บทที่ 326 ผมสู้อาจารย์เฉินไม่ได้! (1)
เมื่อทุกคนเห็นกระบวนการเย็บและความเร็วในการเย็บของเฉินชางก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง!
ทุกคนเริ่มพึมพําขึ้นมา พากันถามถึงเฉินชาง
“นี่…หมอเฉินคงไม่ใช่แพทย์อินเทิร์นสินะ อาจจะเป็นแพทย์ที่เข้ามาศึกษาเพิ่มเติมก็ได้ หรือบางทีอาจจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน!”
“ยังต้องพูดอีกเหรอ เคยเห็นนักเรียนคนไหนมีมือแบบนั้นหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนเลย แม้แต่หมอของโรงพยาบาลเราก็เถอะ จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ทำได้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ต้องใช่แน่! อีกอย่าง…อย่างน้อยก็ต้องเป็นแพทย์เจ้าของไข้!”
“ผมเดาว่าคงเป็นหมอที่กลับมาจากต่างประเทศเหมือนหัวหน้าเมิ่งกับหัวหน้าจิ่งนะครับ มีทักษะสูงทีเดียว!”
“แต่เขายังหนุ่มเกินไป ยังมีผมบนหัวเยอะอยู่เลย!”
“ใช่แล้ว ระดับสูงมาก เทคนิคและความเร็วในการเย็บก็ไม่ใช่ธรรมดา ความสามารถแบบนี้หากเป็นสถาบันเล็กๆ ต้องฝึกออกมาไม่ได้แน่นอน!”
สามารถเย็บหลอดเลือดแดงใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งนาทีกว่า ความสามารถระดับนี้…ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนเลย ต่อให้หมออัจฉริยะหรือแพทย์เฉพาะทางก็ใช่ว่าจะทำได้
มิน่าล่ะ ซย่าเกาเฟิงถึงให้เขามาเย็บ!
……
ความจริง…หากให้พูดกันตามตรง ซย่าเกาเฟิงก็ตกใจเช่นกัน นี่มันเหนือความคาดหมาย!
ไม่!
หากจะพูดให้ถูกต้อง ควรจะเป็นเซอร์ไพรส์มากกว่า!
เจ้าหนุ่มนี่ ตอนที่เย็บแบบจำลองในแผนกใช้เวลานานแค่ไหนนะ ประมาณสองนาทีใช่ไหม
แต่ว่า…คราวนี้เพิ่งจะใช้เวลาไปเท่าไหร่เอง แม้จะจำเวลาไม่ได้ แต่จะต้องเร็วมากแน่นอน
หรือตอนแข่งคราวที่แล้วเขาจงใจลดระดับตัวเอง
หรือจะบอกว่าแต่ไหนแต่ไรเฉินชางไม่เคยเห็นเก่อฮว๋ายเป็นคู่แข่ง จึงได้จงใจลดระดับตัวเองตั้งแต่แรก…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของซย่าเกาเฟิงก็เต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด ตกลงชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่
น่ากลัวจริงๆ!
หากเวลาผ่านไปจะเติบโตได้ถึงระดับไหนกันนะ
ทางด้านเก่อฮว๋าย เมื่อเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกสักประโยคเดียว
เขารู้สึกเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อเรื่องนี้จริงๆ
มีคนที่เย็บได้เร็วขนาดนี้อยู่จริงๆ หรือ
คำถามและความสงสัยต่างๆ นานาดังขึ้นในหูอย่างต่อเนื่อง ปลุกให้เก่อฮว๋ายหมอที่อยู่ในความสับสนไม่รู้จักโตให้ตื่นขึ้นแล้ว ในครั้งนี้เก่อฮว๋ายทำเพียงยิ้มบางๆ บางสิ่งที่เรียกว่าความเฉียบคมเริ่มปรากฏให้เห็นในตัวเขาแล้ว
หมออายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่ง นับเป็นช่วงเริ่มต้นของชีวิตหมอ เป็นปีที่ก้าวหน้าเร็วที่สุดของศัลยแพทย์ หากไม่มีความคิดเฉียบคมจะพัฒนาฝีมือได้อย่างไร!
เขารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองคล้ายกับจมอยู่ในความเสื่อมโทรม คุ้นชินกับงานและชีวิตเดิมๆ ตอนนี้เมื่อมองกลับไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเหลวไหลมากจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็รู้สึกว่าเลือดของตัวเองร้อนผ่าว
จู่ๆ ก็มีความกล้าแผ่กระจายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขากำมือทั้งสอง รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากหัวใจ คล้ายจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างบางอย่าง
……
การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป เฉินชางยังไม่วางไหมสำหรับเย็บลงจากมือเพราะเขารู้ว่ายังมีเส้นเลือดเสียหายอีกมากมายที่ต้องเย็บซ่อมแซม และยังมีอีกหลายแห่งที่ต้องรักษา
เขาค่อยๆ ทำไปทีละขั้น หาหลอดเลือดแดงที่ได้รับความเสียหายเจอไปแล้วเจ็ดแปดแห่ง
ซย่าเกาเฟิงที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ตกตะลึงจนตาค้าง การผ่าเปิดเพื่อตรวจสอบและหยุดเลือดในครั้งนี้ทำให้พบจุดเล็กๆ ที่มีเลือดออกหลายแห่ง
นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความละเอียดและจริงจังของเฉินชางเท่านั้น แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของเฉินชางที่มีต่อหลอดเลือดและระบบในช่องอก และยังเป็นการสะท้อนถึงความสามารถในการแยกแยะบาดแผลของเขาอีกด้วย
หากไม่มีประสบการณ์ทางด้านการผ่าตัดและประสบการณ์ทางด้านคลินิกเป็นเวลานานนั้นย่อมทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน!
หรือเสี่ยวเฉินจะเป็นหมอในวงการศัลยกรรมทรวงอก
ไม่ใช่แค่ซย่าเกาเฟิงที่จมลงสู่ความสงสัย กระทั่งเมิ่งซีที่สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ อย่างละเอียดตั้งใจก็เช่นกัน หากว่ากันตามตรง เฉินชางทำให้เธอตกตะลึงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอมีความหวังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ณ เวลานี้ ในใจของเมิ่งซีเริ่มไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน บางทีต่อไปนี้เธอควรฝึกชายที่อายุน้อยกว่าตนเพียงสามปีคนนี้ให้ดี! ต่อไปเธอควรให้โอกาสเฉินชางลงมือมากๆ
ขณะนี้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกแล้ว จิ่งหรานรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกเดินเข้ามา
ตอนนี้จิ่งหรานอาศัยอยู่ที่บ้านของเกิ่งเหยียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เมื่อได้รับแจ้งข่าวเขาก็รีบวางถ้วยวางตะเกียบแล้ววิ่งมาทันที
เมื่อเดินเข้ามาแล้วพยาบาลประจำห้องผ่าตัดก็เข้ามาจะช่วยเขาเปลี่ยนชุด ทว่าเมื่อจิ่งหรานเงยหน้าขึ้นก็พบกับคนคุ้นเคยจนทำให้เขาชะงักไป!
เฉินชาง?
เมื่อเห็นเฉินชาง จิ่งหรานก็ผ่อนคลายลงโดยพลัน เส้นประสาทที่ขึงตึงก็เบาสบายขึ้น เขามองไปทางพยาบาลแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องสวมแล้วครับ”
พยาบาลตกใจ ไม่เปลี่ยนชุดแล้วหรือ ทำไมล่ะ?
จิ่งหรานมองไปทางเฉินชางที่กำลังยุ่งอยู่กับการผ่าตัด ความไม่สบายใจเริ่มหายลงท้องไปแล้ว
มีเฉินชางอยู่ จะต้องกังวลอีกหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งหรานก็เดินเข้ามาในฐานะผู้สังเกตการณ์เป็นครั้งแรก เขาค่อนข้างสนใจการผ่าตัดของเฉินชาง
เมื่อหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกเห็นจิ่งหรานก็รีบทักทายทันที “หัวหน้าจิ่ง”
กระทั่งเมิ่งซีและซย่าเกาเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าให้
บุคคลที่มีความสามารถ ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็มักจะได้รับความเคารพนับถือ
จิ่งหรานเพิ่งมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ไม่นาน แต่เขาก็ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตนเองพิชิตคนในโรงพยาบาลได้สำเร็จจนได้รับคำเรียกขานว่าหัวหน้าจิ่ง
ซย่าเกาเฟิงชอบหัวหน้าแผนกที่ยังหนุ่มแน่นคนนี้มาก แต่เมื่อเห็นว่ารออยู่นานแล้วจิ่งหรานก็ไม่ยอมไปเปลี่ยนชุดเสียทีจึงอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าจิ่ง ทำไมคุณไม่ไปเปลี่ยนชุดล่ะครับ”
จิ่งหรานยิ้มบางๆ “หัวหน้าซย่า มีหมอเฉินอยู่ ผมจะต้องเปลี่ยนชุดไปทำไมล่ะครับ แบบนั้นเป็นการทำเรื่องเกินความจำเป็นไม่ใช่หรือครับ”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา คำพูดแว่วเข้าหูคนมากมาย ต่างคนก็ต่างความคิด ส่วนคนที่มีความอดทนก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละน้อย คำพูดนี้ควรค่าให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนจริงๆ
ขณะนั้นเอง เมิ่งซีก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนเฉินชางผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจจึงผ่าเปิดช่องอกได้ดีเพียงนั้น หรือว่าเฉินชางจะเหมือนกับจิ่งหราน ถนัดการผ่าตัดในด้านศัลยกรรมทรวงอก
คงจะเป็นเช่นนี้แน่!
ซย่าเกาเฟิงก็มีท่าทีใคร่ครวญ อดพูดไม่ได้ว่า “ที่แท้หมอเฉินก็ถนัดเรื่องศัลยกรรมทรวงอกนี่เอง มิน่าล่ะ…มิน่าล่ะ…”
จิ่งหรานชะงักไป “หมอเฉินเป็นนักเรียนของหัวหน้าเมิ่งในแผนกศัลยกรรมหัวใจไม่ใช่หรือครับ พวกคุณยังไม่เข้าใจความสามารถของหมอเฉินอีกหรือ ความจริงจะพูดแบบนี้ก็ได้นะครับ ความสามารถและความเข้าใจในด้านการผ่าตัดเกี่ยวกับศัลยกรรมทรวงอกของเฉินชางไม่ได้แย่ไปกว่าผมเลย บางเรื่องอาจจะเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ!”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนในนั้นก็อดสูดหายใจเอาอุณหภูมิยี่สิบสององศาและความชื้นสามสิบเปอร์เซ็นของห้องผ่าตัดเข้าไปในปอดไม่ได้!
เฉินชางเก่งขนาดนั้นเชียว!
ความสามารถทางด้านศัลยกรรมทรวงอกเหนือกว่าหัวหน้าจิ่ง และความสามารถในการเย็บหลอดเลือดซึ่งจัดอยู่ในแผนกศัลยกรรมหัวใจก็ยังเหนือกว่าทุกคนที่นี่ด้วย!
นี่…จะเว่อร์ไปหรือเปล่า
ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถ่ายละคร ดูไม่น่าเป็นความจริงได้เลย