เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 305 จะไม่มีความดันโลหิตแล้ว!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 305 จะไม่มีความดันโลหิตแล้ว!

เวรดึกของแผนกฉุกเฉินไม่เคยทำให้บุคลากรรู้สึกสงบใจได้เลย หากอยู่ที่นี่ไม่ควรคิดฟุ้งซ่านจะเป็นการดีที่สุด

เฉกเช่นเฉินชางในตอนนี้ เขาเพิ่งงีบไปไม่ถึงสิบนาที เพิ่งจะส่งเสียงกรนออกมาไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตูถี่ๆ ดังขึ้นแล้ว!

เฉินชางลืมตาขึ้น พลิกตัวลงจากเตียงแล้วรีบเดินไปเปิดประตู ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาไปไม่ถึงห้าวินาที

เมื่อเปิดประตูแล้วพบว่าเสี่ยวหลินยืนอยู่ด้านนอก

เสี่ยวหลินมีสีหน้ากระวนกระวาย เธอพูดอย่างร้อนใจว่า “หมอเฉิน แย่แล้วค่ะ มีชายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์บนสะพานท่อแล้วไปชนเข้ากับสะพานท่อข้างๆ สถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้พวกเรา เตรียมส่งรถไปรับแล้วค่ะ ต้องการหมอติดรถไปด้วยค่ะ!“

สีหน้าเฉินชางเปลี่ยนไปทันที เขาเดินออกไปด้านนอกพลางพูดว่า “รีบโทรหาหวังหย่ง เขาเป็นเวรสำรอง บอกให้เขารีบมา ผมจะไปดูหน่อย”

เสี่ยวหลินพยักหน้า “ได้ค่ะ!”

เฉินชางรีบวิ่งไปที่รถฉุกเฉิน เหล่าหลิวคนขับรถเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางทุกเวลา

เมื่อเฉินชางเข้าไปนั่งเรียบร้อย รถก็เคลื่อนตัวออกไปโดยพลัน

สะพานท่ออยู่ใกล้กับโรงพยาบาลอันดับสองที่สุด ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตร ทว่าอุปสรรคสำคัญไม่ใช่เรื่องระยะทาง อุปสรรคสำคัญก็คือรถยนต์วิ่งเข้าสะพานท่อไม่ได้!

ความจริงสะพานท่อก็คือท่อที่เชื่อมแม่น้ำสองสายเข้าด้วยกัน ต่อมาจึงถูกซ่อมแซมทำเป็นสะพานเล็กๆ ปกติจะใหญ่เพียงให้คนเดินกันบนสะพานได้ อย่างมากก็พอให้จักรยานไฟฟ้าขับผ่านได้ แต่ไม่ใช่รถยนต์

รถฉุกเฉินขับได้ถึงถนนข้างสะพานเท่านั้น จากนั้นต้องให้หมอวิ่งไปด้วยตัวเอง หากเดินจากถนนใหญ่ไปสะพานก็ต้องเดินขึ้นบันไดอีกด้วย นี่เป็นอุปสรรคร้ายแรงที่ขัดขวางการช่วยชีวิตโดยไม่ต้องสงสัยเลย!

ใช้เวลาไปไม่ถึงสองนาทีรถฉุกเฉินก็มาถึงจุดจอดรถ เฉินชางเปิดประตูรถแล้ววิ่งกอดกล่องเครื่องมือฉุกเฉินลงไป ส่วนเหล่าหลิวคนขับรถก็เข็นเตียงฉุกเฉินลงไปด้วย

พวกเขากำลังจะขึ้นไปบนสะพานท่อ แต่กลับพบว่าทางขึ้นเป็นบันไดทั้งหมด เตียงเข็นขึ้นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนไปหยิบเปลแล้วรีบวิ่งขึ้นไป

ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว! บนถนนไม่มีคน

เมื่อเฉินชางและเหล่าหลิววิ่งไปถึงสะพานท่อก็พบชายวัยรุ่นสองคนยืนอยู่ข้างสะพาน ในมือกำโทรศัพท์เอาไว้กำลังโทรออก มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งล้มอยู่ข้างๆ และชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เป็นตายไม่แน่ชัด!

เมื่อเห็นรั้วที่มีสภาพยับเยิน เฉินชางก็รู้สึกหนักอึ้ง!

ชนจนยับขนาดนี้เชียว!

คน…ก็คงอันตรายมาก

เฉินชางไม่มีเวลาคิดมาก รีบวิ่งเข้าไปพร้อมเหล่าหลิวคนขับรถ

ชายหนุ่มทั้งสองเห็นเฉินชางสวมชุดกาวน์วิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน ดวงตาพลันเปล่งประกาย

“หมอ! ทางนี้ครับ!”

ตอนนี้ผู้บาดเจ็บนอนพาดอยู่บนราวบันได ร่างกายครึ่งหนึ่งอยู่บนสะพาน หากไม่ระวังอาจตกลงไปได้ทุกเมื่อ!

ไฟทางบริเวณนี้ไม่ค่อยสว่างนัก เห็นได้เพียงรางๆ!

บนถนนไม่มีเลือด คงไม่บาดเจ็บภายนอก…แต่เมื่อเห็นสภาพของชายคนนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือมีการกระทบกระเทือนทำให้กระดูกบริเวณสมองและลำคอเสียหายหรือไม่ หากมี เช่นนั้นการเคลื่อนย้ายจะกลายเป็นเรื่องยากทันที แต่หากปล่อยให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปก็ไม่มีทางช่วยเหลือ อย่างไรก็ต้องนำร่างชายคนนั้นลงมาให้ได้

เฉินชางสะกิดไหล่เขา “คุณครับ! ตื่น! คุณครับ ได้ยินไหมครับ”

……

เฉินชางเรียกเขาอยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

เขาบอกกับทุกคนว่า “พวกเราช่วยกันแบกเขาลงมาเถอะ เหล่าหลิวคุณประคองเอว ผมประคองส่วนศีรษะ แล้วก็…คุณคนนั้น พวกคุณสองคนช่วยประคองแขนขานะครับ”

หากดูจากภายนอกชายสองคนยังอายุไม่มาก อายุคงราวสิบแปดสิบเก้าหรือยี่สิบต้นๆ แต่กลางดึกไม่ยอมหลับนอนมาเที่ยวเตร่อยู่บนสะพานทำไมกัน

เฉินชางไม่สนใจจะคิดเรื่องอื่น ตอนนี้เขามีเพียงความคิดจะช่วยชีวิตคนเท่านั้น

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นขั้นตอนที่ต้องระมัดระวังและพิถีพิถัน

อุบัติเหตุรถยนต์เช่นนี้จะทำให้กระดูกแตกหักได้ง่าย โดยเฉพาะส่วนศีรษะและกระดูกสันหลังส่วนคอ…หากเกิดความเสียหายในบริเวณเหล่านี้แล้วเคลื่อนย้ายด้วยวิธีการไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้อาการทรุดหนักลง

ดังนั้นเมื่อเจอกับผู้ป่วยที่มีอาการเช่นนี้ ห้ามเคลื่อนย้ายเป็นอันขาด มิฉะนั้นจากความหวังดีอาจจะกลายเป็นเรื่องร้ายได้ง่าย วิธีการของชายหนุ่มทั้งสองจึงนับว่าถูกต้องแล้ว!

หลังจากย้ายผู้ป่วยขึ้นเปลได้ เฉินชางก็เปิดกล่องอุปกรณ์แพทย์ฉุกเฉิน รีบตรวจความดันเลือด สังเกตการหายใจและชีพจร…

ตอนนี้เอง เมื่อชายหนุ่มสองคนเห็นว่าไฟทางค่อนข้างมืดสลัวจึงควักโทรศัพท์ออกมาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์แล้วส่องไปทางผู้ป่วย

ไม่นานผลความดันโลหิตก็ปรากฏ หลังจากเห็นตัวเลขแล้ว เฉินชางก็หน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน!

“60/30 mmHg!”

ความดันเลือดระดับนี้ เป็นระดับที่ต่ำจนทำให้ช็อกได้เลย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางพลันหน้าซีด

อาการช็อกจากความดันโลหิตต่ำ…บาดแผลภายนอก…

มีเลือดออกหรือเปล่า แต่ตรวจอยู่นานก็ยังไม่เห็นจุดใดมีเลือดออก!

เช่นนั้นเป็นเพราะอะไร

ทันใดนั้นเอง เฉินชางมองไปยังจุดที่ไฟฉายส่อง พบจุดที่มีสภาพแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง จึงรีบพูดขึ้นว่า “ส่งไฟมาให้ผม!”

ชายหนุ่มข้างๆ ให้ความร่วมมือมาก รีบส่งโทรศัพท์ไปให้

เฉินชางก้มลงมองทันที!

เส้นเลือดขอด?

ทันใดนั้นเอง เคสฉุกเฉินสุดอันตรายเคสหนึ่งก็ปรากฏในสมองของเฉินชาง จะต้องตรวจสอบ!

เฉินชางส่งไฟคืนให้อีกฝ่ายแล้วหยิบหูฟังแพทย์ออกมา

มือทั้งสองหดเกร็งเล็กน้อย เฉินชางเคยได้ยินเกี่ยวกับอาการป่วยชนิดนี้แต่ไม่เคยเห็นกับตาหรือเจอกับตัว หากเป็นเช่นนั้นจริง ต้องได้รับความช่วยเหลือในทันที ไม่อาจยืดเยื้อต่อไปได้อีก!

เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ขยับหูฟัง วางลงบริเวณหน้าอกของผู้บาดเจ็บ…

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจดังขึ้นรางๆ เป็นจังหวะที่เร็วมาก คล้ายกับเสียงกลองดังต่อเนื่องไม่หยุด แต่เสียงกลับเบาและฟังดูห่างออกไปเรื่อยๆ!

สีหน้าเฉินชางเปลี่ยนไปโดยพลัน! นี่มัน… ภาวะหัวใจบีบรัดกลุ่มที่สามของเบ็ค![1]

นี่เป็นอาการป่วยร้ายแรงเกี่ยวกับหัวใจชนิดหนึ่ง ซึ่งก็คือภาวะหัวใจบีบรัดเฉียบพลัน ปรากฏในกลุ่มอาการตัวอย่างของทฤษฎีกลุ่มที่สามของเบ็ค (beck’s third) โดยทั่วไปจะมีอาการความดันสูงจนทำให้เส้นเลือดที่คอบวมหรือขยายตัว นี่คือสัญญาณแรก

ต่อมาคือความดันโลหิตลดลงอย่างเฉียบพลัน ทำให้เส้นเลือดหดตัว ชีพจรเต้นเบาลงจนช็อค นี่คือสัญญาณที่สอง

ต่อมาคือปริมาตรเลือดที่ถูกบีบออกจากหัวใจน้อยลง หัวใจเต้นเบาลง หัวใจเต้นเร็วเกินขนาด นี่คือสัญญาณที่สาม

สัญญาณทั้งสามนี้ปรากฏให้เห็นต่อหน้าเฉินชางแล้ว!

เฉินชางรีบคลำผิวหนังของผู้บาดเจ็บ รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของร่างกายกำลังลดลงไม่หยุด

เขาแน่ใจแล้วว่าผู้ป่วยต้องเกิดบาดแผลภายนอกจนทำให้เกิดภาวะบีบรัดหัวใจเฉียบพลันแน่นอน และปัจจุบันนี้ผู้ป่วยก็ตกอยู่ในภาวะช็อค สถานการณ์อันตราย อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ

ภาวะบีบรัดหัวใจคืออะไร

หัวใจเป็นอวัยวะที่รักษาการไหลเวียนโลหิตของร่างกายมนุษย์ ช่วยให้เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะและเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งเยื่อหุ้มหัวใจก็เปรียบเสมือนเกราะของหัวใจ มันคอยปกป้องหัวใจอยู่ด้านนอก เป็นชั้นโครงสร้างที่คลุมหัวใจและเส้นเลือดใหญ่เอาไว้ชั้นหนึ่ง

ระหว่างหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจจะมีช่องว่างอยู่เรียกว่าช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เป็นช่องว่างที่อยู่ระหว่างพื้นผิวหัวใจและถุงเยื่อหุ้มหัวใจ

โดยปกติแล้วในช่องเยื่อหุ้มหัวใจจะมีน้ำสีเหลืองอ่อนอยู่เล็กน้อยเพื่อหล่อลื่นพื้นผิวหัวใจ ทำหน้าที่คล้ายกับน้ำมันที่ช่วยหล่อลื่นเครื่องยนต์ เพราะหัวใจก็เหมือนกับลูกสูบที่มีการเคลื่อนไหวไม่หยุด ด้านนอกมีถุงหุ้มหัวใจติดอยู่จึงทำให้เกิดการเสียดสี ดังนั้นของเหลวสีเหลืองอ่อนนี้ก็เปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่น ช่วยลดการเสียดสีระหว่างหัวใจและถุงเยื่อหุ้มหัวใจ

แต่เมื่อหัวใจเกิดการบาดเจ็บภายนอกหรือเส้นเลือดบริเวณหัวใจเกิดความเสียหายจะทำให้เกิดภาวะสะสมของเหลวในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial Effusion)[2]เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเฉียบพลันเพราะหัวใจบาดเจ็บนั่นเอง

เนื่องจากความยืดหยุ่นของหัวใจมีขีดจำกัด หากเลือดที่สะสมอยู่ในหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 150 ml อย่างฉับพลัน จะไปรบกวนการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนเลือดสู่หัวใจ และเกิดระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเฉียบพลันจนนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้น

ลองคิดดู หากมีของเหลวสะสมอยู่ในช่องเยื่อหุ้มหัวใจมากจนบวมแล้วไปกดเบียดหัวใจจนหัวใจเต้นไม่ได้ หัวใจที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงทั้งร่างกายก็ทำได้เพียงพยายามหดตัว หดตัว…จนหัวใจเต้นเร็วแต่ปั๊มเลือดออกมาได้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะแรงกดจากด้านนอกทำให้ติดขัด!

ไม่นานหัวใจก็จะหยุดเต้น ทำให้ระบบหมุนเวียนล้มเหลว จนกระทั่ง…เสียชีวิตเฉียบพลัน!

ดังนั้นสภาพอาการของผู้ป่วยในตอนนี้อันตรายมาก อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือ ลดอาการกดเบียดบริเวณหัวใจ เป็นดั่งฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของผู้ป่วย

[1] ภาวะหัวใจบีบรัดกลุ่มที่สามของเบ็ค (Beck’s third) – หมายถึงกลุ่มอาการโรคหัวใจที่มีอาการสามอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ได้แก่ เส้นเลือดที่คอบวมหรือขยายตัว หัวใจเต้นเงียบ หรือเต้นแผ่ว และความดันโลหิตต่ำมาก ซึ่งทั้งหมดมักจะชี้ไปที่สภาพหัวใจที่เรียกว่า “cardiac tamponade”

[2] ภาวะสะสมของเหลวในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial Effusion) – คือภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ภายในถุงเยื่อหุ้มรอบหัวใจมากผิดปกติ โดยเป็นผลมาจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ ทำให้เกิดการสร้างของเหลวขึ้นมาสะสมในชั้นระหว่างเยื่อหุ้มหัวใจเป็นปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งอาจไปกดเบียดและรบกวนการทำงานของหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเสียชีวิตได้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท