Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1152 ไล่ฆ่าซอมบี้

ตอนที่ 1152 ไล่ฆ่าซอมบี้

ตอนที่ 1152 ไล่ฆ่าซอมบี้

  กลับไปที่ตวนเจียงเหว่ยซึ่งขณะนี้ได้กลับไปที่ค่ายตวนแล้วในสายของวันหนึ่ง…มีเฮลิคอปเตอร์บินมาเพื่อนำส่งจดหมายลับอย่างฉุกเฉิน มันดูเป็นจดหมายธรรมดาที่เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษแต่คนที่นำส่งจำเป็นต้องทำหน้าส่งมอบให้ถึงมือตวนเจียงเหว่ยกับมือเท่านั้น

  ตวนเจียงเหว่ยรับจดหมายลับมาไว้และมองผู้นำส่งสารซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าอย่างข้องใจ

  คนนำส่งสารยิ้มและพูดขึ้น ครับ เนื้อหาเฉพาะจะชี้แจ้งได้ก็ต่อเมื่อท่านเดินทางไปยังซางจิง กรุณาเข้าใจสถานการณ์ด้วยครับ 

  ตวนเจียงเหว่ยเหล่ตามอง พลเอกทั้งหมด 14 คนต้องไปปรากฏตัวพร้อมกัน? 

  หลังจากค่ายจินหยางถูกทำลายล้างไปโดยคนบ้าระห่ำคนหนึ่งพลเอกที่เหลืออยู่ในโลกาวินาศก็ถูกลดจำนวนลงเหลือ 14 คน แม้ว่ามันจะยังมีที่ว่างให้มีการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาก็จริง แต่เนื่องสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องทำให้การแต่งตั้งพลเอกขึ้นมาเพิ่มจึงถูกระงับเอาไว้ก่อนจนล่าช้าไปไกล

   ใช่ครับ ผู้ส่งสารตอบรับ  ไม่เพียงแค่นั้นครับ แต่พวกค่ายขนาดเล็กทั้งหลายที่ไม่มีค่ายขนาดใหญ่คอยดูแล แต่ผู้นำค่ายเล็กๆเหล่านี้นี้ก็จะมาร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน ตามกำหนดการที่ซางจิงได้กำหนดไว้คือทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่ซางจิงภายใน 15 วันหลังจากวันนี้ครับ 

  นัยน์ตาของตวนเจียงเหว่ยหดวูบด้วยความสงสัย อะไรคือไม่มีค่ายขนาดใหญ่ดูแล? 

   โอ้อันนั้น…  ผู้ส่งสารยิ้มและเอ่ยตอบ  เหมือนกับค่ายขนาดเล็กๆที่อยู่รอบๆค่ายตวนของท่านพลเอก พวกเขาขึ้นตรงกับท่านรึเปล่าครับ? ถ้าอย่างนั้นผู้คุมของค่ายพวกนั้นก็คือหัวหน้าค่ายครับ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพลตรีหรือพลโท พวกเขาจำเป็นต้องได้รับคำเชิญ อีกตัวอย่างที่คล้ายกันก็คือค่ายหลูอี๋ที่อยู่ในบริเวณของค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ต้องได้รับการเชิญเหมือนกันครับ 

  นี้มันเรื่องวุ่นวายอะไรกันมันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงต้องระแวงตัวกันแจขนาดนี้?

  สบสายตาที่เต็มไปด้วยความข้องใจของตวนเจียงเหว่ยผู้ส่งสารก็หยิบหมวกขึ้นมาสวม จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และลุกขึ้นยืน  ถ้าเช่นนั้นผมขอลาละครับ หวังว่าท่านพลเอกจะมาถึงซางจิงตรงเวลา! 

  มองดูผู้ส่งสารที่เดินจากไปตวนเจียงเหว่ยก็เรียกหลูชูซเวเข้ามาพบเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมายังค่ายตวน

   ค่ะท่าน  หลูชูซเวแสดงความเคารพต่อตวนเจียงเหว่ยทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง

   รีบเดินทางไปค่ายเขี้ยวหมาป่าเดี๋ยวนี้และถามว่าชูฮันกลับมาแล้วรึยังถ้าเขากลับมาแล้ว ส่งจดหมายนี้ให้เขาซะ  ตวนเจียงเหว่ยพูดพร้อมกับหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษและยัดลงไปในจดหมายส่งให้หลูชูซเว แถมยังไม่วายทิ้งท้ายด้วยความระแวง  และบอกเขาว่าเขาต้องอ่านจดหมายนี้ อย่าฉีกทิ้งอีก! 

  ความทรงจำของการสื่อสารครั้งสุดท้ายนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในหัวตวนเจียงเหว่ยเขาเคยส่งจดหมายไปยังชูฮันและรอการตอบกลับ แต่ไม่คิดเลยว่าชูฮันไม่แม้แต่จะเปิดอ่านด้วยซ้ำ แถมยังฉีกมันทิ้งทันทีต่อหน้าคนนำส่ง

  แม้ว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่ตวนเจียงเหว่ยก็ยังคงไม่พอใจเรื่องนี้อยู่และครั้งนี้เขาตกหลุมของชูฮันทำให้เดินทางไปยังท่าเรือหนานช้า แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นที่ตึงเครียด พวกเขาเลยตัดสินใจร่วมมือกัน ตวนเจียงเหว่ยรู้ดีแก่ใจว่าหลังจากนี้เขาจะต้องหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับชูฮันก่อนเอง

  เพราะในเมื่อคนฉลาดทั้งสองคนมีเป้าหมายเดียวกันมันก็ไม่มีสาเหตุที่จะปฏิเสธการร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน!

  หลูชูซเวรับจดหมายและจ้องหน้าตวนเจียงเหว่ยอย่างสงสัย  ท่านพลเอกพึ่งพูดว่าอะไรนะ?ชูฮันกลับมาแล้วรึยัง? ท่านพลเอกรู้ได้ยังไงว่าชูฮันไปจากค่ายเขี้ยวหมาป่า? หรือว่าก่อนหน้านี้ท่านพลเอกได้ไปค่ายเขี้ยวหมาป่าโดยที่เธอไม่รู้? แล้วท่านพลเอกได้เจอกับชูฮันรึเปล่า?

  หลังจากที่มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกันจนแทบระเบิดหลูชูซเวก็ตัดสินใจถามออกมาคำถามเดียว  ท่านพลเอกชูฮันอยู่ที่ไหนคะ? 

  ตวนเจียงเหว่ยมองไปที่ปฏิทินซึ่งอยู่บนกำแพงและนิ่วหน้า ไม่ต้องพูดหรือถามอะไรทั้งนั้น แค่เอาจดหมายไปส่งอย่างปลอดภัยก็พอ 

  ชูฮันควรจะกลับมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าได้แล้วเพราะนี้มันก็ผ่านมาได้หลายวันแล้วหลังจากที่การประเมิณเสาหินพิเศษที่ท่าเรือหนานช้าจบลง ดังนั้นเวลานี้ชูฮันน่าจะกลับไปถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้ว…ไม่อย่างนั้นเขาจะไปไหน?

  ขณะเดียวกันนั้นเองค่ายขนาดใหญ่ทั้งสิบกว่าค่ายอย่างเช่นค่ายหนานตู้ ค่ายซือฉวน เช่นเดียวกับค่ายขนาดเล็กทั้งหลายก็ได้รับจดหมายเข้าลับแบบเดียวกับที่ตวนเจียงเหว่ยได้รับ จดหมายทุกฉบับต่างถูกส่งมอบถึงมือของผู้นำค่ายตามระเบียบการเคร่งครัด

  แถมยังกล้าออกคำสั่งกรายๆว่าต้องไปร่วมการประชุมเช่นเดียวกับที่บอกว่ามันเป็นการประชุมลับที่ไม่สามารถบอกได้แม้แต่หัวข้อและซางจิงจะจัดการประชุมนี้ขึ้นหลังจากนี้อีก 15 วันเพื่อที่จะให้ผู้เข้าร่วมทุกคนได้มีโอกาสมาเข้าร่วม

  แต่ในขณะที่การจัดการประชุมนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและในตอนที่ทุกอย่างดูปกติดีผู้ส่งสารกลับยังคงติดอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าและเจอกับอุปสรรค

   สวัสดี เหอเฟิงที่ได้รับข้อมูล เดินทางมาพบกับผู้ส่งสาร  ได้ยินมาว่าคุณมาจากซางจิง? 

   ครับ ผู้ส่งสารไม่มีการถ่อมตัวใดๆแต่กลับหยิบตราที่แสดงตัวตนออกมา จากนั้นก็ตรงเข้าประเด็นทันที  นี้เป็นเรื่องสำคัญ ผมต้องพบกับท่านพลเอกชูฮันด้วยตัวเองเท่านั้น 

  เหอเฟิงได้เห็นตราตรงหน้าเป็นครั้งแรกมันเป็นตราของสมาชิกผู้ก่อตั้งซางจิงขึ้นมาเพื่อแสดงถึงอำนาจสูงสุดของตัวเอง ตรานี้ถูกมอบมาเพื่อสื่อถึงความสำคัญของจดหมา!

  ดังนั้นเหอเฟิงจึงไม่กล้าจะต่อต้านผู้ส่งสารและรีบพูดขึ้นทันที ขออภัย แต่ตอนนี้พลเอกชูฮันไม่ได้อยู่ที่ค่าย 

   อะไรนะ? ผู้ส่งสารไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ สีหน้าเริ่มมีความกังวล  แล้วท่านจะกลับมาเมื่อไหร่? 

   เรื่องนี้… เหอเฟิงชะงักไป  ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน 

  ผู้ส่งสารเริ่มร้อนใจและวิตกกังวลมากกว่าเดิม ท่านพลเอกของนายออกไปจากค่าย แต่เขาจะกลับมาตอนไหนพวกนายกลับไม่รู้? ส่งข่าวไปแจ้งให้เขากลับมาให้เร็วที่สุด ฉันจำเป็นต้องเขาอย่างเร็วที่สุด! นี้เป็นเรื่องจริงจังมาก ฉันต้องคุยกับท่านพลเอกโดยตรงเท่านั้น! 

  เหอเฟิงก็รู้ดีตั้งแต่ที่มีการนำตราสมาชิกผู้ก่อตั้งซางจิงออกมาแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้จริงจังและตึงเครียดมากแค่ไหนและก็เข้าใจดีว่าเรื่องนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจหรือดำเนินการแทนได้ดังนั้นเขาจึงได้แต่ขอโทษอีกฝ่ายไปเท่านั้น  ต้องขออภัยจริงๆ ท่านพลเอกชูฮันบอกว่าท่านออกไปฆ่าซอมบี้ ไม่มีช่องทางการติดต่อ พวกเราไม่สามารถตามหาตัวท่านได้ 

   ฆ่าซอมบี้? ผู้ส่งสารตะลึง  ปกติท่านพลเอกของพวกคุณชอบไล่ฆ่าซอมบี้เองงั้นเหรอ? โดยไม่พาใครไป? แล้วจะทำยังไงถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา? 

  ความหมายของผู้ส่งสารก็คือเขาไม่เชื่อที่เหอเฟิงบอก!

  เหอเฟิงใช้น้ำเสียงจริงจังแสดงให้เห็นถึงความจริง ฉันพูดจริง พวกเราเป็นคนดังที่มีรายชื่อบนอันดับเสาหิน จำเป็นต้องให้บอกมากกว่านี้มั้ยว่าพลังการต่อสู้มีมากเท่าไหร่?ส่วนเรื่องการไล่ฆ่าซอมบี้เล่นนั้นไม่มีสามารถหยุดท่านพลเอกได้ และท่านพลเอกเคยบอกไว้ว่าในเมื่อตอนนี้ค่ายกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ดังนั้นท่านพลเอกไม่จำเป็นต้องบริหารใดๆและตอนนี้มันก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ใหญ่อะไรเกิดขึ้น หลังจากนี้ท่านพลเอกจะกลับมาเองหลังจากไล่ฆ่าซอมบี้ได้สักสองสามเมือง และการฆ่าซอมบี้ก็เพื่อผลประโยชน์ให้กับชาวจีนทุกคน! 

  ผู้ส่งสารตะลึงงันพูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่เลียริมฝีปากที่แห้งเผือด แม้แต่จะต่อว่าก็ยังนึกคำพูดไม่ออก

  แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อ?…

  ชูฮันออกไปไล่ฆ่าซอมบี้เพื่อผลประโยชน์ของผู้คนและประเทศชาติแล้วถ้าเขาเผลอพูดอะไรไม่ถูกต้องออกไป แบบนี้จะไม่เท่ากับว่าเขาผลักตัวเองเข้ากองไฟรึไง?

  ในยุคโลกาวินาศมันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าการกำจัดซอมบี้อีก?

  ก็คงไม่มี!   ดังนั้นผู้ส่งสารจึงทำได้แค่ทำหน้าตาอึมครึมขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไป การติดต่อชูฮันไม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาทำได้แค่กลับไปยังซางจิงเพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดที่ได้เจอมา

  ไม่เพียงแค่เป็นพลเอกแล้วแต่ชูฮันยังมีชื่อเสียงในเรื่องกองทัพเขี้ยวหมาป่าของตัวเองอีก ชื่อของพลเอกชูฮันอยู่ในรายชื่อของสมาชิกผู้ก่อตั้งที่จะต้องเข้าการประชุม!

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท