ตอนที่ 1146 กลิ่นนี้…
หลังจากได้เจอกับกระดูกที่ไม่ใช่มนุษย์ชิ้นแรกและได้นอนพักชูฮันก็ทำการสำรวจอีกหลายจุด ซึ่งเขาก็ได้พบกับกระดูกที่ไม่ใช่มนุษย์อีกมากมายในขนาดที่แตกต่างกับไป ขนาดใหญ่ที่สุดที่เขาเจอคือขนาดที่มีความสูงหนึ่งเมตร ส่วนที่เล็กที่สุดก็มีขนาดเท่ากับกระต่ายสีเทาที่เขาเจอในหุบเขา ซึ่งชูฮันก็ได้ทำการสำรวจร่างของหวังไคอย่างละเอียดและพบว่ากระดูกของสัตว์พวกนี้นั้นมีขนาดโครงร่างตรงกับหวังไคทุกอย่าง
หนึ่งคนและหนึ่งกระต่ายเงียบสนิทตลอดทางต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
ตอนที่ลงมาที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรแรกพวกเขาค้นพบกระดูกมนุษย์เพียงแค่หนึ่งร่างเท่านั้น และอีกกิโลเมตรถัดมาพวกเขาก็พบว่ากระดูกทั้งหลายนั้นกระจัดกระจ่ายไปพร้อมกับอาวุธมีคม ส่วนอีกหนึ่งกิโลเมตรถัดมามันมีการสุ่มของอาวุธรุนแรง และลึกลงมาอีกเท่าไหร่ไม่รู้หลังจากนั้นพวกเขาก็เจอกับโครงกระดูกที่ไม่ใช่มนุษย์
มันไม่มีขั้นต่อไปให้ทำอีกทว่ากระดูกที่พวกเขาส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนจากของมนุษย์เป็นของสัตว์แทนจนถี่ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนที่เข้ามาในทางเดินและเดินมาจนถึงสุดทาง ชูฮันจะได้เจอกับข้อมูลที่ถูกตระกูลป่ายทิ้งเอาไว้ก็ตาม
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทำการคัดลอกตัวอักษรที่ไม่รู้จักซึ่งเรียงเป็นประโยคเอาไว้และตั้งใจจะนำไปให้เกาช้าวฮุ่ยแปลให้
ขณะนี้ทั้งคู่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาลงมาลึกมากขนาดไหนแล้วและใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดรึยัง อิงจากข้อมูลที่ชูฮันมี เขาจะต้องลงไปเรื่อยๆจนกระทั้งตามทางเดินนั้นไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากกระดูก
ขณะที่ชูฮันตกอยู่ในความคิดและไม่คิดจะเสียเวลาใดๆเลยมันก็มีการค้นพบใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง! ซึ่งพวกเขาอยู่ในจุดที่ไม่รู้ว่าเป็นความลึกกี่กิโลเมตรและชูฮันก็เปลี่ยนเชือกมาหลายเส้นแล้วและในจังหวะที่ชูฮันกำลังจะต่อเชือกเส้นใหม่เพื่อจะไต่ลงไปข้างล่างต่อนั้น
ทันใดนั้นจู่ๆชูฮันก็ชะงักและมองไปยังทางหนึ่งที่ไม่ไกลจากตัวเขา!
เกิดอะไรขึ้น? หวังไคสะดุ้งและเริ่มมีอาการตื่นตระหนก
กลิ่นซากศพ! ชูฮันตอบด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
หวังไคกลัวมากจนไม่กล้าจะพูดอะไรทั้งนั้นมันเปลี่ยนมาใช้ความคิดในหัวสื่อสารกับชูฮันแทน ซอมบี้หรือลูกผสม? นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างผิดปกติกับการอนุมานของฉัน ขณะที่พูด ชูฮันก็รีบเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่มีกลิ่นฟุ้งกระจายออกมาท่ามกลางการห้ามปรามของหวังไค
พ้ะ! ชูฮันตรึงเชือกไว้ที่ผนังด้านในและรีบหาตำแหน่งที่มาของกลิ่นอย่างรวดเร็ว
ปึง!
หลังจากมีเสียงเคลื่อนเปิดออกของผนังและมีทางเดินปรากฏขึ้นกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพรุนแรงก็ปะทะเข้าใส่หน้าชูฮันเต็มๆจนแทบผงะ
หวังไคที่หวาดกลัวมานานเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าของชูฮันมันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว หากชูฮันนั้นเป็นคนกล้าที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เขาคว้าไฟฉายขึ้นมาและเดินเข้าไปด้านในทันที
สำหรับชูฮันแล้วไม่มีอะไรน่ากลัวไปมากกว่าซอมบี้และลูกผสมอีกแล้ว แถมจริงๆแล้วโลกนี้อาจจะไม่มีผีเลยก็ได้ มากไปกว่านั้นที่แห่งนี้ก็ถูกค้นพบมาเป็นเวลามากกว่าพันปีแล้ว แม้ว่าจะมีศพใหม่ที่กลายเป็นกองกระดูกไปแล้วแต่เวลานี้หลังจากโลกาวินาศปะทุขึ้นมาได้สองปี เขากลับพบเจอกลับซากศพที่ยังเน่าอยู๋ แล้วแบบนี้มันจะไม่น่าสงสัยได้อย่างไร?
เพียงแค่เพราะการถือกำเนิดของโลกาวินาศและลักษณะเฉพาะของหุบเขาหยินหยางทำให้เขาไม่สามารถตัดสินโดยอิงจากความเข้าใจที่มีในยุคศิวิไลซ์ได้อีกต่อไป เป็นไปได้ว่าศพพวกนี้อาจจะตายมาแล้วหนึ่งเดือนหรือสามปีก็ได้หมดทั้งนั้น
ในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างมากของชูฮันเขาก็มาจนถึงสุดทางในเวลาเพียงสั้นๆ แสงจากไฟฉายสะท้อนส่องไปทั่วและอย่างที่คาดไว้ มีซากศพที่กำลังเน่าอยู่!
ศพพวกนี้ดูคล้ายกับผู้ชายที่อยู่ในชุดอะไรสักอย่างซึ่งเขาสามารถตัดสินเพศได้จากเสื้อผ้าที่อยู่บนร่าง เนื้อของร่างนั้นเน่าเปื่อยร่วงลงกองอยู่ที่พื้นเผยให้เห็นกระดูก มือและเท้ายังถูกตอกยึดด้วยโลหะเข้ากับผนังด้านหลัง มันเป็นภาพของการโดนทรมานที่แสนจะโหดร้าย
สามารถดูออกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้คงจะถูกทรมานจนตายคาที่! ชูฮันนิ่วหน้าและเพ่งสายตาสำรวจร่างของชายตรงหน้าอย่างละเอียดมันไม่มีรายละเอียดอะไรบนเสื้อผ้าและรองเท้าของอีกฝ่ายเลยนอกจากสิ่งเดียวที่เขาค้นพบคือคำหนึ่งคำบนรองเท้าซึ่งเป็นตัวอักษรที่ชูฮันไม่รู้จัก
เป็นไปได้มั้ยว่าคนคนนี้จะเป็นสมาชิกของตระกูลลึกลับ?
ด้วยความสงสัยอย่างมากชูฮันตัดสินใจว่าถ้าในเมื่อมันไม่มีการค้นพบอื่นๆอีก เขาจะเดินออกไปจากทางเดินนี้และเริ่มทำการค้นหาทั้งในแนวนอนและแนวราบอย่างละเอียด เขาจะทำการสำรวจทุกซอกทุกมุมจนกว่าจะเจอความลับสำคัญในที่สุด!
ชูฮันพบว่าจากการสำรวจอย่างละเอียดยิบเขาเจอซากศพที่ยังไม่ได้แห้งจนเหลือแต่โครงกระดูก มีอีกหลายชิ้นที่กระจัดกระจายไปทั่วกว่าร้อยศพ ศพที่เขาเจอซึ่งมีอายุน้อยที่สุดเป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้นและที่มีอายุเยอะที่สุดก็เปื่อยยุ่ยจนไม่สามารถระบุอายุได้ โดยไม่มีข้อยกเว้นจำนวนศพกว่าร้อยศพต่างเป็นศพที่พึ่งเข้ามาที่แห่งนี้ใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับโครกระดูกทั้งนั้นที่เขาเจอที่ความสูงไม่กี่กิโลเมตรก่อนหน้านี้
และ…
รองเท้าทั้งหลายที่อยู่ตามร่างของศพพวกนี้ยังไม่ได้เปื่อยสลายเลยแถมทั้งหมดยังมีตัวอักษรที่เขาอ่านไม่ออกสลักไว้เหมือนกันหมด!
มันเป็นการค้นพบที่ไม่เคยมีมาก่อนคนที่สามารถยืนยันความหมายของตัวจนของคนเหล่านี้ก็คือตระกูลเกาและตระกูลป่ายที่ก่อนหน้านี้เขาได้ค้นพบชื่อตระกูลที่ถูกสลักเอาไว้ที่ผนังเช่นกัน สิ่งที่ได้เห็นทำให้ชูฮันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง
รองเท้า…
สมาชิกทุกคนของตระกูลลึกลับมีสิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันหมดนั่นก็คือรองเท้าบู้ทที่เป็นเอกลักษณ์สวยงาม ชูฮันไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัสดุอะไรแต่ชูฮันไม่เคยเห็นเกาช้าวฮุ่ยถอดมันออกเลย
นี้มันเกิดอะไรขึ้นจริงๆกันแน่? หวังไคเข้ามาร่วมระดมความคิดกับชูฮัน
ชูฮันถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ได้แค่รอหลังจากออกไปจากที่นี้ได้ แล้วถามเกาช้าวฮุ่ยว่าตัวอักษรพวกนั้นมีความหมายว่าอะไร?
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เป็นสมาชิกของตระกูลลึกลับทั้งหมดตายพร้อมๆกันและพวกเขาก็ถูกทรมานก่อนจะตาย… หวังไคที่กำลังวิเคราะห์จู่ๆก็ชะงักไป
ในขณะเดียวกันชูฮันเองก็ประหลาดใจกับหวังไคที่จู่ๆก็หยุดพูดกระทันหัน
ตระกูลเสี่ยว! ทันใดนั้นทั้งสองก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็หันมาสบตากันอย่างเข้าใจความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้น
พ้ะ!
ชูฮันยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เกาช้าวฮุ่ยและเสี่ยวชีบอกว่าสองตระกูลเคยทะเลาะกันมากกว่าหนึ่งครั้ง เสี่ยวชีถูกทิ้งเหลืออยู่เพียงคนเดียวหลังจากการลงโทษของตระกูลเสี่ยว หรือว่าเป็นเพราะสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์…
ถ้างั้นซากศพพวกนี้ตายมานานเท่าไหร่แล้ว? ตอนที่ตระกูลเสี่ยวถูกสังหารหมู่ทั้งตระกูลงั้นเหรอ? หวังไคพูดขึ้น
คาดว่านั่นน่าจะเป็นตระกูลลึกลับเดียวที่เป็นไปได้ ชูฮันนิ่วหน้า แสดงว่าทางเดินที่เราผ่านมาก่อนหน้านี้ คนที่ตายทั้งหลายก็คือคนจากตระกูลเสี่ยวที่ถูกสังหารหมู่เพราะบทลงโทษ?