บทที่ 205 ซื้ออะไรดี
คนในครอบครัวของเหล่าหยางรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดด้วยความกังวลใจ
ช่วงเวลาที่เสี่ยวหยางรอเหล่าหยางอยู่หน้าห้องผ่าตัด เขาเงียบขรึมไม่พูดจา ค่อนข้างกระวนกระวายใจและเป็นห่วง…
ภรรยาของเขาเดินมาอยู่ที่ข้างหลังเขาเงียบๆ ตบเบาๆ ที่ตัวเขา ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เอามือวางไว้ที่หลังเขาเฉยๆ
อุณหภูมิของร่างกายที่ส่งผ่านจากมือลงบนแผ่นหลังของเสี่ยวหยาง ทำให้เสี่ยวหยางรู้สึกได้ถึงกำลังใจที่พึ่งพาได้
เสี่ยวหยางเงยหน้ามองแววตาที่เผยให้เห็นถึงความห่วงใยของภรรยา เขายิ้มให้เธอ “ที่รัก ผมไม่เป็นไร”
ภรรยานั่งลงข้างกายเขา “ที่รัก คุณไม่ต้องห่วง เรื่องที่ยากลำบากที่สุดพวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องนี้ จะว่าไปแล้วคุณก็ยังมีฉันอยู่!”
คำพูดหนึ่งคำพูดที่ทำให้เสี่ยวหยางถึงกับตื้นตันจนน้ำตาแทบไหลออกมา
เขาหันไปมองผู้หญิงแต่งตัวบ้านๆ ที่แขนยังสวมปลอกแขนผ้ายืดอยู่เพราะตอนเลิกงานรีบร้อนมาที่โรงพยาบาลก็เลยยังไม่ได้ถอดออก เสื้อผ้าที่สวมอยู่นั้นไม่ได้ซื้อใหม่มาหลายปีแล้ว…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวหยางก็ถอนหายใจออกมา เขายิ้มเจื่อนอยู่ในใจ ตนเป็นคนไม่เอาไหนเลยจริงๆ!
ผู้หญิงที่ดีมากขนาดนี้ ผู้หญิงที่ทนกัดก้อนเกลือกินอยู่กับตนมาตลอด
เมื่อภรรยาเห็นสีหน้าของเขา เธอก็เอามือลูบเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเสี่ยวหยาง “ผมยาวแล้ว ต้องตัดผมสักหน่อยแล้ว กลับถึงบ้านฉันตัดให้คุณนะ”
เสี่ยวหยางพยักหน้าอย่างแรง
ไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
เฉินชางกับเซียวเหอและคนอื่นๆ เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องผ่าตัด เสี่ยวหยางกับคนในครอบครัวก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“หัวหน้าเซียวครับ เป็นยังไงบ้างครับ” แววตาของเสี่ยวหยางเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นกังวล
เซียวเหอยิ้มปลอบประโลม “เรียบร้อยดีครับ การผ่าตัดราบรื่นมาก แต่ยังกลับบ้านไม่ได้นะครับ ช่วงนี้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่แผนกระบบทางเดินอาหารของโรงพยาบาลก่อนเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ…
…ส่วนเรื่องค่ารักษาค่อยว่าทีหลัง ถ้าผลสรุปออกมาชัดเจนแล้วว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการรักษา โรงพยายาลจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบในส่วนนี้ ดังนั้นพวกคุณยังไม่ต้องกังวลเรื่องเงินครับ!”
ทันทีที่เสี่ยวหยางได้ยินเนื่องนี้เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกดีใจ ในทางตรงกันข้าม เขาถึงกับหน้าถอดสี และรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ครับไม่ได้ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ครับหัวหน้าเซียว คุณเป็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่เหมือนกับพวกเรา คุณจะมาหมดอนาคตเพราะเรื่องของพวกเราไม่ได้นะครับ ถ้าคุณต้องโดนลงโทษเพราะพวกเรา พ่อจะต้องไม่ให้อภัยผมแน่!”
ถึงจะไม่มีเงิน เสี่ยวหยางก็ไม่ยอมทำอะไรที่ขาดจิตสำนึก
ถึงเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ปกติมาก ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการรักษาเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย แต่เสี่ยวหยางคิดว่าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้
เขาได้สอบถามจนแน่ชัดแล้ว อีกทั้งเขายังได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องส่องกล้องจากกล้องวงจรปิดแล้วด้วย เป็นเพราะตอนส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร จู่ๆ พ่อของเขาก็เกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นมาจนพลิกตัวจริงๆ
จะว่าไปแล้วพ่อของเขามีอาการเจ็บหลอดอาหารมาได้วันสองวันแล้ว
เสี่ยวหยางคิดว่าพ่อเขามีอาการป่วยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดเรื่องขึ้นในห้องส่องกล้อง ก็เป็นเพราะพ่อเขาเป็นต้นเหตุ อีกทั้งหัวหน้าเซียวเป็นคนแบบไหน เขารู้ดี คนบ้านเดียวกัน เคยให้ความช่วยเหลือตนมาไม่น้อย
ช่วยลดลงค่าใช้จ่ายในการตรวจแต่ละครั้งไปไม่น้อย แถมยังเป็นคนตรวจให้กับมือ
สิ่งนี้ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง!
แล้วอีกอย่าง ตอนที่เกิดเรื่องกับพ่อ เซียวเหอก็เป็นคนวิ่งเต้นหาหมอมาผ่าตัดให้ เขาเห็นสิ่งนี้กับตา
แต่ละวันหัวหน้าเซียวงานยุ่งมาก!
พ่อของเซียวเหอบอกว่าเซียวเหอมักจะทำโอทีถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนถึงเลิกงานกลับบ้าน
ทุกครั้งที่มาส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร หัวหน้าเซียวไม่เคยวางมาดใส่พวกเขาเลยสักครั้ง ทุกครั้งต้อนรับอย่างเป็นมิตร ถ้ามีเวลาก็พาเขาไปเลี้ยงข้าว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ครอบครัวหยางซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นเสี่ยวหยางคิดว่า ถ้าเซียวเหอต้องโดนลงโทษเพราะครอบครัวเขา ความผิดนี้จะเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก
เมื่อกลับไปที่บ้านในชนบทจะต้องโดนคนในหมู่บ้านถ่มน้ำลายใส่
ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จะทำให้หัวหน้าเซียวเดือดร้อนไม่ได้ หัวหน้าเซียวเป็นคนมีความสามารถ ไม่ว่าพูดจะอย่างไร ก็จะทำให้หัวหน้าเซียวเดือดร้อนไม่ได้
เซียวเหอปัดมือไปมา “วางใจเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง เสี่ยวหยาง คุณไปที่แผนกระบบทางเดินอาหารเป็นเพื่อนคุณพ่อของคุณก่อนเถอะครับ…”
“…อ้อ คุณต้องขอบคุณหมอเฉินมากๆ นะครับ เขาเป็นผู้มีพระคุณของคุณเชียวนะ ถ้าไม่ใช่เพราะหมอเฉิน การผ่าตัดวันนี้จะต้องยุ่งยากทีเดียว” เซียวเหอแนะนำเฉินชางให้เสี่ยวหยางกับครอบครัวได้รู้จักกัน “อีกทั้งผลลัพธ์การผ่าตัดของหมอเฉินประสบผลสำเร็จมาก ฟื้นตัวไวแน่นอน พวกคุณสบายใจได้เลยครับ!”
หลัวจากพูดจบ เซียวเหอมองเฉินชางด้วยความซาบซึ้งใจ ในครั้งนี้เขาติดหนี้บุญคุณเฉินชาง
ทันทีที่เสี่ยวหยางได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบจูงมือภรรยาโค้งคำนับเฉินชางทันที “คุณหมอเฉินครับ ขอบคุณมากครับสำหรับบุญคุณอันยิ่งใหญ่!”
เฉินชางถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง เขารีบตอบรับอย่างมีมารยาททันที
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ไม่ต้องเกรงใจ…ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรครับ เป็นสิ่งที่ผมควรทำครับ” เฉินชางรีบตอบกลับไป
คำว่า ‘บุญคุณอันยิ่งใหญ่’ ทำเอาเฉินชางถึงกับตกอกตกใจ
ในตอนที่เผชิญหน้ากับผู้ป่วยในบางครั้ง เฉินชางก็ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
เพราะผู้ป่วยมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งสำนึกในบุญคุณ มีทั้งรู้สึกเหยียดหยาม มีทั้งรู้สึกสงสัยไม่มั่นใจ มีทั้งความเชื่อมั่นโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ไม่ว่าความรู้สึกประเภทไหนจะประดังเข้ามาใส่ตัวเขา สิ่งที่เฉินชางทำก็คือจะต้องไม่ทำให้ให้ผู้ป่วยผิดหวัง
เพียงแต่ผู้ป่วยที่มาที่โรงพยาบาลต่างก็โอบกอดความรู้สึกความกระวนกระวายใจกับไม่สบายใจเอาไว้อยู่แล้ว ในใจลึกๆ ก็หวังว่าจะรักษาได้
คนเลวมีอยู่ทุกที่ทุกเวลา
แต่จะเกิดข้อกังขากับโลกใบนี้เพียงเพราะคนเลวๆ เหล่านั้นไม่ได้
ดังคำกล่าวที่ว่าอึหนูหนึ่งก้อนทำให้ซุปเสียทั้งหม้อ[1] ความจริงแล้วถ้าตักอึหนูขึ้นมา ซุปในหม้อก็ยังคงเป็นซุปที่รสชาติอร่อยหม้อหนึ่ง
ถ้าเอาแต่ขยายความผิดพลาด จุดอ่อน ความรู้สึกเหลือทนเหล่านั้นให้ดูใหญ่โตจนเกินไป ชีวิตจะงดงามสดใสได้อย่างไรกัน
คนเป็นแพทย์ควรจะวางใจให้สุขุมเยือกเย็น
ไม่ว่าในตอนนั้นจะเผชิญกับผู้ป่วยรูปแบบไหน ก็ควรจะสงบสุขุม
หลังจากที่ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว เฉินชางกับหวังหย่งเดินไปด้วยกัน ตอนนั้นเอง ก็มีหญิงสูงวัยโพกผ้าบนศีรษะวิ่งตามมาพร้อมตะโกนเรียกทั้งสองไว้
“คุณหมอ ฉันเป็นภรรยาของเหล่าหยาง” เสียงที่แหบแห้งอย่างชัดเจนดังตามหลังพวกเขาสองคนมา
เฉินชางกับหวังหย่งหันกลับไปมองที่ต้นตอของเสียง พวกเขาชะงักเล็กน้อย พร้อมรีบกล่าวทันทีว่า “อ้อ สวัสดีครับคุณป้า ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นสำหรับเหล่าหยางคือการพักผ่อนครับ คุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ”
หญิงสูงวัยพยักหน้าไม่หยุด เธอหยิบเงินที่ม้วนไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วยมือที่สั่นระริก เธอดึงมือเฉินชางมา แล้วยัดเงินม้วนนั้นใส่มือเฉินชาง
ใบหน้าของหญิงสูงวัยเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอายและเกรงใจ เอามือจับที่ชายเสื้อตนเอง กล่าวด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างขลาดกลัว “คุณหมอคะ อย่ารังเกียจนะคะ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของฉันเองค่ะ ถึงแม้จะน้อยไปนิด ไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไรนัก…”
เฉินชางชะงักงัน เขามองเงินที่ถูกม้วนไว้ค่อยๆ คลายออกจากกัน ทั้งหมดเป็นธนบัตรสิบหยวนห้าหยวน แล้วก็มีธนบัตรหนึ่งหยวนจำนวนหนึ่ง ธนบัตรเหล่านี้ค่อนข้างชื้น คงเป็นเพราะหญิงสูงวัยกำไว้ในมือนานมากแล้ว
หลังจากที่หญิงสูงวัยพูดจบ เธอก็รีบเดินจากไป
เฉินชางมองเงินในมือ แล้วก็มองหวังหย่ง เขาค่อนข้างไม่สบายใจ
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการได้รับซองเป็นครั้งแรกในชีวิตจะเป็นรูปแบบนี้!
เงินหนึ่งม้วนเป็นเงินหกสิบกว่าหยวน หลังจากที่เฉินชางนับเงินอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา
มองหวังหย่งที่สีหน้าดูทำอะไรไม่อะไรไม่ถูกเช่นกัน “ทำไงดี”
หวังหย่งส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้!”
ทันใดนั้นเฉินชางก็ถามขึ้นว่า “คุณว่า…หรือเรา…ซื้อของฝากเขาสักหน่อย?”
หวังหย่งชะงักงัน “ซื้ออะไรหรือครับ ตอนนี้เขายังกินยังดื่มอะไรไม่ได้ ซื้อไปฝากก็เสียเปล่า”
เมื่อหวังหย่งพูดเช่นนี้กับเฉินชาง จู่ๆ เฉินชางก็เกิดความคิดที่เฉียบแหลม “ซื้อสารอาหารสำหรับให้ทางหลอดเลือดดำไปฝาก?”
หวังหย่งแทบจะหัวเราะพรวดออกมา!
“อาจารย์ชาง คุณใส่ใจจริงๆ!”
เฉินชางหัวเราะ เขารู้สึกว่านี่เป็นเจตนาดีอย่างหนึ่ง
…
[ติ๊ง! ภารกิจเสร็จสิ้น ภารกิจช่วยเซียวเหอช่วยชีวิตเหล่าหยางเสร็จสิ้น!
ได้รับรางวัล
1.ทักษะสุ่มของเซียวเหอ
2.ค่าความรู้สึกดีของเซียวเหอ +10
3.คะแนนทักษะ +2]
[ติ๊ง! ได้รับทักษะของเซียวเหอ: ทักษะการส่องกล้องเพื่อห้ามเลือด[2] ระดับปรมาจารย์!]
[ทักษะการส่องกล้องเพื่อห้ามเลือด ระดับปรมาจารย์
คุณสมบัติพิเศษ: หยุดเลือดได้อย่างชะงักแม่นยำ!]
เฉินชางชอบใจ ทักษะนี้ดีมาก
วิธีรักษาภาวะเลือดออกในระบบทางเดินอาหารที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ก็คือวิธีส่องกล้องเพื่อห้ามเลือดนี่แหละ
การห้ามเลือดโดยการใส่บอลลูนห้ามเลือดเป็นวิธีที่ได้ผล แต่ผลลัพธ์กับประสิทธิภาพกับไม่สูงนัก
แต่การส่องกล้องเพื่อห้ามเลือดไม่เหมือนกัน สามารถตรวจพบบาดแผลได้อย่างแม่นยำ ใช้คลิปหนีบ (Titanium-clip) หยุดเลือดได้ชะงัก ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วแม่นยำ
[1] อึหนูหนึ่งก้อนทำให้ซุปเสียทั้งหม้อ ตรงกับสำนวนไทยที่กล่าวว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง หมายถึง คนไม่ดีคนเดียวเสียหมดทั้งหมู่
[2] การส่องกล้องเพื่อห้ามเลือด ภาวะเลือดออกเฉียบพลันในทางเดินอาหารส่วนต้น สามารถหยุดเลือดได้โดยใช้เข็มใส่ผ่านกล้องเข้าไปยังตำแหน่งที่มีเลือดออก และฉีดสารเพื่อหยุดเลือด ในบางครั้งแพทย์จะใช้ไฟฟ้าซึ่งแปลงเป็นความร้อนในการจี้เพื่อหยุดเลือดรวมถึงการใช้คลิปหนีบ (Titanium-clip) เพื่อเข้าไปหนีบหลอดเลือดเพื่อหยุดเลือด