Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1115 เหลืออีกหกคน

ตอนที่ 1115 เหลืออีกหกคน

  ชูฮันสูดลมหายใจเข้าลึกๆตอนนี้มู๋เย๋เองก็อยู่ที่นี้ด้วยเหมือนกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้ชูฮันอดไม่ได้ที่จะปวดหัว เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ราชาลูกผสมมีพลังต่อสู้อยู่ที่อันดับเท่าไหร่แล้ว? แล้วเขาจะรับมือกับอีกฝ่ายยังไง

  ดูจากลูกผสมระยะ6 และ 7 จำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมในสงครามครั้งล่าสุด แสดงว่ายังไงราชาลูกผสมอย่างมู๋เย๋ก็จะต้องมีระยะไม่ต่ำกว่าพวกนั้น ไหนจะความจริงที่ว่าตอนที่อีกฝ่ายปรากฏตัวครั้งแรกก็มีพลังเหนือกว่าชูฮันแล้วในขณะที่ชูฮันยังไม่มีพลังอะไรเลย

  ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะน่าอึดอัดอย่างมากแต่มันก็สามารถอนุมานได้ว่าพละกำลังของมู๋เย๋ในตอนนี้…ชูฮันก็ยังห่างไกลจากการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายมากอยู่

  แม้ว่าเขาจะร่วมมือกับตวนเจียงเหว่ย…มันก็ยังไม่มีทางชนะ  แต่ถ้าเรียกทุกคนมาช่วยกันฆ่ามู๋เย๋ละก็?

  นั่นอาจจะเป็นไปได้อยู่…

  ชูฮันเดินไปพร้อมกับคิดวางแผนไปพร้อมๆกันเขายังคงเดินมุ่งหน้าไปเส้นทางทางซ้าย ขณะที่จุดสองจุดบนหน้าปัดนาฬิกาก็ยังคงส่องแสงกระพริบ มันคือตำแหน่งพิกัดของอู๋เติงและต้านฮวงที่ซึ่งไม่ใช่คนของชูฮัน

  —————————–

  ในช่วงบ่ายของวันเดียวกับที่ชูฮันและตวนเจียงเหว่ยได้นาฬิกามาการต่อสู้ระหว่างซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวก็ได้ขยายอาณาเขตจากทุ่งหญ้าออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้ของทั้งสองที่ดำเนินติดต่อกันเป็นเวลาสองวันโดยไม่หยุดแถมยังยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ทุกพื้นที่ที่ทั้งสองผ่านต่างมีสภาพราวกับพึ่งเกิดสงครามขึ้น มันเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตในทุกวินาที ทั้งสองคนต่างเมินเฉยต่อทุกอย่าง ลืมจุดประสงค์ที่เข้ามาในเสาหินตั้งแต่แรกไปหมด สิ่งเดียวในหัวของทั้งคู่ตอนนี้คือการเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้เพียงเท่านั้น  เดิมทีการทดสอบของทั้งคู่นั้นคือการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งที่มีพลังการต่อสู้ระดับสูงจำนวนมากแต่เป็นเพราะทั้งคู่นั้นแข็งแกร่งมากทำให้กลุ่มสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใกล้ทั้งคู่ได้ พลังมหาศาลที่ปล่อยออกมารอบๆตัวทั้งคู่ระหว่างโจมตีเข้าใส่กันไม่หยุดนั้นได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อพวกสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งทั้งหลายที่พยายามจะฝ่าเข้ามาโจมตีทั้งคู่

  ประเด็นสำคัญคือทั้งคู่ยังฉุกคิดไม่ได้เลยพวกเขาไม่เคยคิดว่านี่คือบดทดสอบ ยิ่งได้เห็นเลือดที่ไหลนองบนพื้นเพราะจาดบาดแผลของอีกฝ่ายมันยิ่งกระตุ้นความหลงใหลในการต่อสู้ของพวกเขารุนแรงขึ้นไปอีก ทั้งคู่เคลื่อนย้ายสถานที่ต่อสู้ไปยังตำแหน่งต่อไปเพื่อทำการประลองฝีมือกันต่อ

  ท่ามกลางทั้งคู่เจียงหลิงโหลวได้รับบาดเจ็บหนักกว่าซูเฟิง เธอเข้าสู่ระยะที่ 7 ของวิวัฒนาการเช่นเดียวกับซูเฟิง หากเธอมีทักษะโดดเด่นในการต่อสู้ในสนามน้อยกว่าซูเฟิงเล็กน้อย เธอจึงเสียเปรียบกว่าในการต่อสู้

  อย่างไรก็ตามเพราะซูเฟิงและชูฮันนั้นสามารถสร้างสนามพลังงานของตัวเองขึ้นได้ทั้งคู่สามารถควบคุมพลังงานและการกระตุ้นของสนามพลังงานได้ จึงทำให้ทั้งคู่แข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าคนในระดับเดียวกัน ดังนั้นเจียงหลิงโหลวจึงมักจะถูกควบคุมพลังในการต่อสู้อยู่เสมอ แถมยังมีหลายครั้งที่มีจังหวะที่ซูเฟิงสามารถฆ่าเจียงหลิงโหลวได้ทันที

  ตวนเจียงเหว่ยที่พึ่งเดินพ้นเนินเขามาก็ต้องตะลึงค้างกับภาพเศษซากที่เหลืออยู่ตรงหน้าทิวทัศน์ที่ควรจะสวยงามสบานตา ทุ่งหญ้าเขียวขจีสวยงามกว้างใหญ่ มีหมู่นกบินวน ดอกไม้บานสะพร่างสีสันสดใด

  ทว่าตอนนี้มันกลับถูกทำลายอย่างย่อยยับราวกับว่าพึ่งจะมีสงครามเกิดขึ้นดอกไม้เหี่ยวเฉา บดบี้เละเทะ หญ้าแห้งตายสนิท ต้นไม้ถูกตัดเป็นท่อนๆ สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยนอนตายเกลื่อนอย่างดูไม่ออกว่าเป็นชนิดอะไร

  มันโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างมาก!

  ตวนเจียงเหว่ยมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจไม่ว่าจะคิดในกรณีไหนเขาก็นึกไม่ออกว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เนินเขาทุ่งหญ้ากว้างตกอยู่ในภาพเช่นนี้ได้?

  และทันใดนั้นเอง!

  %^&*(!*&%(()!!!

  เสียงการต่อสู้อันดุดันก็ดังแว่วมาจากที่ไกลการต่อสู้นั้นรวดเร็วอย่างมากเช่นเดียวกับความถี่ในการลงมือ เสียงที่ได้ยินจากที่ไกลในตอนแรกสามารถเข้ามาใกล้ถึงตวนเจียงเหว่ยภายในเวลาแค่สามวินาทีเท่านั้น

  จากนั้นตวนเจียงเหว่ยก็ต้องตะลึงค้างกลางอากาศทันที!

  เพราะไม่ใช่แค่การต้องต่อสู้กับทีมอื่นๆเพื่อแย่งชิงตราแต่มันยังมีคนอื่นที่สู้แม้จะอยู่ในทีมเดียวกันด้วย?

  บนหน้าปัดนาฬิกาของตวนเจียงเหว่ยแสดงตำแหน่งของทั้งแปดคนแสดงว่ายังไม่มีใครตายและเมื่อตวนเจียงเหว่ยได้เห็นจุดสองจุดอยู่ด้วยกัน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่เป็นทีมเดียวกัน ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

  แต่ตวนเจียงเหว่ยไม่เคยนึกเลยว่าทั้งสองจะสู้กันเอง?

  แถมยังกะเอาอีกฝ่ายให้ตาย!

  แน่นอนว่าการปรากฏตัวของตวนเจียงเหว่ยทำให้การต่อสู้ของซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวหยุดชะงักทันทีทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกันและรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยเอาไว้ รวมถึงตวนเจียงเหว่ยด้วย

   นายอยู่ทีมไหน?นายเห็นชูฮันมั้ย?  ซูเฟิงรีบถามอย่างร้อนใจ

   ทำไมถึงเป็นนาย?แล้วนายเห็นชูฮันมั้ย?  เจียงหลิงโหลวเองก็ไม่ยอม

  แม้ว่าทั้งสองจะเป็นศัตรูกันแต่ทั้งคู่ต่างก็ทำงานให้กับชูฮันเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อทั้งคู่เห็นตวนเจียงเหว่ยปรากฏตัวขึ้น คำถามแรกที่ออกมาจากความคิดในหัวคือการหาตำแหน่งของชูฮัน

  ตวนเจียงเหว่ยเม้มปากและค่อยๆชักกริชตรงเอวออกมา ถ้าอยากรู้ก็เอาตรามาแลกสิ 

  ————————-

  ขณะเดียวกันชูฮันก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากต้านฮวงและอู๋เติงเท่าไหร่ทั้งสามจุดบนหน้าปัดนาฬิกาแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใกล้สองคนนั้นแล้ว ทว่าในตอนที่ชูฮันต้องการจะเดินออกไปข้างหน้าเพื่อตามหาทั้งคู่นั้น

   ตึงงงง! 

  จู่ๆมันก็มีเสียงดังจากนาฬิกาขึ้นมาและชูฮันก็เห็นว่ามีชื่อสองชื่อบนหน้าปัดหายไป

  และในเวลาเดียวกันในหัวของทุกคนมันก็มีเสียงกลไกของเสาหินดังขึ้นมา  ผู้เข้าแข่งขันเหลือ 6 คน 

  หมายความว่ามีสองคนออกไปจากการเกม…และการแข่งขันก็เข้าสู่ความดุเดือดไปอีกระดับ!    ฝีมือใคร? ชูฮันประหลาดใจไม่น้อย เขาลูบปลายคางตัวเองไปมาอย่างใช้ความคิด  เจียงหลิงโหลวและซูเฟิงสู้กันมานาน ประกอบกับอาการบาดเจ็บ ตวนเจียงเหว่ยเลยฉวยโอกาสงั้นเหรอ? 

  นอกเหนือจากความเป็นไปได้นี้ชูฮันก็นึกอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ถ้าซูเฟิงและเจียงหลิวโหลวเป็นฝ่ายโจมตีตอนปกติละก็ คนที่ต้องตายจะต้องเป็นตวนเจียงเหว่ยอย่างแน่นอน

   สนุกดีนี่คนของฉันไปแล้ว ตวนเจียงเหว่ยก็ไม่รู้ว่ามีราชาลูกผสมแฝงอยู่ในผู้เข้าร่วม สุดท้ายตัวตวนเจียงเหว่ยอาจจะไม่รอดเหมือนกัน  ชูฮันส่ายหัวอย่างหมดปัญญา เท้ายังคงเดินต่อไป ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเท่าไหร่เลย

  ทั้งๆที่ในใจนั้นชูฮันมีแผนการใหม่สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปแล้ว

  ———————-

  ตวนเจียงเหว่ยปาดทำความสะอาดกริชสีม่วงของเขาจนสะอาดและสอดมันเก็บเข้าในฝักตรงเอวพร้อมถอนหายใจซูเฟิงและเจียงหลิวโหลวนั้นรับมือยากพอสมควร ที่เขาสามารถฆ่าสองคนนั้นได้เป็นเพราะทั้งคู่บาดเจ็บหนักอยู่ตั้งแต่แรกต่างหาก

  แถมมันยังเป็นการต่อสู่แบบหนึ่งต่อสองด้วย!

  ในตอนแรกเลยมันเป็นการต่อสู้สามด้านทุกคนต่างต้องการกำจัดอีกสองคนออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะตวนเจียงเหว่ยเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 และมีอาวุธพิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ละก็ เกรงว่าเขาอาจจะหัวเราะไม่ออกและอาจจะเป็นฝ่ายที่แย่แทน

  ซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวได้ตายไปแล้วเนื่องจากทั้งสองต่อสู้ติดต่อกันเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนโดยไม่หยุดพัก นอกจากอาการบาดเจ็บที่ไม่น้อยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังการต่อสู้ที่หร่อยลงจนเกือบจะหมดแรง ดังนั้นพอตวนเจียงเหว่ยเข้ามา เขาจึงสามารถจัดการทั้งคู่ได้อย่างง่ายๆ จนจะเรียกว่าโกงก็ไม่ผิด

  เขาสามารถจบการต่อสู้อย่างรวดเร็วและกระชับ!

   ได้ตรามาสองชิ้น เสียงกลไกของเสาหินดังขึ้นในหัวของตวนเจียงเหว่ย ขณะที่จุดสีแดงบนหน้านาฬิกาข้อมือก็หายไป

  ตวนเจียงเหว่ยพอใจอย่างมากกับจุดเริ่มต้นของเขาเขามองไปยังจุดสีแดงอีกจุดบนข้อมือตัวเองที่ตำแหน่งแสดงว่าคนคนนี้อยู่ใกล้เขา หลังจากพักหายเหนื่อยและฟื้นกำลังเรียบร้อย ตวนเจียงเหว่ยก็ออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่เล็งไว้ทันทีโดยไม่มีการลังเล

  ��

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท