เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดใจเต้นไม่ได้!
เขาเงยหน้าขึ้นถามอย่างระมัดระวัง “หัวหน้า? มีปัญหาตรงไหนหรือครับ?”
เหล่าเฉินขมวดคิ้วมองเฉินชาง ไม่รู้ว่ากำลังพิจารณาปัญหาลึกซึ้งอะไรอยู่
นี่ทำให้เฉินชางรู้สึกหวาดระแวงยิ่งขึ้น!
นี่ฉันลืมผ้าก๊อซไว้เหรอ? หรือตัดอะไรผิดไป?
ไม่มีมั้ง!
แต่ว่า ถูกเฉินปิ่งเซิงใช้สายตา…ซับซ้อนจ้องมองเช่นนี้ เฉินชางเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
เมื่อส่งผู้ป่วยออกจากห้องผ่าตัด ฉินเล่อเล่อพลันกล่าวชื่นชมทันที “ยอดไปเลยค่ะ หมอเสี่ยวเฉิน ด้วยระดับของคุณ อีกไม่นานคงเท่าเหล่าเฉินแล้ว!”
เฉินชางเข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที!
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
เหล่าเฉินรู้สึกว่าตนเป็นตัวอันตรายแล้ว
คงเป็นแบบนี้สินะ
เหมือนสิงโตตัวผู้ที่รู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองในสายตาสิงโตตัวเมียไม่มั่นคงพอ รู้สึกได้ถึงอันตรายที่จะถูกรุ่นใหม่แทนที่!
จะต้องเป็นเพราะฉันเติบโตเร็วเกินไปแน่ๆ
เหล่าเฉินคงรู้สึกว่ารัศมีจักรพรรดิแห่งการผ่าตัดไส้ติ่งในแผนกฉุกเฉินของตัวเองกำลังจะถูกทำลาย จะต้องเป็นแบบนี้แน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ตบลงบนกล้ามเนื้อส่วนไบเซบ[1]ของเหล่าเฉินอย่างเข้าใจ พูดอย่างลึกล้ำแฝงความหมาย “เหล่าเฉิน คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า เด็กรุ่นใหม่เก่งขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเรื่องปกติ อย่าคิดมากเลยครับ!”
“ความจริงคุณทำการผ่าตัดไส้ติ่งได้ดีมาก ฉายาจักรพรรดิแห่งการผ่าตัดไส้ติ่งในแผนกฉุกเฉินของพวกเรายังเป็นของคุณ ผมไม่ต้องการหรอก คุณอย่าเสียใจเลย รีบไปล้างมือเถอะ เดี๋ยวยังมีผ่าตัดอีกเคสนะครับ”
พูดจบเฉินชางก็ถอนใจด้วยท่าทางเศร้าสร้อย คล้ายจะโศกเศร้ากับสถานการณ์ของอีกฝ่าย
เฉินปิ่งเซิงถึงกับชะงักไป!
แม้แต่ฉินเล่อเล่อก็ยังหัวเราะ
หลิวเจี้ยนเดินออกมาเห็นก็ต้องเหวอไปเหมือนกัน
ผ่านไปสามวินาที ในห้องผ่าตัดพลันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ดูแล้วอนาถจนทนมองไม่ไหว
ถ้าไม่ใช่เพราะห้องผ่าตัดกันเสียงได้ดี หญิงคลอดยากห้องข้างๆ คงไม่ต้องลำบากดิ้นรนขนาดนี้ ไม่แน่ว่าเด็กในท้องอาจโผล่พรวดออกมาเลยก็ได้…
เฉินปิ่งเซิงมองไปยังเฉินชางราวกับคิดอะไรบางอย่าง ผ่านไปครึ่งค่อนวันจึงค่อยพูดออกมา “ถ้าหนังส่วนท้องของผู้ป่วยเมื่อกี้หนาเท่าหน้าของคุณ ผมรับประกันเลยว่าต้องใช้มีดผ่าตัดเฉือนไม่ได้แน่”
ฉินเล่อเล่อยิ้ม “โธ่หมอเฉิน หมอเสี่ยวเฉินทำได้ไม่เลวเลย คุณควรชมเขามากๆ หน่อยนะคะ”
เฉินปิ่งเซิงหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นว่า “เด็กคนนี้ยังต้องให้ชมอีกหรือครับ? เดี๋ยวหางก็ชี้ขึ้นฟ้ากันหมด ผมดึงลงมาไม่ไหวหรอกนะครับ!”
เมื่อเฉินปิ่งเซิงหัวเราะเสร็จก็พยักหน้า “ไม่เลวจริงๆ เรื่องรายละเอียดต่างๆ เริ่มมั่นใจได้แล้ว หายากจริงๆ นะครับ แต่ยังมีบางจุดที่ควรคิดให้รอบคอบ เช่นผู้ป่วยคนเมื่อกี้ ควรดูเรื่องขั้นตอนการจัดการกับไส้ติ่ง เทคนิคการมัดเส้นเลือด แล้วยังมี…”
“แต่ก็พอใช้ได้ ยังไงซะคุณก็เพิ่งผ่าตัดมาสามเคสเอง”
เมื่อพูดออกมา ขนาดเฉินปิ่งเซิงยังรู้สึกว่าตัวเองพูดจาเพ้อเจ้อ!
ผ่าตัดมาสามเคสจะมีฝีมือระดับนี้ได้หรือ?
ตอนตนผ่าตัดมาสามเคสยังมีฝีมือไม่ถึงระดับเฉินชางในตอนนี้เลย
เฉินชางกลับเข้าประเด็น รับคำแนะนำจากเหล่าเฉินอย่างถ่อมตัว ถึงอย่างไรคำแนะนำของเหล่าเฉินก็ตรงประเด็นและนำไปใช้ได้จริง ก่อนหน้านี้เขาอาจไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นแล้ว
“อีกอย่าง ตอนคุณเริ่มผ่าตัดไส้ติ่ง ท่าทางในการลงมีดและเรี่ยวแรงค่อนข้างดี มีพัฒนาการแล้ว คุณกลับไปดูวีดีโอที่อัดไว้ให้ดี แล้วมองปัญหาของตัวเองให้ออก”
เฉินชางพยักหน้าจากนั้นจึงเดินออกไปล้างมือ ในสมองย้อนคิดถึงคำแนะนำของเหล่าเฉินเมื่อครู่นี้ไม่หยุด
ความจริง ถ้าเปลี่ยนมุมมองตอนที่ผ่าไส้ติ่งได้ล่ะก็…บางทีอาจจะเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ก็ได้เฉินชางอดเอ่ยปากถามไม่ได้ “หัวหน้า ตอนนี้ระดับของผม ถ้าเทียบกับอายุแล้วเป็นยังไงบ้างหรือครับ?”
เฉินปิ่งเซิงลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “ด้อยกว่าผู้มีประสบการณ์ แต่ก็เก่งกว่ามือใหม่เล็กน้อย ยังไงซะคุณก็เพิ่งเริ่ม นับว่ามีศักยภาพดี เพิ่งผ่าตัดสามเคสก็ทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว หาได้ยากจริงๆ”
“แต่สภาพแวดล้อมต่างกัน การเติบโตก็ต่างกัน คนอื่นที่อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ด้านนอกนั่น ไม่ต้องพูดถึงที่อื่นไกลเลย ทางโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลนั่น แพทย์ดูแลไข้ปกติก็ผ่าตัดไส้ติ่งมาหลายร้อยเคสแล้ว ส่วนโรงพยาบาลใหญ่ๆ ที่เมืองเอกของมณฑล ไม่ต้องพูดถึงแพทย์เจ้าของไข้ที่มีอายุงานมากเหมือนผมเลย ขนาดแพทย์ดูแลไข้ที่ทำงานมาหลายปียังไม่ค่อยผ่าตัดไส้ติ่งกัน ส่วนใหญ่มอบให้หน้าใหม่ทำทั้งนั้น”
“ยังไงซะการผ่าตัดก็เป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญ แม้จะมีศักยภาพสูง แต่คนอื่นทำทั้งวันทั้งคืนแล้วยังเจอเคสต่างๆ มากกว่า ต้องมีระดับสูงกว่าอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ได้ผ่าตัดไส้ติ่งถึงพันหรือแปดร้อยเคสคงพูดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นศัลยแพทย์”
เฉินชางอึ้งไปเลย…
เอาละ
พวกคุณเก่งนี่
นี่คือความแตกต่างของโรงพยาบาลเล็กและโรงพยาบาลใหญ่ โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่มีคนมา การผ่าตัดจึงไม่ค่อยพัฒนา เมื่อมีการผ่าตัดไส้ติ่งเคสหนึ่ง กระทั่งผู้อำนวยการยังอยากลงมือผ่าตัดเอง
ส่วนเคสผ่าตัดไส้ติ่งที่โรงพยาบาลใหญ่ แพทย์ดูแลไข้ยังขี้เกียจทำ
การผ่าตัดเคสที่สองยังคงให้เฉินชางเป็นศัลยแพทย์หลัก เฉินปิ่งเซิงไม่ไปช่วยแล้ว ทำเพียงยืนดูเฉินชางอยู่ในห้อง คิดจะหาจุดบกพร่อง
ความจริงตอนนี้ เหล่าเฉินดีใจมากที่หาคนมีความสามารถแบบนี้พบ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ให้เฉินชางเป็นศัลยแพทย์หลัก นั่นเป็นเพราะไม่วางใจ ตอนนี้ดูแล้วตนคงคิดมากไป
เฉินชางมีพรสวรรค์ในการผ่าตัดมากจริงๆ
อืม เทียบกับตนแล้วยังมีพรสวรรค์กว่ามาก!
ถ้าพรสวรรค์ในการผ่าตัดไส้ติ่งของตนคือสาม อย่างมากพรสวรรค์ในการผ่าตัดไส้ติ่งของเฉินชางก็คือสามสิบ!
ยังมีระยะห่างกันอยู่บ้าง
การผ่าตัดเคสที่สี่ทำให้เฉินปิ่งเซิงพบว่าเฉินชางพัฒนาฝีมือในทุกเคสผ่าตัด
น่ายกย่องจริงๆ
โดยเฉพาะในด้านจิตใจและวิธีการที่ดูจะเชี่ยวชาญขึ้นมาก สำหรับศัลยแพทย์คนหนึ่ง นี่นับเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
ตอนนี้ยังไม่สาย รอให้เขาเข้าระบบอย่างเป็นทางการเสียก่อนค่อยหาโอกาสส่งเขาไปฝึกงานสักหน่อย มิฉะนั้นหากอยู่ในโรงพยาบาลเล็กๆ นานเกินไปคงเกิดคอมฟอร์ทโซนเอาง่ายๆ
ถึงอย่างไรเฉินชางก็ไม่เหมือนกับฉินเยว่และหวังเชียน พวกเขาสองคนเคยเห็นโลกกว้างที่โรงพยาบาลใหญ่มาแล้ว ค่อนข้างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ส่วนเฉินชาง เขาเดาว่าคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยเห็นคงเป็นตน ฝีมือยังค่อยๆ พัฒนาได้ แต่ทัศนวิสัยควรเปิดให้กว้างสักหน่อย
ให้เขาไปเห็นการผ่าตัดใหญ่มากๆ จะได้เรียนรู้ให้มาก
เฉินปิ่งเซิงจมอยู่ในความคิด การผ่าตัดของเฉินชางยังคงดำเนินไปอย่างเป็นระบบเรียบร้อย
พ่อแม่ทุกคนล้วนหวังให้ลูกๆ เติบโต
แม้เฉินชางไม่ใช่ลูกของเฉินปิ่งเซิง แต่เขาชอบหมอที่มีความจริงใจซื่อสัตย์และแฝงไปด้วยความซนนิดๆ คนนี้มาก เฉินชางติดตามตนมาสองปีกว่า ต่อให้จะลำบากเหนื่อยยากก็ไม่บ่นแม้แต่ประโยคเดียว
เฉินปิ่งเซิงก็มาจากชนบท ทำให้รู้ซึ้งว่ากว่าคนคนหนึ่งจะดิ้นรนออกมาได้ยากแค่ไหน
หากอยากเติบโต ย่อมต้องมีการเสียสละ
ชีวิตจะไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรสะดวกราบรื่น
หลังจากการผ่าตัดสิ้นสุดลง เฉินปิ่งเซิงก็พูดกับเฉินชางว่า “อีกเดี๋ยวคุณตามหัวหน้าแผนกอันไปดูการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องสักหน่อยนะครับ ผมไปก่อนละ”
จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือเดินออกมาจากห้องผ่าตัด พบว่ามีสายที่ยังไม่ได้รับสายหนึ่ง เปิดวีแชทออกอ่านตามความเคยชิน มีรายการแจ้งเตือนขึ้นชื่อว่า “ภรรยา”
ข้อความกล่าวว่า “วันนี้ฉันไม่กลับบ้าน มีประชุม คุณเลิกงานแล้วพาลูกไปเรียนพิเศษด้วยนะคะ”
เฉินปิ่งเซิงยิ้ม จากนั้นจึงปิดข้อความโดยไม่ได้พิมพ์ตอบ
บ้านนี้นี่นะ!
แทบจะไม่เหมือนครอบครัวแล้ว
…………….
[1] กล้ามเนื้อส่วนไบเซบ เป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญมัดหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ด้านหน้าของต้นแขน
Next