บทที่ 311 สามีภรรยาแพ็คคู่
เฉินชางเดินออกมาจากห้องสังเกตการณ์ รู้สึกเจ็บที่หัวใจมากๆ!
ไม่ใช่เจ็บแบบกล้ามเนื้อหัวใจตาย! ไม่ใช่รู้สึกไม่สบายเพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจไม่พอ แต่มันเหมือนกับ…อืม เป็นความเจ็บปวดที่อันตรายจริงๆ เจ็บปวดจากจิตวิญญาณ
ตลอดค่ำคืนนี้ เป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งมันสร้างความบาดเจ็บให้เฉินชางแบบเลือด -999 เลยทีเดียว
เฉินชางไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ แต่คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าวันหลังจะไปให้ฉินเยว่ช่วยรักษา…
……
เมื่อย้อนคิดไปถึงสายตาที่ซุนเซิ่งและหนิวฮุ่ยใช้มองกัน แย้มยิ้มอย่างโง่งมให้กันเช่นนั้น เฉินชางก็รู้สึกว่าช่างดีจริงๆ!
ซุนเซิ่งมองภรรยา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ที่รัก…จ่ายเงินไปเท่าไหร่”
หนิวฮุ่ยถลึงตาใส่ซุนเซิ่งที่นอนอยู่บนเตียง คิดอยากตำหนิเขา แต่เมื่อมองดูเขาแล้วก็กล่าวคำพูดตำหนิมากมายไม่ออกสักคำ ณ ตอนนี้ คำตำหนิและความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดกลายเป็นอารมณ์อ่อนโยนดุจสายน้ำไปแล้ว “หากไม่มีเงินพวกเราก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีคุณจะทำยังไงล่ะคะ”
มีเพียงฤดูหนาวที่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของต้นสน
มีเพียงช่วงเวลายากลำบากที่จะได้เห็นนิสัยที่แท้จริง
ทั้งสองเงียบงันไม่กล่าววาจา
ความเงียบเอาชนะทุกสรรพสิ่ง
ทั้งสองไม่เคยเบื่อที่จะมองกัน
เดินเคียงกันจนเส้นผมขาวโพลน
สามีภรรยาก็เปรียบเหมือนนกที่บินไปในทิศทางเดียวกัน บินคู่กันไปไม่จากลา
……
ตอนเช้า เฉินชางยังคงทำเหมือนที่ผ่านมา แลกเวรเสร็จแล้วเลิกงานไปพักผ่อน
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะซื้อของกินที่ร้านอาหารเช้าข้างทางแห่งหนึ่ง มีเต้าฮวยหนึ่งถ้วย ไข่ไก่หนึ่งฟอง ซาลาเปาสองลูก และเครื่องเคียงอีกจำนวนหนึ่ง
เขากินข้าวมื้อสุดท้ายตั้งแต่หกโมงเย็นของมื่อวาน ตอนนี้เก้าโมงเช้าแล้ว เท่ากับไม่ได้กินข้าวมาสิบห้าชั่วโมงเต็ม เช้านี้เขาหิวจนทนไม่ไหวจริงๆ!
เฉินชางคิดว่าต่อไปนี้หากเข้าเวรดึกจะต้องเอาหม้อไปไว้ในห้องเวรเสียหน่อยแล้ว จะได้เอาไว้ทำอะไรกิน
ตอนนี้แสงแดดค่อนข้างดี ไม่ร้อนเกินไป ให้ความรู้สึกสบายใจและอบอุ่น
เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทางกายไม่ได้ปรากฏชัดเจนขนาดนั้นอีก จึงลุกขึ้นไปเดินรอบสวนสาธารณะกู่โหลวรอบหนึ่ง
ขณะนี้สวนสาธารณะกู่โหลวครึกครื้นเป็นพิเศษ สมาชิกของสมาคมศิลปะยังคงร้องเพลงประสานเสียงเป็นท่วงทำนองเพลงเก่าชวนให้คิดถึง คุณปู่พาหลานมาเล่นอยู่ข้างต้นไม้ ในช่วงเวลาเช่นนี้จะเห็นชายหนุ่มหญิงสาวน้อยมาก จึงถือได้ว่าเป็นห้วงเวลาของเหล่าผู้สูงวัย
ขณะเดินผ่านเส้นทางที่ทอดยาวแห่งหนึ่ง เฉินชางก็เห็นคุณป้านั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา เนื่องจากบริเวณนี้ก็คือ ‘ระเบียงหาคู่’ ที่โด่งดังนั่นเอง
เฉินชางเคยได้ยินว่าในมือของคุณป้าเหล่านี้มีข้อมูลคนโสดอยู่นับไม่ถ้วน พวกเธอจะคอยแนะนำคู่ดูตัวให้อีกฝ่าย
แต่คิดไปคิดมา เฉินชางก็ยับยั้งแรงกระตุ้นในใจเอาไว้ได้ หลังจากเขาเดินครบหนึ่งรอบก็เริ่มง่วง จึงรีบกลับบ้านไปนอน
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยความเคยชิน เช็คว่ามีข้อความเข้าหรือมีใครโทรหาหรือไม่
เรียกได้ว่ามีคนใส่ใจตนเองมากทีเดียว
10010 ส่งข้อความมาบอกว่า เดือนหน้าตนมีเงินเหลือไม่มาก จะต้องเติมเงินแล้ว
พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีฝนตก อย่าลืมพกร่ม
ข่าวซุบซิบส่งข้อความมาให้มากมาย
……
แต่ข้อความหนึ่งดึงดูดสายตาของเฉินชางได้ดี ก็คือข่าวบุคลากรบางส่วนของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลตงหยางไม่ทำตามกฎข้อบังคับของโรงพยาบาล นำของเสียทางการแพทย์ไปขายจนก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรง ทำให้ถูก…ลงโทษ!
เฉินชางชะงักไป หลังจากเปิดข่าวดูก็ต้องตื่นตะลึงไปโดยพลัน
ขณะสิงอวี่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล นางพยาบาลในห้องผ่าตัดและพยาบาลของแผนกศัลยกรรมมือได้ถ่ายรูปสำลีเปื้อนเลือดและสายน้ำเกลือที่ใช้ในกระบวนการรักษาสิงอวี่ลงในกลุ่มเพื่อนของแอปวีแชท ทำให้มีคนอยากซื้อ บางคนถึงกับเอาไปโพสต์ต่อในเถาเป่า
เมื่อเฉินชางอ่านอย่างละเอียดดูแล้วก็พบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำลังฮอตในโซเชียล ติดฮอตเสิร์ชบนเวยป๋อด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ดีที่ตอนนั้นสิงอวี่ไม่ได้สวนท่อปัสสาวะ มิฉะนั้น…แค่คิดเฉินชางก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัวแล้ว
มันมีค่าเท่าไหร่กันนะ
น่ากลัวจริงๆ!
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเฉินชางมองเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอก็ต้องชะงักไป
จางโหย่วฝูโทรหาเขาทำไม
เขารีบรับโทรศัพท์ “หัวหน้าจาง สวัสดีครับ!”
จางโหย่วฝูหัวเราะ “เสี่ยวเฉิน สวัสดี เมื่อเช้าผมไปหาคุณที่แผนกแต่คุณไม่อยู่ มีคนบอกว่าคุณเพิ่งเลิกเวรดึก เย็นนี้คุณพอจะว่างหรือเปล่าครับ”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “ว่างครับ”
จางโหย่วฝูส่งเสียงอืมๆ “เย็นนี้ออกมากินข้าวกันนะครับ คุยเรื่องงานสัมมนาประจำปีด้วย”
เมื่อเฉินชางได้ยินคำว่างานสัมมนาประจำปีก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา ตอนนี้เขามีภารกิจติดตัวอยู่ ภารกิจเบื้องต้นคือต้องเข้าร่วมงานสัมมนาระดับมณฑลและได้รับฐานะเป็นคณะกรรมการ ภารกิจขั้นต่อไปก็คืองานสัมมนาระดับชาติ
ตอนนี้เขาได้เข้าร่วมสมาคมศัลยกรรมมือของสมาคมการแพทย์จีนแล้ว รอหนังสือประกาศเกียรติคุณส่งกลับมาเท่านั้น
เฉินชางกำลังคิดว่าตนจะได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยางหรือไม่ เขาตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะต้องคุยกับหัวหน้าจางให้ดี ลองถามดูว่าหากจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รีบพยักหน้าตอบรับ
พอถึงเวลาหกโมงเย็น โทรศัพท์ของเฉินชางก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เสี่ยวเฉิน ผมจะส่งโลเคชั่นไปให้นะครับ คุณมาตามนี้เลย คืนนี้ลองชิมฝีมือผมดู”
เฉินชางชะงักไป ไปกินข้าวที่บ้านหรือ หัวหน้าจางเป็นมิตรขนาดนี้เชียวหรือ
“เอ่อ…ไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับหัวหน้า!” เฉินชางหัวเราะกระอักกระอ่วน
จางโหย่วฝูลอบหัวเราะในใจ เขาก็ต้องการให้เฉินชางรู้สึกไม่ดีนั่นแหละ
วิธีเอาชนะใจคนของจางโหย่วฝูและหลี่เป่าซานต่างกันราวฟ้ากับเหว จะช้าจะเร็วเฉินชางก็ต้องมาเป็นคนในแผนกศัลยกรรมทั่วไปของเขา!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางโหย่วฝูก็หัวเราะ “เกรงใจเกินไปแล้ว เมื่อก่อนผมไม่ค่อยถูกกับคุณ แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นการขอโทษและชดเชยให้คุณนะครับ คุณมาเถอะ ผมส่งโลเคชั่นให้คุณทางวีแชทแล้ว”
หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้ว จางโหย่วฝูก็ส่งโลเคชั่นมาให้เฉินชาง
เมื่อเฉินชางได้ยินคำพูดของจางโหย่วฝูก็ชะงักไปเล็กน้อย
หัวหน้าจางนี่…จริงๆ เลย…
คนระดับหัวหน้าแผนกผู้สูงส่งถึงกับบอกว่าจะขอโทษและชดเชยให้หมอน้อยคนหนึ่ง จะให้หน้ากันเกินไปแล้ว หากเฉินชางไม่ไปก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าจางโหย่วฝูเกินไป
ความจริงช่วงหลังๆ มานี้จางโหย่วฝูก็ปฏิบัติต่อตนไม่เลวเลย เมื่อคิดดูแล้ว เฉินชางจึงตัดสินใจนำของขวัญไปให้หัวหน้าจางด้วย
ซื้อเหล้าไปให้สองขวดดีไหมนะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว
เขาซื้อเหล้าเหล่าไป๋เฟินแบบหมักสิบปีมาจากตลาดสองขวด ไม่แพงและไม่ถูกเกินไป กำลังเหมาะสมพอดี
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการไปบ้านคนระดับหัวหน้า หากไม่นำของขวัญไปด้วยคงไม่ดีนัก
นอกจากนี้ จะอย่างไรจางโหย่วฝูก็เป็นหัวหน้าแผนก หัวหน้าแผนกที่อายุสี่สิบต้นๆ แล้ว สำหรับหมอ ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ยังอ่อนเยาว์และแข็งแรง อนาคตอาจเป็นคนใหญ่คนโตในวงการ หากสานสัมพันธ์ไว้ให้ดีก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
เฉินชางใช้เวลาเดินทางยี่สิบกว่านาทีจึงมาถึงบ้านจางโหย่วฝู
เขาเคาะประตู เมื่อประตูถูกเปิดออกเฉินชางก็ตกตะลึงจนตาค้าง!
“เอ๋? อาจารย์หยาง?”
คนที่มาเปิดประตูไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหยางถง หัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรนั้นเอง
หยางถงยิ้ม วางรองเท้าสำหรับใช้ในบ้านไว้ข้างเท้าเฉินชางแล้วทักทายด้วยท่าทางเป็นมิตร “รีบเข้ามาเถอะค่ะ เสี่ยวเฉิน”
ระยะนี้เฉินชางไปที่ฝ่ายฝึกอบรมบุคลากรบ่อยครั้งเพราะเรื่องการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบแผลเล็ก และได้เจอหยางถงบ่อยๆ
ไม่แปลกใจเลยที่หยางถงจะเอ็นดูเขาขนาดนี้…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
ในโรงพยาบาลมีเรื่องทำนองนี้มากมาย สามีเป็นหมอ หรือหัวหน้าแผนกทางคลินิก ส่วนภรรยาทำงานธุรการหรือตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ
หากเป็นบริษัทเอกชนย่อมไม่สนับสนุนการคบหากันในที่ทำงาน แต่หน่วยงานรัฐบาลอย่างเช่นโรงพยาบาลนั้นกลับส่งเสริมเรื่องทำนองนี้เป็นอย่างยิ่ง! เพราะจะอย่างไรก็เป็นการส่งเสริมผู้มีความสามารถอย่างลับๆ
ครอบครัวคุณอยู่ที่นี่ แล้วคุณจะไปที่ไหนได้
ดังนั้นหลายปีมานี้ ช่วงเวลารับสมัครบุคลากรของโรงพยาบาลจึงเป็นที่นิยมสำหรับคู่รักมาก กระทั่งมีการจัดโปรโมชั่นเพิ่มสวัสดิการเพื่อดึงดูดบุคคลผู้มีความสามารถให้มาทำงานเป็นคู่เลยทีเดียว
เช่นเดียวกับจิ่งหรานและเกิ่งเหยียน แม้เกิ่งเหยียนจะมีประวัติการศึกษาถึงแค่ระดับปริญญาตรี แต่หากอยากสมัครเข้าทำงานในโรงพยาบาลตงต้าด้วยกันกับจิ่งหราน ทางโรงพยาบาลก็จะจัดหางานให้เธอ ถึงจะทำงานด้านคลินิกไม่ได้แต่ก็ทำงานด้านธุรการได้ไม่ใช่หรือ
ยิ่งไปกว่านั้น โดยปกติสามีภรรยาจะส่งเสริมเกื้อหนุนกัน หากฝ่ายหนึ่งก้าวหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็จะค่อยๆ ก้าวหน้าตามไปด้วย
จางโหย่วฝูและหยางถงที่อยู่เบื้องหน้าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด