บทที่ 229 เรื่องแปลกในโรงพยาบาล
วันนี้ตอนสองทุ่มกว่า จู่ๆ ก็มีลมพัดแรง ประตูใหญ่ของแผนกฉุกเฉินปิดอยู่แต่ก็ยังได้ยินเสียงลมพัดจากด้านนอก จากนั้นก็เริ่มมีเสียงฝนโปรยปรายลงมา
จู่ๆ พยาบาลเล่อเล่อก็กล่าวขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันสารทจีน ระหว่างทางที่ฉันเดินมาเข้าเวรดึกวันนี้ ฉันเห็นคนเผากระดาษเงินกระดาษทอง…ตอนนี้ฝนก็มาตกอีก”
ฟ่านสยาพยาบาลอาวุโสพยักหน้า “อย่าซี้ซั้วพูด ตั้งใจทำงานของคุณไป”
จู่ๆ พยาบาลฝึกหัดก็ถามขึ้นว่า “อาจารย์ฟ่านคะ คุณเคยสัมผัสได้ถึงพลังงานลี้ลับอะไรพวกนั้นบ้างมั้ยคะ”
คำถามนี้ทำเอาพยาบาลอาวุโสฟ่านถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเล่อเล่อเห็นเช่นนั้น เธอก็รีบกล่าวขึ้นว่า “อาจารย์ฟ่านคะ คุณเล่ามาเถอะค่ะ!”
ฟ่านสยาทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสองมาหลายปีแล้ว ปีนี้อายุสี่สิบ เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็ถามเช่นนี้ เธอก็กล่าวเสียงเบาว่า “มีเจอเรื่องแปลกๆ อยู่บ้างเหมือนกัน”
“…ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ปลอดพลังงานลบอะไรขนาดนั้น แต่ก่อนฉันเคยเป็นพยาบาลอยู่แผนกสูตินรีเวช ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ไม่นาน สมัยนั้นยังเป็นตึกเก่าอยู่เลย มีทั้งหมดหกชั้น ห้องคลอดแผนกสูตินรีเวชอยู่ชั้นสาม…”
“…ฉันกลัวการเข้าเวรดึกมากที่สุด!
…เพราะตกดึกมักจะได้ยินเสียงเสียงเด็กทารกร้อง แค่ได้ยินเสียงเด็กทารกร้อง ใจคอฉันก็ไม่ดีแล้ว”
เฉินชางเดินเข้ามาพอดี เขาเกาะเคาน์เตอร์พยาบาลด้านนอก “แผนกสูตินรีเวชมีเสียงเด็กร้องก็ปกติไม่ใช่หรือครับ”
ฟ่านสยาส่ายหน้า “มีเสียงเด็กร้องน่ะเป็นเรื่องปกติ แต่เสียงร้องไม่ได้มาจากห้องผู้ป่วยน่ะสิคะ!”
“…ห้องเก็บของข้างห้องเวรของพยาบาลแต่ก่อนเคยเป็นห้องยุติการตั้งครรภ์ เสียงร้องที่ว่าดังมาจากห้องเก็บของ! ตกกลางคืนฉันไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นฉันเพิ่งตื่นนอน ฉันได้ยินเสียงแว่วคล้ายเสียงเด็กทารก…
…ตอนนั้นฉันกลัวมาก ฉันเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ของฉันฟัง หลังจากที่เธอได้ฟังเรื่องที่ฉันเล่าแล้ว เธอกระซิบบอกฉันว่า ‘แต่ก่อนห้องข้างๆ ไม่ใช่ห้องเก็บของ แต่เป็นห้องยุติการตั้งครรภ์! บวกกับนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาล หลายครอบครัวที่ท้องลูกคนที่สองก็จะถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเพื่อเอาเด็กออกที่ห้องนี้…ไม่รู้เลยว่ามีเด็กตายไปเยอะขนาดไหน!’”
“…ตอนนั้นหลังจากที่ฉันได้ฟังแล้ว ก็ตกใจกลัวขึ้นมาทันที!”
เรื่องเล่าเป็นตุเป็นตะนี้ แม้แต่เฉินชางเองก็ยังรู้สึกหนาว
พยาบาลสาวสองคนก็กลัวเช่นกัน น้ำเสียงที่เธอพูดขึ้นอีกครั้งทุ้มต่ำลงมาก
ฟ่านสยามองพยาบาลทั้งสอง “โธ่เอ๊ย พวกคุณอยู่ที่โรงพยาบาลนี้มาตั้งนานนแล้ว จะมากจะน้อยต้องเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน ไม่จำเป็นจะต้องตื่นตูมกันขนาดนี้”
เล่อเล่อกอดตนเองแน่น กล่าวเสียงเบาว่า “วันนี้เป็นวันสารทจีนนะ อย่าพูดเรื่องพวกนี้ ทำให้คนกลัว!”
พยาบาลฝึกหัดพยักหน้าพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหารูปในโทรศัพท์ “ฉันมีรูปอาจิ่ว[1]นักพรตเต๋าปราบผีดิบ ให้ฉันส่งให้เธอมั้ย”
…
…
เฉินชางกลับไปถึงห้องทำงาน จัดการบันทึกข้อมูลเคสผ่าตัดเมื่อช่วงเช้า
หมอทุกท่านล้วนมีมือหนึ่งคู่ที่ว่องไวปราดเปรียว ใช้บันทึกประวัติผู้ป่วย พิมพ์รหัสต่างๆ แล้วก็ผ่าตัด ถ้ามือไม่ไวก็ทำงานไม่ทันเวลา เมื่อทำงานไม่ทันเวลาต้องทำโอทีทุกวี่ทุกวัน
เวลาประมาณตีหนึ่งกว่า จู่ๆ ก็มีพยาบาลวิ่งอย่างร้อนรนเข้ามา “หมอเฉิน ออกมาเร็วค่ะ มีผู้ป่วยพิเศษ!”
เฉินชางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวขณะที่เล่อเล่อพูด
เฉินชางชะงัก เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ในโถงใหญ่มีหญิงชราคนหนึ่ง รูปร่างอ้วนท้วม ผมขาวทั่วทั้งศีรษะ
แวบแรกที่เฉินชางมองไป สิ่งที่เห็นคือหญิงชรากอดเสื้อผ้า เนื้อตัวเปียกปอนไปทั้งตัว นั่งตัวสั่นเทิ้มอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าซีดขาว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา สายตาดูล่อกแล่ก ค่อนข้างกระสับกระส่าย
หญิงชราน่าจะอายุราวเจ็ดแปดสิบปีแล้ว นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอาการกระสับกระส่ายร้อนรน เส้นผมเปียกชุ่ม
เฉินชางอดบอกเล่อเล่อไม่ได้ว่า “ไปเอาผ้าห่มมาให้เธอ อย่าปล่อยให้เธอหนาวจนเป็นหวัด”
เล่อเล่อพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปเอาผ้าห่ม
เฉินชางเดินตรงเข้าไปหาหญิงชรา “คุณยายครับ คุณยายไม่สบายตรงไหนครับ”
เฉินชางยังไม่ทันพูดออกไป หญิงชราก็กรีดร้องออกมาแล้วรีบวิ่งหนีไป ราวกับเจอกับอะไรที่ทำให้ตกใจกลัว หญิงชราวิ่งไปที่มุมสุดของเคาน์เตอร์พยาบาล นั่งคุดคู้เอาหน้าซุกหน้าขาทั้งสองข้างไว้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา!
เธอร้องห่มร้องไห้พลางขอให้ยกโทษราวกับกำลังร้องขอความเมตตา “ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไป ฉันไม่รู้จริงๆ!…”
“…ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไป…ฉันไม่ได้ทำให้คุณตาย…”
ขณะที่พูดอยู่นั้น หญิงชราก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา ตามด้วยร้องไห้โฮเสียงดัง
เฉินชางตกตะลึงจนตาค้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน
หรือว่าจะมีอาการทางจิต?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
และในเวลานี้เอง มีชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งฝ่าฝนเข้ามาในโรงพยาบาล “แม่ แม่ แม่อยู่ไหน”
เมื่อเฉินชางเห็นสถานการณ์ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “นั่นใช่คุณแม่คุณหรือเปล่า”
หญิงสาวพยักหน้า สีหน้าค่อนข้างหวาดกลัว น้ำเสียงเวลาพูดก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง “ค่ะ คุณหมอ…แม่ของฉันโดนวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนใช่มั้ยคะ!”
ชายหนุ่มเอามือปาดน้ำฝนบนใบหน้าออก เสื้อผ้าของทั้งสองคนเปียมชุ่ม ดูแล้วน่าจะวิ่งฝ่าฝนตามมา
เมื่อเห็นแม่ของตนเองนั่นคุดคู้ร้องห่มร้องไห้อยู่ที่มุมเคาน์เตอร์พยาบาล ทั้งสองก็กระวนกระวายใจ
ตอนนี้เล่อเล่อพลันเอาผ้าห่มไปห่มให้หญิงชรา เธอกำลังจะพูดกับหญิงชรา ทันใดนั้นหญิงชราก็กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา “อย่าเข้ามา!”
เสียงของหญิงชราทำให้เล่อเล่อตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว!
หญิงสาวคนนั้นรีบกล่าวขอโทษทันที “คุณพยาบาล ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!”
เล่อเล่อส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
เฉินชางถามขึ้นวา “คุณแม่คุณเป็นอะไรหรือครับ”
หญิงสาวกลืนน้ำลายหนึ่งอึก แล้วทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “คุณหมอคะ คืออย่างนี้ค่ะ ตกดึกวันนี้แม่ฉันออกไปเผากระดาษเงินกระดาษทอง หลังจากกลับมาถึงบ้านก็มีอาการเพ้อ พูดจาติดขัด ฉันกำลังคิดว่าจะเป็นเพราะแม่ไปเจอกับอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินหรือเปล่า…
…ฉันดูท่าทางของแม่แล้วคิดว่าแม่คงทำกับข้าวไม่ไหว ก็เลยออกไปซื้อกับข้าว ผลคือตอนที่ฉันกลับมาถึงบ้าน ข้าวของในห้องรับแขกกระจัดกระจายไปหมด เก้าอี้ล้มระเนระนาด โซฟาเต็มไปด้วยจานผลไม้ ข้าวของบนโต๊ะกองเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้นไปหมด ตอนนั้นฉันรู้สึกตกใจกลัว! เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉัน…
…และในตอนนี้เอง ฉันได้ยินเสียงคนร้องไห้ ฉันเดินตามเสียงร้องไห้ที่ได้ยินไป หลังจากที่เจอต้นตอของเสียงแล้ว สิ่งที่เห็นคือแม่ของฉันนั่งขดตัวอยู่ในมุมสุดของห้องรับแขกด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร้องห่มร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทิ้ม สภาพเหมือนกับตอนนี้ไม่มีผิด!…”
“…เมื่อเห็นว่าฉันกลับมาถึงบ้านแล้ว แม่ฉันก็ไม่คุยกับฉัน!”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้หญิงสาวก็บอกกับเฉินชางว่า “ฉันคิดว่ามีโจรเข้าบ้าน แต่ไม่มีโจรอะไรทั้งนั้น! ของในบ้านก็ไม่หาย…
…และในตอนนี้เอง จู่ๆ แม่ก็หันมามองฉัน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาล่องลอย พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ‘ลูกแม่ พวกนั้นเพิ่งกลับมา…’
…ในตอนนั้นฉันสับสนงุนงงไปหมดแล้ว ฉันรีบถามแม่ว่า ‘ใครกลับมา แม่’
…แม่ฉันตอบว่า ‘ผู้เฒ่าหวังห้องชั้นล่าง บอกจะพาแม่ไปให้ได้ แถมยังบอกแม่ว่า เจ๊ พวกเรามารับเจ๊แล้ว..’ ”
ทันใดนั้นลูกสาวของหญิงชราก็หน้ามองเฉินชาง “ผู้เฒ่าหวังที่อยู่ชั้นล่างตายไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว!…
…ฉันอาบน้ำแต่งตัวให้แม่ แล้วก็เรียกให้สามีฉัน พี่สาว น้องชายมาช่วยกันปลอบแม่ พวกเราปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ พวกเราสงสัยว่าเป็นเพราะแม่ไปเจอวิญญาณชั่วร้ายมาหรือเปล่า เพราะถึงยังไงวันนี้ก็เป็นวันสารทจีน…”
[1] อาจิ่ว ตัวละครเรื่องผีกัดอย่ากัดตอบ