คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 2430 กำเนิดมาร

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

ตอนที่ 2430 กำเนิดมาร

เกล็ดของมันมีอักขระโบราณสีเงินปรากฏขึ้น หลังจากที่มันจัดเรียงแถวกลางอากาศแล้ว ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นข้อความสั้นๆ

“สองปีหลังจากนี้! ที่เกาะมังกร! งานชุมนุมพระสูตรดอกบัวก่วงหลิง! ในที่สุดก็เริ่มจัดแล้ว” หานลี่มองข้อความเหล่านั้น แววตาของเขายังมีความประหลาดใจอยู่

“หึๆ งานชุมนุมครั้งนี้จะต้องรวบรวมผู้ที่แข็งแกร่งจากแดนอื่นๆ เอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว จะต้องได้ประสบการณ์ดีๆ และนอกจากนี้คนที่สามารถทำให้ผลก่วงหลิงยอมรับ จะสามารถได้ครอบครองร่างของ

ก่วงหลิงชั่วคราวด้วยมันมีประโยชน์กับการบำเพ็ญเพียรของข้าอย่างมาก ต้องหามาให้ได้สักตัว แม่นางเถียนเฟยเอ๋อร์ก็ได้สัญญาไว้ในตอนแรกนั้นแล้ว น่าจะสามารถใช้ได้ เวลาสองปีล่ะก็ เพียงพอในการไปตรวจสอบแดนมารสักรอบ แต่ก่อนหน้านั้นต้องบอกหวั่นเอ๋อร์เสียก่อน นางจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก” หลังจากหานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกับตนเองได้

ทันใดนั้นเองเขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา พร้อมเก็บมังกรเกล็ดสีเงินลงไป และพลิกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นที่กลางฝ่ามือของเขาก็มีกระจกโบราณสีเขียวปรากฏขึ้น

เขาโยนกระจกขึ้นไปด้านหน้าของตนเอง จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้วาดตัวอักษรลงไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองก็มีตัวอักษรสีขาวปรากฏขึ้นมาแล้วหายไปในกระจกอย่างรวดเร็ว

จากนั้นหานลี่ก็นั่งรออยู่ที่หัวเรืออย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ที่กระจกโบราณก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น และมีข้อความสีขาวปรากฏขึ้นมา

หลังจากหานลี่กวาดสายตามองมันไปแล้ว มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้น

แม้ว่าคู่บำเพ็ญเพียรของเขาจะไม่ได้พูดอะไรเพื่อเป็นการโน้มน้าว แต่แค่บอกให้เขาระมัดระวังตัวและรอบคอบให้มาก

หานลี่สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง แสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้น กระจกโบราณบานนั้นก็หายไปแล้ว

จากนั้นเรือยักษ์สีดำก็มีเสียงดังขึ้น หานลี่ควบคุมมันด้วยความเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า

สองเดือนต่อมา สักแห่งหนึ่งในแดนมาร เมื่อมองไปแล้วทั้งหมดล้วนเป็นความรกร้างว่างเปล่า ทันใดนั้นปราณกระบี่หมึกสีเขียวโผล่ออกมา มิติสีขาวอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้น

หานลี่ถือดาบไม้หมึกสีเขียวค่อยๆ เดินออกมา

หลังจากที่เขากวาดสายตาไปรอบๆ แล้ว เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

เขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่แห่งนี้เลย ก่อนหน้านี้เขาไม่น่าจะเคยมาที่นี่มาก่อน

ครั้งนี้เขาเข้ามาที่แดนมารอย่างราบรื่น หนึ่ง เพราะเขาค้นหาจุดเชื่อมที่อ่อนแอที่สุดระหว่างโลกมนุษย์กับแดนมารได้

สอง เพราะของเขาแข็งแกร่งและมีปราณมากเพียงพอ อีกทั้งในมือของเขาก็มีกระบี่จิตวิญญาณสวรรค์ทมิฬอยู่

แม้ว่าในปีนั้นมั่วเจี่ยนหลีจะช่วยพวกเขาเข้าไปในแดนมารได้ แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นและง่ายดายเช่นนี้ อีกทั้งมันค่อนข้างเสี่ยงที่จะตกอีกด้วย

อย่างไรก็ตามที่ครั้งนี้เขามาที่แดนมารนั้น ประเด็นสำคัญก็มาเพื่อตามหาจิตวิญญาณของขวด เขาไม่สนใจว่าตัวเขาจะอยู่ที่ไหนของแดนมาร หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าบริเวณใกล้เคียงไม่มีเผ่ามารอาศัยอยู่ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็พ่นแสงสีเขียวออกมากลุ่มหนึ่ง

ภายในม่านแสงนั้น เป็นขวดสีเขียวขนาดสูงไม่กี่ชุน

เมื่อหานลี่พูดคำว่า “ขยาย” สิบนิ้วของเขาก็ชี้ไปที่ขวดขนาดเล็กใบนั้น

หลังจากขวดใบนั้นเลือนราง มันก็ขยายร่างอย่างบ้าคลั่งในบริเวณเดิม ภายในมีอักขระวิญญาณหมึกสีเขียวปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

ตอนนั้นเองหานลี่ก็สะบัดแขนเสื้อขึ้นธงนับร้อยก็โบกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นมันก็กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง และค่อยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่ร่ายคาถาต่างไปจากเดิม

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นจากบริเวณโดยรอบ อักษรรูนหลากสีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นและเข้าไปสร้างเป็นเขตอาคมแสงขนาดหนึ่งหมู่ โดยที่มีขวดขนาดใหญ่ใบนั้นเป็นศูนย์กลาง

ปากของหานลี่ก็เริ่มร่ายคาถางึมงำทันที หลังจากนั้นไม่นาน ขวดใบนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศโดยอัตโนมัติ ส่วนเขาก็นั่งขัดสมาธิอย่างคลุมเครือ

หานลี่กำลังกระตุ้นวิชาลับอยู่ด้านล่าง ขวดยักษ์และเขตอาคมแสงก็เชื่อมต่อกันอย่างกะทันหัน หลังจากมีสายฟ้าปรากฏขึ้นมากลางอากาศแล้ว ลำแสงหมึกสีเขียวโผล่พุ่งจากขวดตรงไปยังท้องฟ้าด้านบน จากนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ

ในขณะเดียวกัน ระลอกคลื่นที่ดูน่าอันตรายก็โผล่อกมาจากขวดนั้น พร้อมกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ

หานลี่ค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ นอกจากเสียงคาถาจากปากของเขาแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น

มิติลึกลับแห่งหนึ่งของแดนมาร ทะเลสาบด้านล่างมีของเหลวสีเงินอยู่เกือบครึ่งนอนก้นอยู่ ทันใดนั้นแผ่นหินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็สว่างวาบขึ้นมา เขตอาคมแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น

ภายในเขตอาคมแสงนั้น อักษรรูนที่ดูลึกลับจำนวนมากก็รวมตัวกันอยู่ จากนั้นหลุมดำก็ปรากฏขึ้น

วินาทีต่อมา กลางหลุมนั้นก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น พร้อมมีลำแสงหมึกสีเขียวพุ่งออกมา

หลังจากนั้นไม่นาน ลำแสงไม่เพียงทะลุผ่านทะเลสาบออกมา ยังพุ่งตรงไปที่ส่วนบนสุดของมิติและหายไปอย่างลึกลับ

สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้นมาพร้อมใบหน้าแสดงความยินดี

“คาดไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้จริงๆ จิตวิญญาณของขวดอยู่ในแดนมารนี้จริงๆ ด้วย ที่ได้มาครั้งนี้นับว่าเป็นวาสนาครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ”

หลังจากหานลี่ดึงพลังเก็บมาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมมองไปยังทิศทางที่สามารถสัมผัสได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ

ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวไปจากจุดเดิม หลังจากเขาร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว เขตอาคมแห่งแสงก็สลายไปในทันที ธงนับร้อยแผ่นก็บินกลับมา

หลังจากขวดใบนั้นส่องแสงและหดขนาดเล็กลงมาทันที กลายเป็นลูกบอลแสงหมึกสีเขียวพุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา

หานลี่กระทืบเท้าอีกครั้ง จากนั้นแสงสีเขียวก็พุ่งออกมา ร่างกายของเขาก็กลายเป็นรุ้งสีเขียวยาวสิบกว่าจั้งพร้อมพุ่งออกไป พริบตาเดียว เขาก็หายไปจนลับขอบฟ้าแล้ว

หลังจากนั้นมา ทุกๆ สองหรือสามวันหานลี่จะใช้เคล็ดวิชานี้หนึ่งครั้ง ตอนกลางวันก็มุ่งหน้าเดินทางไปตามทิศทางสัมผัสได้อย่างไม่หยุดหย่อน

ในระหว่างทาง แม้ว่าเขาจะได้พบกับสัตว์อสูรหรือเมืองของแดนมาร แต่เขาก็ไม่มีเจตนาที่จะรั้งอยู่ต่อเลย เขาจึงใช้เคล็ดวิชาหลบหนีออกมาอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งด้วยพลังของเขาทั้งหมดในตอนนี้ หากใช้พลังทั้งหมดในการบิน เกรงว่าจะไม่มีใครสักคนในแดนมารที่สามารถตามเขาทัน

บ่อยครั้งที่เผ่ามารธรรมดา จะได้ยินเสียง “ฟิ้วๆ” ที่กลางอากาศ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถมองเห็นเงาร่างของหานลี่ได้ ส่วนใหญ่เขาจะหยุดพักอยู่ที่เดิมด้วยความสงสัย เพราะเกรงว่าจะมีอันตราย พวกเขาจึงพักอยู่นาน แล้วค่อยกล้าที่จะเดินทางต่อ

หลังจากนั้นครึ่งปี ท่ามกลางยอดเขาที่มืดมิด

หานลี่ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ สองมือไพล่หลัง พร้อมมองไปที่ทะเลหมอกสีดำที่ปกคลุมยอดเขาอยู่ในระยะไกลๆ ใบหน้าของเขาดูบึ้งตึ้งอย่างมาก

“ทะเลกำเนิดมาร มันคือที่นี่นี่เอง หรือว่าจิตวิญญาณของขวดใบนั้นจะซ่อนไว้อยู่ที่นี่? ช่างเถอะ ต่อให้เป็นที่นั่น ก็ไม่มีขวางทางข้าได้หรอก แค่เรื่องเล็กน้อย ต้องลองเข้าไปทำลายมันโดยตรง แล้วค่อยเข้าไปด้านในก็พอ”

หลังจากหานลี่ที่ใบหน้ามืดครึ้ม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา

ทันใดนั้นเองกลางอากาศเหนือยอดเขายักษ์ก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น เรือยักษ์สีดำปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง เรือลำนั้นคือ เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก

เพราะว่าเรือเหาะลำนี้เด่นเกินไป เขาจึงไม่เคยนำมาใช้เวลารีบเดินทาง แต่ตอนนี้เขามาถึงที่ทะเลกำเนิดมารแล้ว และที่นี่ก็ไม่มีคนอาศัยอยู่อีกด้วย ดังนั้นจึงนำออกมาใช้ได้

ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของหานลี่ก็มีเสียงดังครึกโครมดังลั่น หลังจากประจุสายฟ้าสีเงินโผล่ออกมา นักพรตเซี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น

“พี่เซี่ย พี่น่าจะคุ้นเคยกับทะเลกำเนิดมารมากกว่าข้า ต่อจากนี้ไปก็รบกวนให้พี่นำทางด้วย”

“ข้าจะพยายาม” นักพรตเซี่ยมองเห็นทะเลกำเนิดมารที่อยู่ไกลๆ แล้ว เขาจึงตอบกลับเสียงเรียบ

หลังจากหานลี่หัวเราะเบาๆ เขาก็สะบัดแขนเสื้อขึ้น ม่านแสงสีเขียวก็ปิดลงมา

เงาร่างของทั้งสองคนหายเข้าไปในม่านแสง จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ชั่วพริบตาเดียว ด้านหน้าของเรือยักษ์ก็มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมา และร่างของทั้งสองคนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนหัวเรือ

หานลี่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำทักทาย ทหารหุ่นเชิดจำนวนนับพันที่อยู่บนเรือยักษ์ก็รีบแยกย้ายกันไปทันที

หลังจากม่านแสงสีดำของเรือลำนั้นปรากฏขึ้น พร้อมเสียงคำราม

สายฟ้าผ่าลงมาอย่างบ้าคลั่ง แต่เรือยักษ์สดำลำนั้นกลับนิ่งสนิท ราวกับว่าไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลยสักนิด หลังจากนั้นผ่านมาไม่นาน สายหมอกเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ

หลังจากนั้นผ่านมาครึ่งเดือน ด้านหน้ามีเกาะยักษ์สีเขียวมรกตอยู่กลางอากาศ เรือยักษ์สีดำจึงหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ

อยู่ตรงหน้าไม่ห่างกันมากนัก เขตอาคมแห่งแสงหลายหมู่และขวดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็มีแสงไฟเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ

หานลี่ยืนอยู่ด้านหน้าของเรือยักษ์ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาร่ายคาถาเคล็ดวิชาลึกลับ

ตอนนั้นเองที่ปากขวดก็มีรัศมีลำแสงสว่างวาบออกมา ตอนที่ลำแสงขนาดใหญ่กำลังพวยพุ่งออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นมาจากด้านในของเกาะยักษ์แห่งนั้น

“อะไรกัน คาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ามาบุกเกาะทุกขวิญญาณ?”

เมื่อสิ้นเสียงนั้น ก็มีเสียงคำรามดังลั่นขึ้นมาจากเกาะ มังกรสามหัวสีดำที่มีขนาดมากกว่าร้อยจั้งก็ปรากฏขึ้นมา พร้อมพุ่งมาในทิศทางนี้

บนหัวของมังกรตัวนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใบหน้าดุร้าย ดวงตาที่สองข้างเป็นสีม่วงอ่อน สวมชุดคลุมสีดำ

“หานลี่ เป็นเจ้านั่นเอง เจ้าเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลังจากที่ชายหนุ่มเห็นหน้าของหานลี่ เขาก็ถามขึ้นด้วยความเย็นชาทันที

ผู้ที่มาใหม่นั้นคือ หยวนเหยี่ยน หนึ่งในสามผู้สร้างแห่งเผ่ามาร

“ทำไมหรือ หรือว่าข้าน้อยมาที่นี่ไม่ได้?” หานลี่เองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก กลางฝ่ามือของเขาก็ยังร่ายคาถาไม่หยุด พร้อมตอบกลับเสียงเรียบ

“เหอะ สหายหานไม่อยู่ในโลกมนุษย์ดีๆ กลับมาที่เกาะทุกขวิญญาณทำไม ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับมหาเมธีแล้วไม่ใช่หรือ บ่อชำระวิญญาณไม่สามารถได้อีกแล้ว” หยวนเหยี่ยนมองไปที่นักพรตเซี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังของหานลี่ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่ขวดยักษ์และเขตอาคมแห่งแสง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงมืดครึ้ม

“สหายหยวนไม่ต้องกังวลใจไป ข้าไม่ได้สนใจบ่อชำระวิญญาณเลย ครั้งนี้ข้ามาเพื่อตามหาของสิ่งอื่นต่างหาก หากหาเจอแล้วจะจากไปทันที” หานลี่พูดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“หาของอะไรกัน?”

“เรื่องนี้พี่หยวนไม่ต้องถามหรอก” หานลี่ตอบขึ้นเสียงเรียบ

ทันทีที่เขาพูดจบ

เขาก็สะบัดมือออกมา เคล็ดวิชาสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปเขตอาคมแสง จากนั้นลำแสงหมึกสีเขียวก็พุ่งออกมาจากขวดยักษ์ใบนั้น พร้อมพุ่งหายไปในกลีบเมฆ

เมื่อหยวนเหยี่ยนเห็นดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปขวางแต่อย่างใด ใบหน้าของเขาขุ่นมัวขึ้นเท่านั้น

แม้ว่าเรื่องที่หานลี่ฆ่าเซียนผู้นั้นยังไม่ได้แพร่มาถึงแดนมาร แต่ในตอนนั้นที่เขาฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่กับเป่าฮวา ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวหานลี่มากแล้ว

นอกจากนี้สถานที่อย่างเกาะทุกขวิญญาณ ก็มีปราณมารน้อยอยู่แล้ว กลับมีพลังต้านเผ่ามารมากกว่า หยวนเหยี่ยนจึงไม่เต็มใจที่จะสู้กับหานลี่ที่นี่ และแน่นอนว่าเพราะนักพรตเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับหานลี่

ดังนั้นหลังจากที่เขาครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็มายืนมองอยู่ข้างๆ หานลี่อย่างเย็นชา

“เอ๋ ตำแหน่งมาอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”

หานลี่หลับตาแล้วสัมผัสมันเพียงครู่หนึ่ง เขาก็สัมผัสมันได้ทันที หลังจากที่เขาสะบัดเสื้อเพื่อเก็บธงและขวดใบนั้นแล้ว เขากับนักพรตเซี่ยก็กลายร่างเป็นสายรุ้งสองสายแล้วพุ่งตรงออกไปทันที

เมื่อหยวนเหยี่ยนเห็นดังนั้นก็รีบตามไปทันทีอย่างไม่ลังเล

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท