บทที่ 148 ขอโทษด้วยจำผิดคนแล้ว!
ทุกครั้งที่เฉินชางมาคลินิกจื้อซิน ก็จะต้องดวงตาสว่างวาบ! เฉินชางนับถือจริงๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนออกแบบชุดพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์
วันนี้เป็นวันที่ฟู่อวี้ฟางจะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง เสี้ยวเถียนฮวาก็มาถึงคลินิกตั้งแต่เช้าแล้ว ทั้งยังเตรียมของขวัญมาด้วย
จางจื้อซินยิ่งมาแต่เช้า เขากังวลมากกว่าเฉินชางเสียอีก จะอย่างไรตนก็เป็นหนึ่งในเจ้าของคลีนิก หากคนอื่นมาหาเรื่องถึงที่ เฉินชางยังหนีไปได้ แต่ตนหนีไม่ได้…
แม้ฝีมือการผ่าตัดของเฉินชางจะดีเยี่ยม ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ต้องดูหลังฟื้นตัว
นี่ไม่ใช่การแกะสลักที่แกะออกมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น นี่คือคนเป็นๆ! จะต้องพักฟื้นตัวเป็นเวลานาน และอาจมีโรคแทรกซ้อนที่ไม่ได้ปรากฏมาทันทีด้วย
ดังนั้นการศัลยกรรมบริเวณใบหน้าเช่นนี้ จางจื้อซินจำเป็นต้องระวังให้มาก
ฟู่อวี้ฟางนั่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทำอย่างไรก็รู้สึกใจไม่สงบ
เสี้ยวเถียนฮวายิ้มปลอบใจ “ฟางฟาง ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวเธอต้องตื่นตะลึงอย่างที่คิดไม่ถึงแน่! ตอนนั้นฉันยังตื่นเต้นมากกว่าเธออีก!”
ขณะที่คุยกัน เสี้ยวเถียนฮวาก็หยิบกระจกออกมา “ฉันเตรียมของขวัญให้เธอแล้ว ลืมตาดูสิ!”
เฉินชางหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดผ้าพันแผลออกด้วยตัวเอง
ในตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังกระชั้นถี่อยู่ตรงบันได เมื่อคนคนนั้นวิ่งมาถึงข้างๆ จางจื้อซิน ก็กระซิบว่า “หมอจาง มีคนอยากพบคุณค่ะ!”
จางจื้อซินชะงัก หันไปพูดว่า “ให้เขารอก่อนนะครับ”
สวีโหรวพูดอย่างเคร่งเครียด “อีกฝ่ายมากับคุณหูค่ะ”
จางจื้อซินได้ยินคำว่าคุณหูก็ชะงักไป พยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงรีบเดินลงไปชั้นล่าง
แม้จะบอกว่าคลินิกจื้อซินมีจางจื้อซินคอยดูแล แต่นักลงทุนที่แท้จริงยังคงเป็นคุณหูท่านนี้ พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นเจ้านายของตน
เขารีบร้อนเดินลงไป เมื่อถึงห้องรับรอง จางจื้อซินก็เห็นหูฉวนจินนั่งอยู่ตรงนั้น กำลังยิ้มสนทนากับชายอีกคนหนึ่งจนตาหยี
ชายคนนี้ดูดีกว่าหูฉวนจินมาก แต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ สวมสูททั้งตัว มีกลิ่นอายหล่อเหลาเอาการ
ทั้งสองคนพูดคุยยิ้มแย้มกันอย่างเข้าขา ดูแล้วคงมีความสำคัญไม่น้อย คนคนนี้ก็คือผู้ประกอบการท้องถิ่น
จางจื้อซินเดินยิ้มเข้ามา “คุณหู วันนี้ไม่ยุ่งหรือครับ?”
หูฉวนจินหันมาพูดยิ้มๆ ว่า “ผมมาดูคลินิกหน่อยน่ะครับ แล้วก็มาดูคุณด้วย”
“ไม่ได้มานาน ไม่นึกว่าคลินิกจะดีขึ้นทุกวันเลยนะครับ จื้อซิน ล้วนเป็นผลงานของคุณทั้งนั้น ลำบากคุณแล้ว ผมคิดว่าควรเพิ่มเงินเดือนให้คุณที่เป็นผู้อำนวยการคลินิกนะครับ”
จางจื้อซินยิ้มให้
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หูฉวนจินจึงได้แนะนำ “คนคนนี้คือคุณกัว กัวหย่งเลี่ยง เป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตเหม่ยหลินในอันหยางของพวกเรา คุณกัว นี่คือจางจื้อซินที่ผมเคยบอกคุณครับ”
กัวหย่งเลี่ยงลุกขึ้นเดินเข้ามาทักทายจางจื้อซิน
“สวัสดีครับผู้อำนวยการจาง!”
ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหม่ยหลินเป็นร้านแบบแฟรนไชส์ กิจการรุ่งเรื่องมาก แค่ในเมืองอันหยางก็เปิดไปแล้วสี่ห้าสาขา
แม้ในใจของจางจื้อซินจะสงสัยว่ากัวหย่งเลี่ยงคนนี้มาทำอะไรกันแน่ แต่ยังคงจับมือทักทายด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เอง กัวหย่งเลี่ยงจึงค่อยพูดขึ้นว่า “วันนี้ผมมาดูคนรักของผมน่ะครับ ผมออกไปทำงานนอกสถานที่มาอาทิตย์หนึ่ง กลับมาก็ไม่เห็นเธอแล้ว พอถามถึงค่อยรู้ว่ามาทำศัลยกรรมที่นี่ ทำให้ผมโกรธไปเลยครับ”
“เธอบอกว่ามาทำศัลยกรรม ศัลยกรรมอะไรกัน? นี่ไม่ใช่หาเรื่องให้ผมหรือ?”
หูฉวนจินยิ้ม “ผู้หญิงก็มีใจรักสวยรักงามกันทั้งนั้นแหละครับ ตอนนี้การศัลยกรรมเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ใครไม่อยากลองบ้าง”
กัวหย่งเลี่ยงทอดถอนใจ “ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ…เหล่าหู ผมจะบอกคุณให้ พ่อแม่ของผมคุณก็รู้ดี พวกท่านป็นนักปฏิวัติหัวโบราณ ในสายตาพวกเขาจะทนได้ที่ไหนล่ะครับ! พวกเขาสองคนหัวโบราณเกินไป จะรับเรื่องแบบนี้ได้ที่ไหน!”
“อีกอย่าง เรื่องศัลยกรรมไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่เข้าใจ ผมขอพูดโดยไม่กลัวคุณหัวเราะเยาะเลยนะครับ ปกติถ้าไม่มีอะไรผมจะชอบไปท่องเน็ตดูไลฟ์สด พวกเธอแต่ละคนดูดีน่ารักมีเสน่ห์ แต่พอเจอตัวจริงไม่รู้ว่าทำศัลยกรรมอะไรจนมั่วไปหมด ตัวใสๆ มีแต่กรดไฮยาลูรอนและซิลิโคนทั้งนั้น! พอล้างเครื่องสำอางออกมาดูไม่ได้เลย!”
“ยิ่งไปกว่านั้นผมทำธุรกิจนะครับ ฟางฟางก็ต้องไปร่วมกิจกรรมกับผมบ่อยๆ ถ้าทำศัลยกรรมออกมาเละเทะคนไม่ใช่ผีไม่เชิง ผมจะมีหน้าไปที่ไหนได้อีก!”
หูฉวนจินพยักหน้าพูด “ใช่แล้ว คนเก่าคนแก่คงรับไม่ได้ แต่คุณก็ต้องเข้าใจฟางฟางเธอหน่อยนะครับ”
“ผู้หญิงทุกคนก็มีใจรักสวยรักงามกันทั้งนั้น คุณว่าคุณประสบความสำเร็จขนาดนี้ยังขาดอะไรอีก แต่กลับบ้านไปคุณยังไปดูสาวๆ ไลฟ์สดอะไรนั่นอีก ฟางฟางจะคิดยังไงครับ? เธอคงกังวล กลัวว่าตัวเองแก่ขึ้นจนดูไม่ดีแล้ว เดี๋ยวคุณจะทำตัวเย็นชาใส่เธอน่ะสิ!”
กัวหย่งเลี่ยงส่ายหน้า “เหล่าหู คุณเปิดคลินิกศัลยกรรม ผมก็ไม่พูดอะไรมาก พูดไปก็ไม่มีอะไรดี แต่จุดประสงค์ที่ผมมาในวันนี้ก็คือจะมาปรึกษาสักหน่อยว่าทำศัลยกรรมกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ผมรู้ว่าตอนนี้สายไปแล้ว ฟางฟางอาจศัลยกรรมเสร็จไปแล้วก็ได้ แต่ความคิดของผมก็คือ ถ้าทำไม่เหมือนเดิมเป๊ะก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ให้ไม่แตกต่างจากเดิมมาก พอไปเจอพ่อแม่ผมก็บอกไปว่าแต่งหน้ามา อย่าศัลยกรรมไปถึงกระดูกอะไรนั่นเลย ทำเยอะเกินไป! ทำให้คนน่าเกลียดขึ้นอีก กลับไปแล้วแม่ผมคงจำไม่ได้!”
จางจื้อซินชะงักไป มีใครเขาทำกลับไปแบบเดิมบ้าง? คุณคิดว่าใช้แอปแก้มาหรือไง? เขาทำไม่ดีก็กดย้อนกลับ?
“นี่ไม่ดีหรอกครับ ศัลยกรรมที่คุณฟู่อวี้ฟางทำ ตัดหนังกำพร้าออกไปมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังลงมีดผ่าไปแล้วด้วย หากทำกลับไปเป็นเหมือนเดิมคงยากมาก!”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกไป กัวหย่งเลี่ยงพลันหน้าขรึม
หูฉวนจินเองก็เงียบไป การทำศัลยกรรมให้คนอื่นเป็นเรื่องยุ่งยาก ปัญหาก็มาก
ไม่ทันไรในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
จางจื้อซินคิดไม่ถึงว่าการศัลยกรรมครั้งนี้จะนำปัญหามาให้ จะหาเงินจากคนมีเงินนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ครั้งที่แล้วทำศัลยกรรมให้เสี้ยวเถียนฮวาก็เอามูลหมูมาปา คราวนี้ทำให้ฟู่อวี้ฟางก็มีเถ้าแก่กัวมาอีก
คนพวกนี้เอาใจยากจริงๆ!
นี่เป็นคลินิกเอกชน ถ้าคุณอยู่ในโรงพยาบาลอันดับสอง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็จะมีคนรับผิดชอบให้คุณ จะไม่พูดว่าคุณหาเรื่องเองรับเอง จะอย่างไรโรงพยาบาลก็จะออกหน้าให้คุณแน่ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งจางจื้อซินก็พูดว่า “เอาแบบนี้ดีไหมครับประธานกัว ศัลยกรรมก็ทำเสร็จไปแล้ว คุณขึ้นไปดูสักหน่อยว่าคุณฟู่เป็นอย่างไร ถ้าคุณไม่พอใจ พวกเราก็จะคิดหาวิธีแก้ หรือไม่ก็หารือกันว่าควรจะทำอะไรอีก คุณว่า…เป็นยังไงครับ?”
หูฉวนจินเองก็พยักหน้าพูดว่า “ผู้อำนวยการจางพูดมีเหตุผลนะครับ คุณหู ยังไงพวกเราขึ้นไปดูก่อนเถอะ พวกเราทำธุรกิจต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ ถ้าคุณไม่พอใจ ผมหูฉวนจินขอรับประกันเลยว่าผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด!”
หูฉวนจินผลักความรับผิดชอบไปให้จางจื้อซินไม่ได้ ถ้าทำเช่นนั้นจริงๆ ธุรกิจนี้คงทำต่อไม่ได้แล้ว
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หูฉวนจินก็ลุกขึ้น “ไปเถอะประธานกัว มาก็มาแล้ว ขึ้นไปดูสักหน่อยเถอะครับ”
กัวหย่งเลี่ยงคิดครู่หนึ่งก็เห็นด้วย จึงพยักหน้าเดินตามไป
……
……
จางจื้อซินพาพวกเขาไปยังชั้นห้า ที่นี่คือห้องผู้ป่วย VIP ระดับสูง จางจื้อซินชี้ไปห้องด้านหน้า พูดกับกัวหย่งเลี่ยงว่า “ห้องนี้ละครับ!”
กัวหย่งเลี่ยงพยักหน้า ผลักประตูเข้าไป หลังจากเข้าไปแล้วก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วเดินออกมา “ไม่อยู่ในห้องนี้นะครับ?”
จางจื้อซินชะงัก เมื่อครู่ผมเพิ่งออกมานะ จะจำผิดได้อย่างไร? เมื่อมองป้ายห้องก็เห็นว่าเป็นห้องนี้ชัดๆ!
ตอนนี้เอง มีเสียงเล็กแหลมดังแว่วมาว่า “กัวหย่งเลี่ยงกลับมาเดี๋ยวนี้!”
กัวหย่งเลี่ยงชะงักไป!
เสียงนี้ฟังคุ้นหูจริงๆ ถ้าไม่ใช่ภรรยาของตัวเองแล้วจะเป็นใครไปได้?
แต่ด้านในไม่มีภรรยาของเขาชัดๆ?
ฟู่อวี้ฟางมีใบหน้าขุ่นเคือง เมื่อเห็นกัวหย่งเลี่ยงเข้ามายังรู้สึกยินดี คิดว่าเป็นห่วงเลยมาดูตนสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าพอมองตนครู่หนึ่งก็รีบปิดประตูเดินออกไปอย่างกับโจร!
นี่ทำให้ฟู่อวี้ฟางโกรธมาก กัวหย่งเลี่ยงตัวดี บอกว่าจะไปประชุมอาทิตย์หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะพาสาวน้อยคนอื่นมาทำศัลยกรรม!
เห็นฉันแล้วยังหนีอีก!
คิดว่าฉันไม่เห็นคุณหรือไง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟู่อวี้ฟางก็ตะโกนออกไป “กัวหย่งเลี่ยงเข้ามาเดี๋ยวนี้!”
กัวหย่งเลี่ยงรีบผลักประตูเข้าไป จ้องมองสาวงามเบื้องหน้าจนตาค้าง!
“เธอ…เธอคือ? เธอคือฟางฟาง?”
ฟู่อวี้ฟางหัวเราะเย็นชา “ฉันคือฟางฟาง! แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันหรือไง! มีความสุขจนลืมภรรยาที่บ้านไปแล้วหรือ? ดี! กัวหย่งเลี่ยง มีความสามารถจริงๆ ร้อนตัวสินะ? มาหาคนที่คลินิกศัลยกรรม คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่สินะ! อยากเห็นจริงๆ ว่ากัวหย่งเลี่ยงอย่างคุณมาหาใครลับหลังฉัน!”
พูดจบฟู่อวี้ฟางก็สวมรองเท้าแตะเดินออกไปด้านนอกด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว พร้อมตบตีเมียน้อยเต็มที่
กัวหย่งเลี่ยงได้ยินดังนั้นก็ตะลึงจนตาค้าง รีบอุ้มฟู่อวี้ฟางกลับมา!
เขารีบพูดอธิบายว่า “โธ่ ฟางฟาง คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมมาหาคุณนี่แหละครับ ได้ยินว่าคุณมาทำศัลยกรรม ผมกลัวว่าจะเกิดปัญหาเลยตรงมาจากด้านนอกเพื่อมาหาคุณเลยนะครับ!”
“ถ้าคุณไม่เชื่อก็ถามผู้อำนวยการจางดูได้!”
ฟู่อวี้ฟางถลึงตาใส่ “คนเจ้าเล่ห์ๆ! ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ กัวหย่งเลี่ยง คิดว่าฉันทำศัลยกรรมให้ใครดูล่ะ? คนใจร้าย!”