เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 100 ขอบคุณที่ส่งถุงน้ำดีมาให้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

สำหรับหวังหย่ง การผ่าตัดตลอดสองวันนี้เรียกได้ว่ามีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ เขาไม่เคยรู้สึกได้รับการเติมเต็มและได้พัฒนาความรู้เหมือนสองวันนี้มาก่อนเลย!

หวังหย่งผ่าตัดถุงน้ำดีเสร็จไปแล้วหนึ่งเคสโดยมีเฉินชางคอยช่วยเหลือ แม้จะไม่คล่องเช่นเฉินชาง แต่ก็ผ่าตัดสำเร็จได้อย่างราบรื่น

การผ่าตัดต้องฝึกฝนบ่อยๆ จึงจะเชี่ยวชาญ เฉินชางคล้ายกับมีตาวิเศษ มักพบจุดที่หวังหย่งยังทำไม่ดีพออยู่เสมอ

หมอที่ผ่าตัดถุงน้ำดีได้ ค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้นในแผนกฉุกเฉินแล้ว!

เมื่อมีหวังหย่งมาเข้าร่วมการผ่าตัด ทำให้งานดำเนินไปอย่างมีระบบระเบียบมากขึ้น การผ่าตัดสี่สิบกว่าเคสกำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ

ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดไปตามคิวจนเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึงวันพุธ ตอนนี้มีผู้ป่วยราวๆ สิบกว่าคนที่แอดมิทอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอผ่าตัดและฟื้นตัว ตอนนี้จู่ๆ ทุกคนก็รู้สึกว่า…ทำไมอยู่ดีๆ ผู้ป่วยเกี่ยวกับถุงน้ำดีถึงได้ลดน้อยลงล่ะ?

ในฐานะที่หลี่เป่าซานเป็นหัวหน้าแผนก เขารู้สึกราวกับใบหน้าเปล่งแสงได้ อย่างไรเสีย การมีเฉินชางและหวังหย่งอยู่ก็ทำให้แผนกฉุกเฉินมีหมอเก่งๆ เพิ่มขึ้นอีกสองคน! ทำให้ห้องผ่าตัดของแผนกฉุกเฉินเริ่มก้าวเข้าสู่ระดับสูง เข้าร่องเข้ารอยมากขึ้นแล้ว

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงวันพุธ การประชุมใหญ่ของโรงพยาบาลก็เริ่มขึ้น! หัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้องต่างพากันมาร่วมประชุม จางโหย่วฝูผู้เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปรอวันนี้มานานแล้ว!

การประชุมครั้งนี้จะเป็นการสรุปเรื่องต่างๆ ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุดของสัปดาห์ที่แล้วก็คือเรื่องที่แผนกฉุกเฉินได้รับห้องผ่าตัดใหม่

ตอนนี้หลี่เป่าซานกำลังกล่าวรายงานความก้าวหน้าของงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ที่แผนกได้รับห้องผ่าตัดใหม่มา

ทว่าในขณะที่รายงานอยู่นั้นเอง จู่ๆ จางโหย่วฝูก็กล่าวขัดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนสถานการณ์ที่หลี่เป่าซานรายงานจะไม่เป็นความจริงนะครับ!”

เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกคนรอบๆ ต่างพากันเงยหน้าขึ้น!

จางโหย่วฝูกล่าวว่า “เท่าที่ผมรู้ ตอนนี้ห้องผู้ป่วยของแผนกฉุกเฉินรับคนไข้เกินอัตรา ทรัพยากรในการกู้ชีพถูกใช้ไปจำนวนมาก หากใครไม่ทราบคงคิดว่าแผนกฉุกเฉินเป็นแผนกผู้ป่วยในแล้ว!”

หลี่เป่าซานกล่าวขึ้นบ้าง “ลักษณะการรักษาพยาบาลของแผนกฉุกเฉินมีความพิเศษของตัวมันเอง และที่แผนกก็มีทรัพยากรในการกู้ชีพเพียงพอ ทำให้รับหน้าที่ในการช่วยชีวิตได้ทั้งหมด ไม่ทราบว่าเรื่องที่หัวหน้าแผนกจางกล่าวถึงคือด้านใดหรือครับ”

จางโหย่วฝูเห็นหลี่เป่าซานค้านหัวชนฝาจึงคิดไปว่า ยังไม่ยอมรับสินะ? ดังนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างละเอียด “ผมได้ยินมาว่าแผนกฉุกเฉินรับผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีมาสี่สิบกว่าคน ในนั้นมีผู้ป่วยประเภทถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี…และโรคที่บ่งชี้ว่าต้องทำการผ่าตัดอื่นๆ อีก ผมพูดถูกหรือเปล่าครับ? ผู้ป่วยสี่สิบกว่าคนนี้รออยู่ในห้องพักผู้ป่วยของแผนกฉุกเฉิน แบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับการหมุนเวียนผู้ป่วยฉุกเฉินหรือครับ?”

หลี่เป่าซานชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนี้ห้องพักผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉินมีคนแค่สิบห้าคนนะ? มีผู้ป่วยแอดมิทมากขนาดนั้นที่ไหนกัน คนพวกนั้นออกจากโรงพยาบาลไปหมดแล้ว โอเคไหม…

หลี่เป่าซานพยักหน้า “ใช่ครับ! ผมกำลังจะรายงานพอดี หลายวันนี้ในแผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีเกือบสี่สิบคน แต่ว่า…ทุกคนได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมแล้วครับ”

จางโหย่วฝูเห็นหลี่เป่าซานพูดเช่นนี้จึงหัวเราะออกมาทันที “ในหมู่ผู้ป่วยเหล่านี้มีหลายคนที่ต้องผ่าตัดให้เสร็จภายในสามวัน หัวหน้าแผนกหลี่ ในฐานะที่คุณเป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉินควรเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าพวกเรานะครับ! ที่ผมอยากจะถามก็คือ แผนกฉุกเฉินมีความสามารถที่จะผ่าตัดสี่สิบกว่าเคสให้เสร็จภายในสามวันหรือ?”

“เท่าที่ผมรู้ หัวหน้าหลี่ยุ่งทุกวัน คุณต้องไปเข้าร่วมการผ่าตัดขนาดใหญ่อยู่บ่อยๆ ดังนั้นภายในแผนกฉุกเฉินจึงมีแค่เฉินปิ่งเซิงที่มีความสามารถมากพอที่จะผ่าตัดถุงน้ำดีได้ คนคนเดียวจะผ่าตัดได้สี่สิบกว่าเคสเลยหรือครับ?”

“ในเมื่อแผนกฉุกเฉินไม่มีความสามารถมากพอที่จะผ่าตัดสี่สิบเคสได้สำเร็จ แล้วทำไมถึงได้รับผู้ป่วยมากขนาดนั้นล่ะครับ? ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นผลดีต่อการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป ทั้งยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ป่วยด้วยนะครับ!”

“ดังนั้นผมคิดว่าแผนกฉุกเฉินจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็พอแล้ว รับผิดชอบงานรักษาพยาบาลฉุกเฉินไปให้ดีก็พอ ส่วนเรื่องการผ่าตัดก็มอบให้แผนกที่เกี่ยวข้องไปทำดีกว่า! และเรื่องห้องผ่าตัด ในเมื่อไม่ให้แผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกเรา ก็ควรมอบให้เป็นห้องผ่าตัดรวมนะครับ”

“ความหมายของผมก็คือ ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ห้องผ่าตัดกับแผนกฉุกเฉิน แต่มันยังไม่ถึงเวลา ผมคิดว่าควรรอให้แผนกฉุกเฉินตั้งทีมผ่าตัดของแผนกขึ้นมาให้ได้ก่อน พอถึงเวลาที่แผนกจัดการเรื่องนี้ได้ดี ค่อยมอบห้องผ่าตัดให้แผนกฉุกเฉินก็ได้นะครับ!”

หัวหน้าแผนกทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมเข้าใจแล้ว! พูดไปพูดมา สุดท้ายก็ต้องการแย่งห้องผ่าตัดนั่นเอง!

อย่าได้ดูถูกห้องผ่าตัดเป็นอันขาด สำหรับแผนกแผนกหนึ่ง ห้องผ่าตัดห้องหนึ่งสร้างกำไรได้อย่างน่ากลัว นี่เป็นสิ่งที่จะต้องแย่งชิงกัน!

จู่ๆ หลี่เป่าซานก็ยิ้มออกมา “ดูเหมือนหัวหน้าแผนกจางใส่ใจเรื่องความก้าวหน้าของแผนกพวกเรามากเลยนะครับ ผมทำตารางสรุปผลมาแล้ว นี่คือรายงานข้อมูลตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ที่แผนกฉุกเฉินได้รับห้องผ่าตัด!”

“ตั้งแต่ที่แผนกฉุกเฉินได้รับมอบห้องผ่าตัดมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และหากนับตั้งแต่จัดเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็จะเป็นเวลาสี่วัน พวกเราทำการผ่าตัดไปทั้งหมดหกสิบเจ็ดเคส ในนั้นมีการผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยการส่องกล้องสี่สิบห้าเคส การผ่าตัดไส้ติ่งห้าเคส การผ่าเย็บกล้ามเนื้อแปดเคส…”

เมื่อหลี่เป่าซานกล่าวรายงานออกมาทั้งหมด ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมก็อดตื่นตะลึงไม่ได้!

ผ่าตัดหกสิบเจ็ดเคสในสี่วัน!

ไม่ว่าจะเป็นแผนกไหน หากมีผลงานเช่นนี้ก็ดูถูกไม่ได้จริงๆ

เมื่อจางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาครั้งหนึ่ง “จะโม้ก็ช่วยทำให้มันเนียนหน่อยเถอะครับ? หัวหน้าแผนกหลี่ นี่คือการประชุมใหญ่ของโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาล้อเล่นได้ ตัวเลขนี้คุณทำไม่ได้แน่นอน! แผนกฉุกเฉินไม่มีความสามารถขนาดนี้แน่!”

หลี่เป่าซานยิ้มจางๆ ออกมา “การผ่าตัดทุกเคสมีบันทึกการผ่าตัดอยู่นะครับ ใช่แล้ว หัวหน้าแผนกจาง คุณอาจไม่เข้าใจแผนกฉุกเฉินของพวกเรามากนัก แผนกของพวกเรามีคนที่ผ่าตัดถุงน้ำดีได้ทั้งหมดสามคน ซึ่งในสามคนนี้มีเฉินปิ่งเซิงที่คุณพูดถึงอยู่ด้วย นอกจากเขาแล้วยังมีเพื่อนร่วมงานของพวกเราอีกสองคน คนหนึ่งก็คือเฉินชางที่เพิ่งจะได้รับบรรจุไป อีกคนก็คือหวังหย่ง”

“มีหมอสามคนแล้ว จะยังผ่าตัดสี่สิบกว่าเคสภายในสามวันไม่ได้อีกหรือครับ?”

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรามีผู้ป่วยเยอะมาก ไม่ใช่แค่สี่สิบเคสเท่านั้น ห้องผ่าตัดของพวกเราไม่เคยว่างเลย แต่ผมกลับได้ยินว่าตอนนี้ที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปมีผู้ป่วยไม่เยอะ แต่มีห้องผ่าตัดมาก หัวหน้าแผนกจาง ถ้าคุณต้องการ พวกเราร่วมมือกันก็ได้นะครับ”

เมื่อคำนี้ถูกกล่าวออกมา จางโหย่วฝูก็แทบจะกระอักเลือด!

เฉินชางผ่าตัดถุงน้ำดีได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่ใช่ไอ้หนุ่มที่เพิ่งเลื่อนขั้นหรือ? แล้วหวังหย่งนั่นเป็นใครกัน? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อคนพวกนี้มาก่อน?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางโหย่วฝูก็หน้าดำไปโดยพลัน เจ้าหนูต้วนปัว ทำไมถึงได้ผิดพลาดแบบนี้!

ยิ่งคิดจางโหย่วฝูก็ยิ่งโกรธ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในที่ประชุมใหญ่ของโรงพยาบาล แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! อีกอย่าง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำไมคนไข้ของอีกฝ่ายถึงได้มากมายขนาดนั้น!

ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนส่งไปหรือไง?

ทำไมฉันต้องส่งคนไข้ไปด้วย?

สมองของฉันถูกน้ำดีท่วมไปแล้วหรือ?

จางโหย่วฝูยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ!

เขารู้สึกราวกับเห็นหลี่เป่าซานกำลังไลฟ์สดพลางตะโกนออกมาว่า “ขอบคุณจางโหย่วฝู หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปที่ส่งผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมาให้! ไลก์เลย!”

เมื่อคิดถึงวิธีอันบ้าคลั่งของตัวเอง จางโหย่วฝูก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!

เขาสูดหายใจลึก…พยายามทำให้ตัวเองสงบลง

ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องประชุมก็คึกคักขึ้นมา!

แผนกฉุกเฉินเพิ่งได้รับมอบห้องผ่าตัดไปไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่าตัดไปได้หกสิบกว่าเคสแล้ว ตัวเลขนี้จะเวอร์เกินไปหรือเปล่า? ไม่ใช่แค่เรื่องที่ผ่าตัดได้มากขนาดนี้เท่านั้น แค่คุณคิดจะรวบรวมผู้ป่วยให้ได้มากขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

แต่ละคนอดชื่นชมไม่ได้ “หัวหน้าแผนกหลี่ ยอดไปเลยครับ!”

“ใช่แล้ว! แผนกฉุกเฉินที่มีหัวหน้าหลี่เป็นผู้นำจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน!”

“ใช่ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำได้หรือทำไม่ได้เลย แค่รวบรวมผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีได้มากขนาดนี้ภายในเวลาแค่ไม่กี่วันก็ไม่ง่ายแล้ว หัวหน้าหลี่ คุณต้องแบ่งปันประสบการณ์ให้ทุกคนฟังด้วยนะครับ!”

เมื่อจางโหย่วฝูได้ยินคำพูดนี้ อารมณ์ที่เพิ่งสงบไปก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง!

นั่นไม่ใช่ผู้ป่วยที่ฉันส่งไปหรือ? มิฉะนั้นคุณจะมีผู้ป่วยมากขนาดนี้ได้อย่างไร?

ที่มีผู้ป่วยมากขนาดนี้ล้วนเป็นเพราะความพยายามของหัวหน้าแผนกจางของพวกเราทั้งนั้น เป็นหัวหน้าแผนกจางโหย่วฝูที่สิ้นเปลืองความคิดมาช่วยเหลือทั้งนั้น

สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งกันจริงๆ!

การประชุมที่จางโหย่วฝูวางแผนให้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์อีกฝ่าย กลับกลายเป็นการชมเชยไปในพริบตา!

การประชุมต่อไปกลายเป็นช่วงเวลาที่หลี่เป่าซานแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้นให้ทุกคนฟัง มีผลงานมากมายขนาดนี้ก็ต้องชื่นชมให้มากสักหน่อย

ในฐานะที่ฉินเสี้ยวหยวนเป็นผู้นำของโรงพยาบาลย่อมต้องพอใจที่สุด ถึงกับตบมือชมว่าดี!

ส่วนเลขาถานลี่กั๋วกำลังยิ้มขมขื่นด้วยใบหน้าดำคล้ำ มือที่ตบก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อย…แล้วยังรู้สึกชาๆ ด้วย…

หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนก็พากันลงลิฟต์ หลี่เป่าซานบังเอิญเจอจางโหย่วฝูในลิฟต์จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หัวหน้าแผนกจาง ผมได้ยินผู้ป่วยในแผนกของพวกเราบอกว่าแผนกของคุณส่งตัวพวกเขามาที่แผนกฉุกเฉิน เป็นเรื่องจริงหรือครับ?”

จางโหย่วฝูได้ยินคำพูดนี้ก็หน้าแดงไปโดยพลัน! โชคดีที่หน้าหนาจึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เมื่อเห็นท่าทางหยอกล้อของหลี่เป่าซาน เขาก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังบอกว่า “ขอบคุณที่ส่งผู้ป่วยผ่าตัดถุงน้ำดีมาให้สิบคน!”

จางโหย่วฝูสูดหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงฝืนยิ้มออกมา “เห็นว่าแผนกฉุกเฉินเพิ่งได้รับมอบห้องผ่าตัด ผมเลยกลัวว่าพวกคุณจะไม่มีผู้ป่วยน่ะครับ”

หลี่เป่าซานได้ยินดังนั้นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ จางโหย่วฝูคนนี้นี่ หนังหนาจริงๆ!

เนื่องจากขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกัน จางโหย่วฝูจึงรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว! เหมือนกับยืนอยู่บนพรมเข็มอย่างไรอย่างนั้น!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะไปถึงชั้นหก เขารีบเดินออกไปราวกับต้องการหนีอะไรบางอย่าง แม้แต่คำบอกลาก็ไม่พูด!

จางโหย่วฝูเพิ่งออกจากลิฟต์ หมอ พยาบาลและเด็กฝึกงานทั้งหลายก็เห็นเขาเดินไปที่ห้องทำงานด้วยท่าทีหน้าดำคร่ำเครียด คล้ายกับมีคำว่า “ฉันดุมาก” แปะอยู่บนหน้า เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็ปิดประตูทันที!

จางโหย่วฝูนั่งเหม่ออยู่ในห้องครึ่งค่อนวัน!

เขารู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าจริงๆ รู้สึกเหมือนถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก!

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ตัวเองสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจอย่างลำบากยากเข็ญ กลับกลายเป็นว่าไปสร้างผลประโยชน์ให้คนอื่นเสียอย่างนั้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็รีบโทรหาต้วนปัวทันที!

ต้วนปัวเชื่อฟังมาก เขารีบเดินเข้ามาในห้องหัวหน้าแผนกอย่างเร่งร้อน เมื่อเห็นจางโหย่วฝูกำลังพยายามระงับความโกรธของตนอยู่ ต้วนปัวก็กังวล คิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธถึงขั้นอยากทำร้ายคนหรือไม่? หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็ปิดประตู

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท