บทที่ 210 ทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตของผมรวนหรือเปล่าเนี่ย
เฉินชางเงยหน้ามองหัวหน้าที่ยืนรายล้อมเป็นวงกลม กับดวงตาแต่ละคู่ที่เบิกโตด้วยความสงสัย เฉินชางไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกประหม่าแม้แต่นิด ทว่ากลับรู้สึกถึงการเฝ้าคอย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาผ่าตัดท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก
คำกล่าวนั้นกล่าวว่าอย่างไรนะ
คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นจุดสนใจ
แต่การเข้าเวรยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ทำให้ค่อนข้างรู้สึกเหนื่อยล้า เฉินชางสวมหน้ากากอนามัยทำให้ยิ่งกลั้นหาวไว้ไม่อยู่
เขาส่ายหน้า จะใช้สภาพจิตวิญญาณเช่นนี้ในการผ่าตัดไม่ได้ การผ่าตัดหลอดอาหารก็เหมือนการผ่าตัดไส้ติ่ง จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจและความละเอียดรอบคอบ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็แอบใช้ไอเทม [ชุดผ่าตัดของนอร์แมนเบธูน] ที่มาพร้อมกับทักษะฟื้นฟูพลังชีวิต!
ทันในนั้นเฉินชางรู้สึกได้ถึงพื้นอบอุ่นภายในบ้านท่ามอากาศที่หนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาว แล้วทันใดนั้นก็มีน้ำเย็นหนึ่งกะละมังเทลงมา…ชุ่มฉ่ำถึงใจ!
เฉินชางสั่นระริก
แม่งเอ๊ย ความรู้สึกนี้…เกินไปหรือเปล่าเนี่ย
เฉินชางกัดฟันกรอด ทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตในนิยายเรื่องอื่นคือเสียงแห่งความผ่อนคลายสุดยอด อื๊อๆ อ๊าๆ
ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับได้อาบลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
แต่รูปทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตของตนกลับเป็นน้ำเย็นจัดหนึ่งกะละมังสาดลงมาบนหัวจนชุ่มฉ่ำหนาวสะท้านเกินบรรยาย
เอาละ ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นแบบไหน ผลลัพธ์ก็ดีมากทีเดียว อย่างน้อยเฉินชางก็รู้สึกว่าตนปลอดโปร่งขึ้นมาก กระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ความรู้สึกเหนื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เป็นความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาเหมือนคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ!
เขาหันไปหาพยาบาล เฉินชางพลันชะงักงัน รู้สึกคุ้นหน้าจัง
“ส่งมีดให้ผม”
ย่วนย่วนมองเฉินชาง ในใจรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงอย่างไรเสียวันนี้ก็เป็นการผ่าตัดที่มีแต่หัวหน้าทั้งนั้น เห็นหรือเปล่า กลุ่มหัวหน้าที่ยืนอยู่โดยรอบ มีคนไหนบ้างทีไม่ใช่บุคคลมีชื่อเสียงของโรงพยาบาลอันดับสอง เมื่อคิดว่าคืนนี้จะมีเรื่องให้กลับไปโม้ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
การผ่าตัดเริ่มขึ้น เถามี่กับหลี่เป่าซานเข้ามาช่วย
เถามี่อยู่แผนกศัลยกรรมหัวใจ ถึงแม้หัวใจกับทรวงอกจะไม่แยกกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันมาก แต่การเข้ามาช่วยก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
ทักษะการรักษาภาวะหลอดอาหารทะลุระดับปรมาจารย์ทำให้ฝีมือของเฉินเปลี่ยนแปลงมากถึงขีดสุด การที่ได้ผ่านการฝึกฝนผ่าตัดมาเป็นพันเป็นหมื่นเคส ทำให้ฝีมือของเฉินชางอยู่ระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงสุด
เขาลงมีดกรีดเปิดผิวหนังลึกลงไปทีละชั้นทีละชั้นอย่างช้าๆ
หลี่เป่าซานที่เตรียมผ้าก๊อซห้ามเลือดไว้เรียบร้อยก็ต้องถึงกับตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าเลือดจะออกน้อยขนาดนี้
หลี่เป่าซานสังเกตเห็นด้วยสายตาอันเฉียบคม เทคนิคในการกรีดเปิดบาดแผลของเฉินชางคือหลีกเลี่ยงไม่ให้กรีดโดนหลอดเลือดที่ไม่จำเป็นอย่างชาญฉลาด และในขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลกระทบกับกระบวนการผ่าตัด
สิ่งนี้เป็นผลมาจากความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างของหลอดเลือดบริเวณผิวหนังขั้นสูง
ทุกทักษะไม่ใช่เพราะความบังเอิญ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่ากับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจนนำมาซึ่งผลลัพธ์เช่นนี้
เป็นคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ!
แต่…ต้องฝึกฝนด้วยวิธีไหนถึงมีผลลัพธ์อย่างวันนี้ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้…
หลี่เป่าซานอดเงยหน้ามองเฉินชางทีหนึ่งไม่ได้
สิ่งที่เห็นคือเฉินชางก้มหน้าสายตาจดจ่ออยู่ตรงบริเวณที่กำลังผ่าตัด ไม่วอกแวกแม้แต่นิด เคร่งขรึมจริงจัง
หลี่เป่าซานอดกล่าวจากใจจริงไม่ได้ว่า เป็นเด็กหนุ่มที่มีสามารถจริงๆ!
ตั้งใจจริงจัง ละเอียดรอบคอบ ทุกขั้นทุกตอนใส่ใจทุกรายละเอียด นี่เป็นคุณสมบัติที่ศัลยแพทย์ที่ดีพึงมี!
จู่ๆ หลี่เป่าซานก็รู้สึกตำหนิตนเองและรู้สึกผิดอยู่ในใจ ตนมองข้ามการเติบโตของหมอในแผนกไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง…
นับจากนี้เป็นต้นไป ตนควรที่จะพิจารณาเรื่องการให้ความสำคัญเกี่ยวกับการฝึกอบรมเฉินชางสักหน่อยแล้ว
แต่…เหมือนที่ผ่านมาตนจะไม่เคยให้ความสำคัญเขาเลย เอาแต่พูดแค่ว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้สร้างความประหลาดใจให้ตนได้เสมอ
การผ่าตัดดำเนินไปทีละขั้นตอน ไม่นานก็ถึงขั้นตอนของการแยกหลอดอาหารออกจากอวัยวะส่วนอื่นที่ล้อมรอบ
ในตอนที่แยกหลอดอาหารออกจากอวัยวะส่วนอื่นที่ล้อมรอบ จำเป็นต้องระวังอวัยวะที่ล้อมรอบกับหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณนั้นเป็นพิเศษ ห้ามประมาทเลินเล่อจนทำอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหายเด็ดขาด
ในตอนนี้เอง ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก ชายตัวเล็กรูปร่างผอม สวมแว่นสายตากรอบสีดำ เดินเข้ามาในห้องผ่า
พยาบาลสวมชุดผ่าตัดให้เขาอย่างคล่องแคล่ว
หลี่เป่าซานหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเว่ยจื้อ หลี่เป่าซานก็ผงกศีรษะทักทาย เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่หลีกทางให้เว่ยจื้อด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เพื่อให้เว่ยจื้อมายืนตรงตำแหน่งผู้ช่วย
เว่ยจื้อพยักหน้าตอบรับ เดินมายืนแทนที่หลี่เป่าซานอย่างเงียบๆ
ทั้งสองร่วมงานกันมามาก ความสัมพันธ์จัดว่าดีมาก ต่างก็เคยร่วมทีมผ่าตัดด้วยกันมาช้านาน เข้าใจในสิ่งต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องพูดจา
หลังจากที่เว่ยจื้อเดินเข้ามายืนแทนที่หลี่เป่าซานแล้ว เมื่อเห็นนัยน์ตาที่ใสกระจ่างคู่นั้นของเด็กหนุ่ม…
เขาก็สงสัยขึ้นมาทันใด
เด็กหนุ่มคนนี้คือใคร
สวมชุดผ่าตัดปกปิดมิดชิดทั้งตัว เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่นั้น
เว่ยจื้อมาเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย ไม่ได้มาด้วยเหตุผลอื่น สำหรับแพทย์ผู้นำทีมหรือแพทย์ร่วมทีมผ่าตัดต่างก็ไม่มีใครมีทิฐิอะไรมากนัก หลังจากที่เขาเข้ามายืนแทนที่หลี่เป่าซานแล้ว เขาก็ลงมือให้ความช่วยเหลือชางด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ช่วยจับตะขอเกี่ยวผ่าตัด ดูดเลือด ห้ามเลือด
ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนชั้นชัดเจน ทำให้เฉินชางผ่าตัดได้อย่างราบรื่นคล่องตัวไม่น้อย
ในตอนนี้เฉินชางกำลังจะแยกหลอดอาหารออกจาอวัยวะที่ล้อมรอบ เว่ยจื้ออดชำเลืองมองไม่ได้
แต่ดูเหมือนว่าเว่ยจื้อจะยังไม่ทันได้เห็นอะไร เฉินชางก็แยกหลอดอาหารสำเร็จแล้ว…
เว่ยจื้อถึงกับตกตะลึงในทันใด
ทักษะนี้ค่อนข้าง…ค่อนข้างน่าสนใจ!
ไม่สิ!
พลันหวนคิดทันที ดวงตาของเว่ยจื้อหรี่แคบลงในทันใด เป็นบุคคลน่าสนใจจริงๆ เก่งกาจมาก!
ประณีตวิจิตร!
แม่นยำ!
เฉียบขาด!
คำบรรยายสามคำปรากฏขึ้นในหัวของเว่ยจื้อทันใด
หมอหนุ่มคนนี้ไปเอาความเชี่ยวชาญพวกนี้มาจากไหนกัน
เว่ยจื้ออดใจตั้งตาคอยที่จะได้เห็นขั้นตอนต่อไปแทบไม่ไหว
ลำดับต่อไปเป็นการซ่อมแซมหลอดอาหารที่แตกทะลุเป็นรู
เว่ยจื้อส่งคีมจับเข็มเย็บแผลให้เฉินชาง เฉินชางรับอุปกรณ์มาอย่างคล่องมือ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
เฉินชางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่หลี่เป่าซานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
มิน่าเล่า…
หัวหน้าหลี่จะว่าเก่งก็เก่ง แต่ทำหน้าที่ผู้ช่วยสู้หวังหย่งไม่ได้ แต่ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เลวเลย
จู่ๆ เฉินชางก็คิดขึ้นว่าการผ่าตัดในตอนนี้เป็นการผ่าตัดเล็ก ตนคนเดียวก็จัดการได้ แต่ในอนาคตถ้าตนเก่งแล้ว การผ่าตัดใหญ่พวกนั้นจำเป็นต้องอบรมฝึกฝนผู้ช่วยหนึ่งกลุ่มใหญ่ สำหรับฝีมือของหวังหย่งในตอนนี้ยังมีจุดที่ต้องยกระดับให้สูงขึ้นอีก
ทันใดนั้น เฉินชางก็รู้สึกว่าตนมีสิ่งที่ต้องค้นหาให้มากขึ้น
การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป
การเย็บแผลเป็นจุดเด่นของเฉินชาง
เพราะรอยแตกทะลุเป็นรู เฉินชางจึงเย็บไล่ไปทีละชั้น ชั้นเยื่อเมือก ชั้นกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงรักษาสภาพหลอดอาหารไว้ได้อย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าดูแล้วบาดแผลใหญ่กว่าบาดแผลของเหล่าหยาง แต่ในความเป็นจริงขั้นตอนในการรักษาง่ายกว่าของเหล่าหยางมาก
แผลทะลุของเหล่าหยางเกิดจากหลอดอาหารอักเสบเรื้อรัง เยื่อเมือกเสียหายอย่างเห็นได้ชัด แต่หลิวเหวินจวินต่างกัน เป็นการละลุที่เกิดจะบาดแผล เมื่อเทียบกันแล้วเคสนี้เย็บแผลง่ายกว่ามาก
ถึงจะง่าย แต่เฉินชางก็กลับทำด้วยความตั้งใจมากยิ่งขึ้น
เพราะแผลทะลุประเภทนี้ หลังจากที่ฟื้นฟูตัวแล้ว จะฟื้นฟูได้ตามผลลัพธ์ที่คาดไว้
แต่เพราะว่าบาดแผลอาจกลายเป็นคีลอยด์ได้ เพื่อที่จะป้องกันปัญหาคีลอยด์ที่ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดอาหารตีบตัน ในตอนที่แผลติดกันสนิทแล้วต้องระวังในจุดนี้
หลิวเจี้ยนพบว่าฝีมือผ่าตัดของเฉินชางมีสามหัวข้อใหญ่ที่น่าชื่นชม
ข้อที่หนึ่ง การลงมีด ตอนลงมีดลงมีดได้แม่นยำเฉียบคม ราวกับผู้นำกองทัพที่กล้าหาญชาญชัย
ข้อที่สอง การแยกอวัยวะ แยกได้อย่างมั่นคงมาก นิ่งดั่งภูเขาไท่ซาน มั่นคงราวกับระฆังยักษ์
ข้อที่สาม การเย็บแผล เย็บได้ละเอียดประณีตมาก ปักเข็มอย่างแยบยลราวกับสรรค์สร้างผลงานศิลปะ
ทุกครั้งที่เห็นฝีมือการผ่าตัดของเฉินชาง หลิวเจี้ยนก็อดชื่นชมอยู่ในใจทุกครั้งไม่ได้
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น แม้แต่เว่ยจื้อที่เห็นฝีมือผ่าตัดของเฉินชางเป็นครั้งแรกยังอดกลืนน้ำลายไม่ได้ หมอคนนี้…สุดยอดมากจริงๆ
การผ่าตัดดำเนินไปทีละขั้น ทีละขั้นอย่างมั่นคงเป็นระบบระเบียบ
เฉินชางเป็นเหมือนทหารผ่านศึกผู้มากประสบการณ์ จัดกำลังทัพ ระดมกำลังพล เต็มเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น!
[ติ๊ง! lv.37 เย็บซ่อมแซมหลอดอาหารทะลุสำเร็จ ได้รับ:
ค่าประสบการณ์การวินิจฉัยโรค +300
ค่าประสบการณ์การผ่าตัด +300
คะแนนทักษะ +1]
สำเร็จแล้ว ชั่วขณะที่เฉินถอดหน้ากากอนามัยออกนั้น เฉินชางกลายเป็นจุดสนใจทันที!
ทุกคนในห้องผ่าตัดต่างก็อดเงยหน้าขึ้นมามองเฉินชางไม่ได้
คนที่รู้จักเขาอยู่แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าขึ้นมา!
คนที่ไม่รู้จักเขาอดชื่นชมเขาในใจไม่ว่า เก่งสุดยอดเลย!
ส่วนข่งย่วนย่วนกลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อยอยู่ในใจ เขามองฉันแล้ว เขามองฉันแล้ว!