นเพียงแค่พรสวรรค์ระยะ 2 นั้นยังห่างไกลจากการเข้าถึงความลับของท่าเรือหนานช้าได้ ดังนั้นมันเป็นการดีกว่าถ้าทั้งคู่ไปเข้าร่วมกับองค์กรนักล่าก่อน

  ในกรณีนี้ทำให้ฟานเจี้ยนมีโอกาสเชิดหน้าขึ้นฟ้าทำท่าทางหยิ่งยโสใส่ชูฮันได้อยู่สองวัน

  ตลอดสองวันที่ผ่านมามันมีผู้รอดชีวิตคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นอยู่เป็นพักๆ บางคนก็เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่มีพละกำลังการต่อสู้ บางคนก็เป็นแค่คนสันจรที่หากินในพื้นที่นี้และแค่ผ่านมาเท่านั้น

  ทว่าที่ชูฮันและเกาช้าวฮุ่ยต้องการคือมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงซึ่งไม่มีคนจำพวกนั้นผ่านทางมาเลย

  ในหมู่บ้านประมงอันแสนโกลาหลพายุเริ่มบรรเทาแรงลงหลังจากผ่านไปสองวัน ฝุ่นควันหนาที่ปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านจนมองอะไรไม่เห็นเริ่มค่อยๆตกลงพื้นและจางลง บรรยกาศเริ่มเข้าสู่ความสงบราวกับว่าก่อนหน้านี้มันไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

  ภาพของหมู่บ้านประมงที่ปรากฏสู่สายตาตอนนี้ได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!

  จากเดิมที่มีต้นไม่พืชพันธุ์เติบโตอย่างบ้าคลั่งเต็มไปหมดตอนนี้พวกมันได้หายไปอย่างไร้ร่องรองเดิมและถูกแทนที่ด้วยแนวประการังขนาดใหญ่โตเต็มพื้นที่ไปหมด ราวกับว่ามันพุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลและก็ปักตัวเองฝังลงดินทันที

  พวกมันมีรูปทรงแปลกประหลาดใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสีฟ้าเดียวเหมือนกัน

  แต่สิ่งที่ควรค่าแก่ความสนใจมากกว่าอะไรทั้งหมดคือด้านหลังของแนวประการังขนาดใหญ่ส่วนที่ลึกที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้ มันมีเสาหินยักษ์ตั้งสูงเทียมฟ้าอยู่

  เสาหินยักษ์ที่ใหญ่โตมโหฬาร!

  เปรียบเทียบกับเสาหินที่อื่นเสาหินยักษ์นี่ก็เหมือนกับเสาหินอื่นๆเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า รวมถึงเสาหินยักษ์ต้นนี้ยังปรากฏตัวในตำแหน่งที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นแท่นแผ่นหินประหลาดที่ชาวบ้านหมู่บ้านประมงกรายสักการะบูชากัน มันจึงยิ่งทำให้ชูฮันและคนอื่นๆงุนงงกันอย่างมาก

  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชูฮันยืนจ้องเสาหินแต่มันเป็นครั้งแรกที่เขามีอารมณ์แตกต่างไปเดิม

  เขาจำได้ว่าผู้อาวุโสของชาวบ้านหมู่บ้านประมงได้พูดไว้ว่า…แท่นหินยักษ์ถูกซ่อนอยู่ใต้ดินมาตลอดและเมื่อเกิดคลื่นยักษ์มันจึงถูกซัดขึ้นมายังชายฝั่งหลังจากนั้นแท่นแผ่นหินประหลาดนั่นก็ได้กลายมาเป็นเสาหินยักษ์ในตอนนี้?!

  ชูฮันพยายามมองขึ้นไปบนยอดของเสาหินยักษ์ทว่าไม่สามารถทำได้เพราะมันสูงเกินไปเขาจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าบนพื้นผิวของเสาหินนี่มีสัญลักษณ์เดียวกับแท่นแผ่นหินก่อนหน้านี้รึเปล่า

   ถ้าแท่นแผ่นหินนั้นได้กลายเป็นเสาหินจริงๆเราจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?  ชูฮันพูดกับหวังไคในหัวตัวเอง  เสาหินทั้งหมดเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆมาตลอด แม้กระทั่งเสาหินที่สามารถเคลื่อนที่ได้ก็ยังเคลื่อนที่แบบเงียบๆ แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงเคลื่อนไหวอย่างใหญ่โตเสียงดังแบบนี้ ทำไมพึ่งมาเกิดขึ้นตอนนี้? มันมีอะไรแตกต่างออกไป? 

   นายถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร?  หวังไคแอบกรอกตากับตัวเอง

   นายต้องการอะไรแลกเปลี่ยน?! ชูฮันเองก็กรอกตาเหมือนกัน

  เพียงแค่ในใจชูฮันนั้นมีลางสังหรณ์แปลกๆคึอยเตือนเขาอยู่ตลอดถ้าแท่นแผ่นหินนั้นได้กลายเป็นเสาหินจริงๆตามที่ผู้อาวุโสบอก มันก็หมายความว่าเสาหินมีอยู่มานานก่อนการมาถึงของโลกาวินาศ เพียงแค่ว่าที่ผ่านมามันถูกฝึกลึกอยู่ใต้ดิน…

  มนุษยชาติได้ตั้งรกรากบนผืนโลกนี้มาเป็นเวลายาวนานแล้วแต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการค้นพบเสาหินเลยทั้งๆที่โลกมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ทำการสำรวจทุกพื้นผิวบนโลกมาหมดแล้ว ทำไมถึงไม่มีใครค้นพบแท่นแผ่นนั้น จะอธิบายประเด็นนี้ยังไง?

  มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นรอบตัวมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ชูฮันลืมไปแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงไหน

   ชูฮันไปกัน  เกาช้าวฮุ่ยตบไหล่ชูฮันเบาๆ

  ซูเฟิงและฟานเจี้ยนเองก็เตรียมพร้อมแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แน่ใจว่ากำลังจะทำอะไรกันแน่

  ชูฮันมองไปรอบๆปัดมือเกาช้าวฮุ่ยออกและออกเดินนำแทน ตำแหน่งที่ตั้งของเสาหินนั้นไม่ได้อยู่ใกล้เลยเพราะตอนที่พวกเขาออกมาจากหมู่บ้านประมงนั้นพวกเขาวิ่งกันด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อเอาตัวรอด อีกทั้งตอนนี้ทั้งหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยแนวปะการังขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนสิ่งกีดขวางเต็มไปหมด ความเร็วในการเดินของพวกเขาจึงถูกจำกัด ดังนั้นในตอนนี้มันจึงเหมือนว่าทุกคนกำลังเดินอยู่ในเขาวงกตที่ซับซ้อน

  ทั้งสี่คนเดินไปข้างหน้าท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแนวปะการังยักษ์ ทุกคนดูสงสัยใคร่รู้กันมากและใช้เวลาไปนานกับการสำรวจ และเมื่อชูฮันเดินทางมาถึงตรงหน้าของเสาหินยักษ์ ฟ้าก็ได้เปลี่ยนสีเข้าสู่ช่วงเวลาเย็นใกล้ค่ำแล้ว

  เมื่อไม่มีแสงทุกอย่างจึงยากที่จะเข้าถึง ในใจของทุกคนเกิดความตื่นตระหนกผสมความกลัวขึ้นมา

   มีบางคนกำลังมา เกาช้าวฮุ่ยกระซิบบอกขณะอยู่ตรงหน้าเสาหิน สายตาของทุกคนรวมถึงชูฮันหันไปมองทางฝั่งซ้ายทันที

  ขณะนี้วิสัยทัศน์การมองเห็นของทุกคนต่ำลงกว่าเดิมหากพวกเขาก็ยังสามารถมองเห็นโครงร่างของคนสองคนจากที่ไกล จากจุดที่มองอยู่ทำให้พวกเขาสามารถมองออกได้ว่าโครงร่างที่เห็นนั้นคือร่างของผู้ชายและผู้หญิง แต่ทั้งสองคนจงใจแต่งตัวปกปิดรูปร่างและหน้าตาจนมิดชิด อาศัยความมืดของค่ำคืนทำให้ฝั่งชูฮันมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

   ขาดอีกสามคน เกาช้าวฮุ่ยจ้องมองสองคนที่กำลังมุ่งหน้าและแอบกระซิบคุยกับชูฮัน

   นายไม่ได้เอาตรามา? ชูฮันถามคำถามที่เขายังคงคิดไม่ตก

  ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เกาช้าวฮุ่ยพึ่งจะบอกว่ามีเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่มีตราและก็ตัดตัวเองออกไปจากรายชื่อทันทีโดยไม่บอกเหตุผล แล้วตอนนี้จู่ๆเกาช้าวฮุ่ยก็ตัดสินใจว่าสองคนมาใหม่นี้มีตราประหลาดนั้น

  ทำไม?

   ฉันเข้าไปไม่ได้ เกาช้าวฮุ่ยตอบสั้นๆ ไม่คิดอธิบายอะไรเพิ่มเติม

  แววตาของชูฮันเป็นประกายคำพูดหนึ่งเกี่ยวกับตระกูลลึกลับย้อนกลับเข้ามาในหัว ความแปลกประหลาดเกี่ยวกับเกาช้าวฮุ่ยที่มากเกินไปทำให้เขาระลึกข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลลึกลับขึ้นมาได้

  ฆ่าไม่ได้…เข้าไปในเสาหินไม่ได้?

  แล้วทำไมป่ายหวีเนอถึงเข้าไปได้

  หรือว่าเป็นแค่ตระกูลเกาเท่านั้น?

  ชูฮันคิดไม่ตกสักทีจนสุดท้ายเขาจำเป็นต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มีคนที่มีตราทั้งหมดห้าคนแล้ว พวกเขาต้องการคนเพิ่มอีกสามคนเท่านั้น

  อีกด้านหนึ่งชายและหญิงยืนอยู่ในตำแหน่งไม่ไกลจากชูฮันและคนอื่น ๆ คนแปลกหน้าสองคนที่มาใหม่ไม่คิดจะทักทายหรือเผชิญหน้ากับฝ่ายชูฮัน ราวกับว่าระหว่าวพวกเขามันมีกฏระเบียบที่เข้าใจกันเองอยู่

  แน่นอนว่าชายหญิงคู่นี้จะต้องอยู่ที่นี้มาหลายวันแล้วเพียงแค่รอโอกาสที่จะแสดงตัว

   ท่านหญิงเสี่ยวเมิงชียังเหลืออีกสองคนไม่ใช่หรือครับ?  ต้านฮวงกระซิบถาม…เขาเข้าใจว่าตอนนี้มีคนแล้วทั้งหมดหกคน

   เดี๋ยวก็มา เสี่ยวเมิงชีตอบสั้นๆ

   การรับมือกับคนฉลาดแบบท่านผมว่าผมสนใจแต่พละกำลังด้านการต่อสู้จะดีกว่า  ต้านฮวงยิ้ม

  ท่ามกลางเสียงกระซิบพูดคุยของเสี่ยวเมิงชีและต้านฮวงชูฮันคอยสำรวจทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ไปด้วย นอกจากคนของเขาอย่างซูเฟิงและฟานเจี้ยนแล้ว ก็มีเกาช้าวฮุ่ยที่แสนจะลึกลับ และคนมาใหม่สองคนที่ดูจะเป็นปัญหาไม่เบา

  จำนวนคนที่ได้เห็นก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการประเมิณของเสาหินพิเศษระยะ 2 มันยากมากแค่ไหน?!

  ไม่นานหลังจากเสี่ยวเมิงชีและต้านฮวงปรากฏตัวก็มีคนแปลกหน้ามาใหม่อีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเร็วซะจนไม่มีร่องรอยของความเร็วให้ชูฮันจับสัมผัสได้เลย คนมาใหม่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมยืนเอนตัวพิงแนวปะการังขนาดใหญ่ด้วยท่าทีสบายๆ

  ทันใดนั้นชูฮันก็ตะลึงค้างและอดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมาคนคนนี้สามารถฝ่าความมืดและผ่านประสาทสัมผัสของเขาไปได้ โดยที่ตัวเขาไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งอีกฝ่ายปรากฏตัวแล้ว

  คนคนนี้คือใครกัน?!

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท