บทที่ 219 เกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน!
งานประชุมใหญ่จบลง เฉินชางลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากหอประชุมไป
เรื่องที่ควรทำก็ทำหมดแล้ว อยู่ต่อก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
ส่วนเรื่องภารกิจท้าทายเป็นเรื่องที่ทำให้เฉินชางอดขำไม่ได้
ความจริงแล้วจิ่งหรานกับตนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
การกระทำของตนกับเฉียนหลินในงานประชุมใหญ่ก็เป็นพฤติกรรมที่ตนรู้สึกน่าหัวเราะ
ความคิดค่อนข้างเหมือนเด็ก!
น่าขำ!
เพียรพยายามเพื่อที่จะเหนือกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ จะเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ
ความเพียรพยายามไม่ใช่เพื่อเหตุผลเช่นนี้ เพราะความเพียรพยายามทำให้พวกเราเปลี่ยนไปในทางที่ดียิ่งขึ้น เปลี่ยนไปเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น รักษาผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้น ช่วยชีวิตคนได้มากยิ่งขึ้น
กล่าวตามความจริง เหตุผลที่ชีวิตการทำงานของเฉินชางราบรื่นมากขนาดนี้ก็เป็นเพราะการปรากฏขึ้นของระบบ แต่การปรากฏตัวของจิ่งหรานทำให้เฉินชางหยุดลำพองใจ คนที่เก่งกว่าตนยังมีอีกมาก คนเหล่านั้นไม่มีระบบ พวกเขายังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนั้น แล้วทำไมพวกเราถึงไม่พยายามเข้าล่ะ
เฉียนหลินเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบสองยี่สิบสาม จึงเป็นเรื่องปกติที่จะยังไม่ค่อยมีความเป็นผู้โหญ่ ตนอายุปาเข้าไปยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้ว ทัศนคติในการแก้ปัญหาในหลายๆ เรื่องควรจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ
ต่อให้ไม่มีจิ่งหรานไม่ได้ปรากฏตัว สิ่งที่ควรเพียรพยายามก็ยังคงต้องเพียรพยายามอยู่ดี
มิเช่นนั้นแล้วการเรียนต่อปริญญาโทก็เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
ช่วงนี้ตนก็ค่อนข้างเกียจคร้าน ควรจะตั้งใจเพียรพยายามได้แล้ว
ความจริงแล้วเป็นเพราะเมื่อครู่นี้ ตอนที่เฉินชางได้ฟังสุนทรพจน์ของจิ่งหราน เฉินชางค่อนข้างรู้สึกประทับใจจริงๆ จิ่งหรานเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ เรื่องคว้ารางวัลโนเบลนั่น ตนไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย
แต่จิ่งหรานกลับกล้าคิดเรื่องนี้ กล้าที่จะประกาศกร้าวเสียงดังบนเวทีเช่นนี้!
สิ่งนี้เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
สิ่งนี้เป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่ง!
ตนควรเรียนรู้ความกล้าหาญลับความเด็ดเช่นนี้ไว้!
ในตอนที่เฉินชางกำลังจะก้าวพ้นประตูหอประชุมไป ทันใดนั้นก็ได้เสียงคนผู้คนในหอประชุมส่งเสียงตะโกนเสียงดังโหวกเหวก “มีคนเป็นลม!”
เฉินชางหันหลังกลับไป แล้วทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีคนยืนมุงกันอยู่ระหว่างที่นั่งแถวที่ห้ากับแถวที่หก?
มีคนที่ใช้นิ้วมือจิกที่ร่องปากใต้จมูก[1] แล้วมีคนที่เตรียมทำซีพีอาร์[2]
แล้วก็มีคนที่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา 120[3] แล้ว!
สัญชาตญาณที่ติดตัวจากการทำงานอยู่แผนกฉุกเฉินมาหลายปี ทำให้เฉินชางวิ่งเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเลใดๆ
ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะเป็นนักศึกษาแพทย์ทั้งหมด และให้ความช่วยเหลือผู้เป็นลมได้อย่างมีระเบียบแบบแผน แต่ประสบการณ์ในการช่วยชีวิตคนของพวกเขาไม่มากพอ วิธีการในการช่วยชีวิตมีจำกัด ถึงขั้นที่อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
หลังจากที่เฉินชางวิ่งเข้าบริเวณนั้นแล้ว เขาก็พบว่ามีชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ลมหายใจกระชั้นถี่ ศีรษะโน้มเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย เหตุผลคงจะเป็นเพราะนักศึกษาที่อยู่ด้านข้างเป็นห่วงว่าเขาจะเกิดอาการสำลักอย่างกะทันหันแล้วทำให้มีอะไรอุดกั้นหลอดลมเข้า
ณ ขณะนี้ ชายคนนี้หายกระชั้นถี่มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเขาซีดเผือด!
ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่ต่างก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกในเวลาต่อมา
เฉินชางลองสัมผัสที่มือของชายคนนี้ดู เขาพบว่ามือของชายคนนี้ค่อนข้างเย็น
[ติ๊ง! พบภารกิจกู้ชีพฉุกเฉิน ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมสถาบันที่เป็นลม ได้รับทักษะชั่วคราว:
1.ทักษะการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกระดับสมบูรณ์
2.ทักษะการตรวจของเหลวในร่างกายระดับสมบูรณ์
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ สามารถเลือกหนึ่งทักษะเป็นทักษะถาวร!]
หลังจากที่เฉินชางได้ฟังเสียงแจ้งเตือนจากระบบแล้ว ไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งความดีใจ กลับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที
เมื่อดูจากรางวัลที่ระบบให้แล้ว รางวัลดูหลายหลากมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งระดับยากมากขึ้น ของรางวัลก็ยิ่งดึงดูดใจมากขึ้นตามไปด้วย
รางวัลหลังเสร็จสิ้นภารกิจ รางวัลที่ได้คือรางวัลทักษะระดับสมบูรณ์หนึ่งทักษะ จะต้องเป็นโรคอะไรกันแน่ จึงได้รางวัลทักษะที่ดีขนาดนี้?
แล้วยิ่งคาดไม่ถึงว่าระบบจะเสนอรางวัลให้ล่วงหน้าเพื่อกระตุ้นให้ตนทำภารกิจให้สำเร็จ และด้วยเหตุนี้เฉินชางก็เลยต้องสุขุมเยือกเย็นให้มากขึ้น
ในเวลานี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดูแลงานที่อยู่แถวหน้าได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาทันใดเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในหอประชุม!
“ขอให้นักศึกษานั่งประจำที่ให้เรียบร้อย อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า! เปิดทางเดินด้วยนะครับ จะได้ช่วยนักศึกษาได้สะดวก!”
“จะพูดอีกครั้งนะครับ นักศึกษาทุกท่านนั่งประจำที่อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”
ทุกคนรู้แล้วว่าสถานการณ์ร้ายแรง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ทยอยกันนั่งลงประจำที่และมองไปรอบๆ หอประชุม
เฉียนเลี่ยงกับคนอื่นๆ อีกสองสามคนวิ่งเข้ามายังจุดเกิดเหตุด้วยความร้อนรนเร่งรีบ!
เฉินชางตรวจดูอาการของชายที่เป็นลมหนึ่งรอบ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดโหมดไฟฉาย แล้วบอกกับคนที่อยู่รอบๆ ว่า “ช่วยง้างปากด้วยครับ”
ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบพยักหน้าทันที ลักษณะท่าทางดูค่อนข้างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก คล้ายว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ประหม่าจนมือค่อนข้างสั่น!
ในตอนที่แสงไฟส่องเข้าไปในช่องปาก เฉินชางถึงกับอดขมวดคิ้วไม่ได้ สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย!
ช่องคอมีภาวะบวมน้ำ
หรือว่าจะเป็น…ภูมิแพ้ฉับพลัน[4]
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวเฉินชาง
แต่…ทำไมถึงเกิดอาการนี้ได้ล่ะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางถามผู้ชายคนที่กำลังช่วยง้างปากอยู่ข้าง “ก่อนที่เขาจะเป็นลมไป เขามีอาการไม่สบายอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าได้กินหรือได้ดื่มอะไรไปหรือเปล่า หรือว่ามีอาการไม่พึงประสงค์อะไรหรือเปล่าครับ”
ชายคนนี้ส่ายหน้า “ไม่ได้กินอะไรเลยครับ แต่เหมือนว่าเขาจะสำลักนิดหน่อยก็เลยไออย่างรุนแรง ไอรุนแรงมากครับ พวกเราคิดว่าเขาสำลักน้ำดื่ม!”
“แต่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็เป็นลม! แล้วก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว…”
เฉินชางก็ก้มหน้ามองที่พื้นทันใด เขาพบว่ามีของเหลวที่มีลักษณะเหมือนสารคัดหลั่งภายในร่างกายเจิ่งนองอยู่บนพื้นในปริมาณมาก แล้วก็มี…สิ่งที่มีลักษณะเหมือนแผ่นเจลใสปนอยู่
ทันใดนั้นความเป็นไปอีกหนึ่งสาเหตุก็ผุดขึ้นในหัวเฉินชาง!
เฉียนเลี่ยง หลิวจิ่งเซิ่งกับรองอธิการบดีท่านอื่นๆ ต่างก็วิ่งเข้ามาดู เมื่อเห็นว่าเฉินชางอยู่ในท่าหมอบคลานกับพื้น หลิวจิ่งเซิ่งก็แสดงท่าทีจะเอ่ยถาม
ทว่าจู่ๆ เฉียนเลี่ยงก็ส่ายหน้าห้ามเขาไว้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งใหญ่ แต่ก็ไม่หมายความว่าพวกเขาจะเข้าใจหลักการทั้งหมดในการช่วยชีวิตฉุกเฉิน แพทย์ที่ประจำแผนกฉุกเฉินเชี่ยวชาญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินมากกว่าพวกเขาทุกคน
ในตอนนี้เฉินชางลุกขึ้นแล้ว เฉียนเลี่ยงมองเฉินชางพร้อมกับถามทันทีว่า “เสี่ยวเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
หลังจากที่เฉินชางคิดไตร่ตรองอยู่รอบหนึ่ง เขาก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมสงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอด[5] ครับ เลยทำให้เกิดภูมิแพ้แบบฉับพลัน จำเป็นที่จะต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลาเพื่อรักษาอาการแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอดจริง เราจำเป็นต้องเตรียมผ่าตัดในลำดับต่อไป!”
ในตอนนี้จิ่งหรานก็ลุกจากพื้น ระหว่างที่ฟังเฉินชางวินิจฉัย เขาก็วิเคราะห์อาการของผู้ป่วยไปด้วย
หลังจากที่ฟังคำวินิจฉัยของเฉินชางแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “เขาพูดถูกมากครับ ผมก็สงสัยว่าโรคพยาธิไฮดาติดในปอด ปกติแล้วที่ตงหยางเราไม่มีผู้ป่วยประเภทนี้ ส่วนใหญ่พบโรคนี้ตามท้องถิ่นที่มีเขตปศุสัตว์ค่อนข้างมาก เช่น ซินเจียง ชิงไห่ มองโกเลียใน เป็นต้น ผมเคยเจอผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ มีอาการคล้ายคลึงกันมาก!”
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ถูกต้องครับ เขาเป็นคนมองโกเลียใน ก่อนจะเกิดเรื่องเขายังเล่าให้ผมฟังอยู่เลยว่าครอบครัวเขาอยู่ในเขตปศุสัตว์”
เฉียนเลี่ยงพยักหน้า เวลานี้คนขับรถวิ่งเข้ามาแล้ว “ท่านอธิการบดีเฉียนครับ ผมเตรียมรถเรียบร้อยแล้วครับ!”
เฉินชางไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาแบกผู้ป่วยวิ่งออกไปเลย
นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องแข่งขันกับเวลา!
จิ่งหรานกล่าวกับเฉียนเลี่ยงว่า “ท่านอธิการบดีเฉียนครับ ผมขอตามไปด้วยนะครับ เคสผ่าตัดประเภทนี้…ถ้าในกรณีที่ผลตรวจชัดเจนแล้วว่าเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอด ผมเป็นห่วงว่าที่โรงพยาบาลเราจะมีหมอที่ผ่าตัดเคสได้หรือเปล่า ถึงยังไงการผ่าตัดทรวงอกก็เป็นการผ่าที่เฉพาะทางมาก จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษ…”
เฉียนเลี่ยงดูเคร่งขรึม เขามองตามเฉินชางไปด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ฟังคำพูดของจิ่งหราน เขาก็พยักหน้า “อืม ไปด้วยกัน”
จิ่งหรานกับเฉียนเลี่ยงวิ่งตามกันออกไป!
โชคดีที่เฉินชางแรงเยอะ เขาก็เลยอุ้มชายหนุ่มสูงประมาณร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรใส่เข้าไปในรถไหว
เฉียนเลี่ยงนั่งเบาะที่นั่งข้างคนขับ จิ่งหรานกับเฉินชางรวมทั้งผู้ป่วยนั่งเบาะหลัง
เฉียนเลี่ยงบอกกับคนขับรถเลยว่า “ไปโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลครับ”
คนขับรถพยักหน้า ขับรถไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลเลย
เฉียนเลี่ยงหันไปมองเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน คุณมั่นใจแค่ไหน”
เฉินชางพยักหน้า “ดูอาการแล้วคล้ายมากครับ แต่…ผมยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ครับ ยังต้องตรวจอีกหลายอย่างมากครับ”
เฉียนเลี่ยงพยักหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาถึงได้รู้สึกไว้วางใจเฉินชางมาก
อาจเป็นเพราะเฉินชางชนะใจพวกเขาด้วยการลงมือทำให้เห็นจริงตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
ทำให้เขาเกิดความไว้วางใจโดยไม่รู้ตัว!
[1] ปฐมพยาบาลผู้เป็นลมด้วยวิธีจิกที่ร่องปากใต้จมูก เป็นความเชื่อที่ผิดในการช่วยเหลือผู้ที่เป็นลม ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยให้ฟื้นแล้วยังอาจทำให้ผู้ที่เป็นลมได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมได้
[2] ซีพีอาร์ (Cardiopulmonary Resuscitation, CPR) เป็นการช่วยผู้ป่วยที่กำลังจะหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้กลับมาหายใจได้ตามปกติ ความสำคัญของการทำซีพีอาร์คือต้องทำให้ถูกต้องและทันเวลา เพราะถ้าสมองขาดออกซิเจนไปเกินสี่นาที สมองอาจเสียหายได้
[3] 120 เป็นหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน
[4] ภูมิแพ้แบบฉับพลัน เป็นปฏิกิริยาแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) มักเกิดขึ้นภายใน 5-30 นาทีหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ หรือไม่เกิน 2 ชั่วโมงหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ชนิดรับประทาน อาจมีความรุนแรงถึงชีวิต
[5] โรคพยาธิไฮดาติดในปอด เป็นโรคที่เกิดจากปรสิตสายพันธุ์พยาธิตัวตืด ปกติผู้ป่วยจะแสดงอาการหลังจากติดเชื้อนาน 5-20 ปี หรือเมื่อถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการไอ หายใจขัด เจ็บหน้าอก ถ้าซีสต์แตกอาจมีไอเป็นเลือด หรือมีลมและหนองออกมาในช่องเยื่อหุ้มปอด ผู้ป่วยบางรายจะเกิดภูมิแพ้ต่อสารในถุงซีสต์ ทำให้เกิดลมพิษหรือหอบหืด