ตอนที่ 1156 ประกาศหัวข้อการประชุม
หลังจากเฉินช่าวเย่เดินเข้าไปในห้องประชุมเขาก็ถูกพาไปนั่งตามจุดที่จัดไว้ทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว ที่นั่งของเฉินช่าวเย่นั้นอยู่ถัดไปจากตวนเจียงเหว่ย ซึ่งทั้งแถวนั้นมีแต่ระดับพลเอก และสาเหตุที่เฉินช่าวเย่ถูกพามานั่งตรงนี้ก็เพราะว่าเขามาในฐานะตัวแทนจากเขี้ยวหมาป่า
ชื่อของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและตำแหน่งในยุคโลกาวินาศนั้นชัดเจนในตัวเองอยู่แแล้ว!
หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่แล้วเรียบร้อยสายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังจุดที่เฉินช่าวเย่อยู่ เสียงกระซิบนินทาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบ
ไม่มีใครไม่เข้าร่วมการประชุมที่สำคัญขนาดนี้และยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่จะส่งผู้ใต้บังคับบัญชามาเข้าร่วมการประชุมแทนดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นว่าที่นั่งของชูฮันมีเฉินช่าวเย่นั่งอยู่ มันจึงทำให้ทุกคนมีความคิดในหัวมากมายผุดขึ้นมา
ชูฮันสุดยอดมาก! แม้แต่ตระกูลลึกลับยังต้องมาเข้าร่วมการประชุมแต่ชูฮันกลับกล้าที่จะไม่มา?
ไม่เคยมีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้!
ตวนเจียงเหว่ยที่รู้อยู่แล้วผ่านจากรายงานของหลูชูซเวว่าชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าประกอบกับเมื่อเห็นเฉินช่าวเย่ปรากฏตัว ตวนเจียงเหว่ยจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวลเกี่ยวกับชูฮัน
ชูฮันผู้ชายคนนี้ยังไม่กลับมาจากท่าเรือหนานช้าอีกเหรอ? เขาไปทำอะไรกัน?
แม่ง!พวกนี้ก็ช่างเลือกเวลาได้เหมาะสมจริงๆ!
ไม่ยากที่จะเดาเลยว่าหลังจากการประชุมนี้ชื่อของชูฮันจะถูกนำออกไปวิจารณ์กันอย่างสนุกปากในที่สาธารณะอีกครั้งอย่างแน่นอน
หัวหน้าของนายยังไม่กลับมาจริงๆเหรอ? ตวนเจียงเหว่ยกระซิบถามข้างหูเฉินช่าวเย่
ตวนเจียงเหว่ยคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นแผนการของชูฮันเพราะต่อให้ชูฮันจะไม่ได้อยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าจริงๆ แต่เขาก็น่าจะได้ยินเรื่องราวและรีบเดินทางกลับมา อีกไม่นานก็คงปรากฏตัวขึ้นแล้ว?
น่าเสียดายที่…ไม่!
ชูฮันไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเลยจนกระทั่งการประชุมเริ่มต้นขึ้นแล้วเป็นอีกครั้งที่ตวนเจียงเหว่ยเดาความคิดของชูฮันไม่ถูกต้อง…หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ?!
เฉินช่าวเย่ไม่รู้เลยว่าตัวเขากำลังถูกทุกคนพูดถึงอยู่เขาเพียงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง หัวหน้าไม่ได้กลับมาจริงๆ และเพื่อที่จะคัดเลือกคนที่เข้าร่วมการประชุมแทน สมาชิกหลักทั้งหมดของเขี้ยวหมาป่าเกือบจะทะเลาะกัน!
ตวนเจียงเหว่ยขมวดคิ้วเข้าหากันและเสียทิศทางของการให้เหตุผลกับเรื่องที่ได้ยินอย่างสิ้นเชิง
ขณะนี้ในห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ส่วนสมาชิกหลักของซางจิงก็ทยอยเดินเข้ามาทีละคนและนั่งลงที่เวทีด้านหน้าด้วยท่าทีนิ่งๆ เสื้อผ้าดูพิถีพิถันอย่างมาก มีเครื่องแบบเต็มยศ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมที่กำลังพูดถึงชูฮันและเฉินช่าวเย่อยู่ชะงักเล็กน้อย
มีจุดน่าสังเกตเนื่องจากมีชั้นลอยด้านบนที่ถูกแยกไว้เป็นพิเศษภายในห้องประชุม มีผ้าบางๆปิดกั้นเอาไว้เหมือนผ้าม่าน ความหรูหราจาากการตกแต่งทุกอย่างนั้นเด่นชัดออกมา แตกต่างจากการตกแต่งทั้งห้องประชุมอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครตั้งคำถามกับชั้นลอยที่โผล่ขึ้นมานี้
เพราะทุกคนรู้ว่าที่ตรงนั้นมันถูกจองเอาไว้สำหรับสมาชิกของตระกูลลึกลับ
และท่ามกลางเสียงดังของการประชุมมันก็มีเงาปรากฏขึ้นที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง เสียงดังภายในห้องประชุมลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งจากนั้นสายตาของหลายคนก็จับจ้องไปที่ห้องส่วนชั้นสอง และเนื่องจากมีผ้าม่านบดบังอยู่ทำให้ทุกคนเห็นเพียงแค่เงาเคลื่อนไหว แต่ไม่เห็นโครงร่างที่เจาะจง จึงไม่สามารถถเดาได้เลยว่าด้านหลังผ้าม่านนั้นทั้งสามคนจากสามตระกูลลึกลับเป็นใครบ้าง
หลังจากการมาถึงของสมาชิกจากทั้งสามตระกูลลึกลับเสียงพูดคุยก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆจนไม่นานมันก็เข้าสู่ความเงียบสนิท
สมาชิกหลักของซางจิงรีบเข้าสู่การเปิดการประชุมอย่างทันทีผู้บัญชาการมู๋เป็นคนแรกที่เปิดการพูดขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลังจากคำกล่าวเปิดการประชุมอันยาวนานผู้บัญชาการมู๋ก็หยุดและเริ่มเข้าสู่หัวข้อหลัก ครั้งนี้พวกคุณทั้งหลายได้รับเชิญให้มาร่วมกันปรึกษาหารือเกี่ยวกับการโจมตีค่ายของลูกผสม หลังจากนี้จะเป็นการอบรมและศึกษากลยุทธ์กัน!
ฮือฮา ~
จากที่เงียบๆมันก็มีเสียงร้องอุทานตกใจของทุกคนดังก้องขึ้นมาพร้อมกันทุกคนต่างตะลึงงันกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพลเอก พลโท พลตรีและผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหลายที่เป็นผู้นำของค่ายต่างๆเพราะเวลาพวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมการประชุมมันถึงดูจริงจังและลึกลับมากขนาดนี้
เพราะพวกเขาต้องทำศึกครั้งใหญ่!
ในโลกที่สวยงามใบนี้ในยุคโลกาวินาศที่มีแต่ความไม่แน่นอน ซางจิงได้ทำการตัดสินใจที่น่าทึ่งและถึงตายในช่วงเวลาที่มีแต่การใช้ความรุนแรง
โจมตีค่ายลูกผสม!
มันไม่ใช่การต่อสู้เล็กๆไม่ใช่การทำสงครามกับซอมบี้ แต่เป็นการที่ทุกค่ายเข้าร่วมการฝึกด้วยกัน ร่วมมือด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อกำจัดลูกผสมให้หมดไปจากแผ่นดินจีน!
นี้เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ริเริ่มที่จะเปิดการต่อสู้ก่อนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เกิดการปะทุของโลกาวินาศ! ตั้งแต่การปะทุมันมีซอมบี้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง ลูกผสมก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆและผลักดันมนุษย์จนอยู่ในจุดที่ทุกคนทนไม่ไหวและต้องลุกขึ้นสู้
พวกเขาต้องตอบโต้กลับบ้างพวกเขาต้องปะทะจุดที่เป็นสาเหตุหลักของทุกอย่างให้ตรงจุด!
ภายใต้การตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ค่ายทั้งหลายจะไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบุขอีกต่อไป ทุกคนต้องปล่อยวางความคับแค้นใจลง เหล่าผู้นำทั้งหลายที่ไม่ลงรอยกันจะต้องหันหน้าเข้าหากัน จับมือและพูดคุยกัน ในการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบนี้ ไม่มีใครสามารถอยู่ตรงกลางหรือทำเฉยได้อีกต่อไป!
ในแถวที่นั่งของพลเอกทั้ง13 คน ยกเว้นแต่เฉินช่าวเย่ ตอนที่ผู้บัญชาการมู๋โพล่งความคิดนี้ออกมา พลเอกทุกคนต่างลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพียง อาการตกใจบนใบหน้าของทุกคนไม่ใช่ของปลอม พวกเขาตกใจกันจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ ไม่มีใครคิดว่าซางจิงจะตัดสินใจเช่นนี้!
ให้ทุกคนร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวเพื่อโจมตีค่ายลูกผสม?
แค่ได้ยินไอเดียนี้ทุกคนก็ตื่นเต้นจนขนลุกแล้ว!
ในบรรดาที่นั่งทั้งแถวมีเพียงแค่เฉินช่าวเย่ที่ไม่ได้ลุกขึ้น แถมยังมองไปที่พลเอกคนอื่นที่ลุกขึ้นยืนด้วยสายตาไม่เข้าใจอีกต่างหาก จนสุดท้ายเฉินช่าวเย่ก็ต้องทบทวนกับตัวเองว่าถ้าเป็นหัวหน้าชูฮันของเขา หัวหน้าจะอย่างไร หัวหน้าจะลุกขึ้นยืนหรือนั่งเหมือนเขาในตอนนี้
หลังจากที่พลเอกทั้งสิบสามคนตะลึงอยู่พักใหญ่ภายในห้องประชุมก็เริ่มระเบิดเสียงพูดคุยดังระงมไปทั่วด้วยความแตกตื่นของทุกคน
พลเอกหลายคนเริ่มเข้าหาพูดคุยกับพลเอกที่อยู่ข้างๆ อย่างเหวินชี่เชิงแห่งค่ายซือฉวนนั้นดีใจอย่างมาก พวกเราถูกพวกมันทำร้ายมาตลอดหลายปี! ในที่สุดมันก็ถึงเวลาตอบโต้แล้ว!
แม้แต่พลเอกฉางกวนหลงที่มักไม่มีใครกล้าเข้าหายังถูกพลเอกข้างๆชวนคุย พลเอกฉางกวรหลง แม้ว่าท่านจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่ผมยังเชื่อในฝีมือของท่าน อีกอย่างครั้งนี้พวกเราทุกคนร่วมมืด้วยกันทั้งหมด!
ใช่แล้ว!พลเอกฉางกวนหลง ครั้งล่าสุดนั้น ท่านไม่ไว้หน้าพวกเรากันเลยนะ!
เอาน่า!เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอาเรื่องเก่ามาพูดในวันสำคัญเช่นนี้เลยน่า?
ตวนเจียงเหว่ยเป็นคนเดียวที่ไม่มีส่วนร่วมในความตื่นเต้นอย่างเช่นพลเอกอีกสิบสองคนไม่ใช่ว่าพลเอกคนอื่นๆไม่ให้ความสนใจหรือคิดจะชวนตวนเจียงเหว่ยพูดคุย แต่หลักๆเพราะตวนเจียงเหว่ยนั้นเด็กเกินไป ในขณะที่พลเอกคนอื่นนั้นมีอายุมากกว่าตวนเจียงเหว่ยอย่างน้อยสิบปี อีกทั้งเรื่องราวที่ได้ยินมันทำให้พวกเขาตกใจจนแสดงอาการดีใจออกมาอย่างกระทันหัน ความตื่นเต้นที่พุ่งพร่านทำให้แต่ละคนลืมไม่ได้ทันให้ความสนใจกับตวนเจียงเหว่ย
ดังนั้นตวนเจียงเหว่ยที่ถูกทิ้งจากกลุ่มพลเอกจึงทำได้แคค่หันหน้ากลับมามองเฉินช่าวเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
อะไรกัน?
คนทั้งห้องประชุมแทบจะกระโดดโลดเต้นกันด้วยความดีอกดีใจแต่เฉินช่าวเย่กลับนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย!