บทที่ 328 VIP สุดพิเศษ
ไม่นานการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในภาวะเสถียร
ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากการมีเลือดออกในช่องอกและมีหลอดเลือดแดงใหญ่เสียหายคนนี้ถูกช่วยชีวิตไว้สำเร็จ
ภายในห้องมีเสียงปรบมือดังขึ้น เฉินชางทราบดีว่าเสียงปรบมือเหล่านี้มอบให้แก่ทุกคน นี่ไม่ใช่ผลงานของเขาเพียงคนเดียว เป็นการร่วมมือกันของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่
การผ่าตัด ไม่เคยมีวีรบุรุษผู้โดดเดี่ยวที่ต่อสู้เพียงลำพัง
ผู้ป่วยถูกย้ายไปอยู่ห้อง ICU จำเป็นต้องจับตาดูอาการเพื่อรักษาต่อไป
เฉินชางบอกลาทุกคนแล้วกลับไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว การผ่าตัดกินเวลาไปสามชั่วโมง ไม่นับว่านานเท่าไหร่
เฉินชางเพิ่งจะเดินเข้ามาที่ห้องหมอของแผนกฉุกเฉิน หวังหย่งก็รีบเดินเข้ามาพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าตามหาคุณอยู่ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะครับ”
เฉินชางชะงักไป “มีอะไรครับ”
หวังหย่งหนังตากระตุก “ผมก็ไม่รู้ชัด แต่…ดูเหมือนหัวหน้ามีท่าทางหน้าดำคร่ำเครียด เหมือนจะไม่สบอารมณ์เอามากๆ คุณก็ระวังหน่อยเถอะ”
เฉินชางชะงักไป
หัวหน้าหลี่มีวันที่หน้าขาวด้วยหรือ
ว่าแต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรกลับไปหาหัวหน้าหลี่ แต่เมื่อหยิบมือถือออกมาแล้วกลับเห็นว่ามีเบอร์ที่ไม่ได้รับถึงสิบเจ็ดสิบแปดสาย
เฉินชางชะงักไปทันที
ให้ตายเถอะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อครู่นี้เขากำลังผ่าตัดอยู่จึงตั้งโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบเอาไว้ พอออกมาแล้วก็ลืมดู ตั้งแต่เที่ยงถึงสี่โมงมีสายที่ไม่ได้รับสิบเจ็ดสิบแปดสาย เว่อร์วังจริงๆ
ถานจงหลินโทรมาห้าหกสาย
หลี่เป่าซานสามสาย
ฉินเสี้ยวหยวนสองสาย
หยางเทาสองสาย
ฉินเยว่หนึ่งสาย
มีเบอร์ไม่คุ้นอยู่บ้าง ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ก็ดูทรงอำนาจจริงๆ เป็นเลขที่เรียงต่อกันอย่างสวยงาม
เฉินชางคิดไปคิดมา ตัดสินใจแล้วว่าจะ ‘โปรดปราน’ ฉินเยว่เป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้จึงโทรหาฉินเยว่ก่อน “ฮัลโหล เป็นอะไรไป คิดถึงฉันเหรอ”
ฉินเยว่หัวเราะแล้วพูดหยอกล้อไปว่า “คิดถึงนายเนี่ยนะ ตื่นค่ะ! พ่อฉันโทรหานายแล้วนายไม่รับเลยคิดว่าถูกบล็อคเบอร์ ก็เลยให้ฉันโทรหานายน่ะ”
เฉินชางเหงื่อออกท่วมหัวโดยพลัน ผู้อำนวยการฉินคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้สูงส่งแท้ๆ ทำไมถึงได้คิดอะไรบ้าบอแบบนี้นะ
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “เปล่าๆ ฉันจะกล้าบล็อกเบอร์พ่อของเธอได้ไงล่ะ! ไม่มีเรื่องอื่นใช่ไหม แล้วผู้อำนวยการฉินมีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
ฉินเยว่พยักหน้า “ล้อเล่นน่ะ มีคนไข้คนหนึ่ง มีแผลบนหน้า ต้องการเย็บตกแต่ง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแนะนำมาถึงได้รีบร้อนอยากให้นายไปเย็บให้ขนาดนั้น”
จากนั้นฉินเยว่ก็รีบพูดต่อไปว่า “คนไข้คนนี้ยังรอนายอยู่เลย ระวังตัวด้วยนะ ครอบครัวของคนคนนี้มีฝีมือมากทีเดียว”
เฉินชางชะงักไป “มีฝีมือเหรอ หมายถึงอะไร”
ฉินเยว่ตอบ “พ่อของเขาเป็นผู้ประกอบการที่โด่งดังในเมืองอันหยางของพวกเรา เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่สำคัญที่สุดก็คือคนคนนี้ค่อนข้าง…เกรียนน่ะ สรุปคือระวังตัวไว้หน่อยก็พอ”
หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้วเฉินชางก็โทรกลับไปหาฉินเสี้ยวหยวนต่อ
เวลานี้ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กับเด็กชายคนหนึ่ง ฉินเสี้ยวหยวนนั่งตรงข้ามพวกเขา กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกันอยู่
เมื่อเห็นเฉินชางโทรมาฉินเสี้ยวหยวนก็รีบรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล เสี่ยวเฉิน คุณผ่าตัดเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบพยักหน้าตอบ “ครับผู้อำนวยการฉิน ผมผ่าตัดเสร็จแล้ว ตอนนี้อยู่ที่แผนกแล้วครับ”
ฉินเสี้ยวหยวนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “อืม เสี่ยวเฉิน ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง ลูกของเขามีแผลบนใบหน้า อยากจะจัดการให้ดีสักหน่อย เดี๋ยวผมจะพาพวกเขาลงไปหานะครับ”
เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว ฉินเสี้ยวหยวนก็มองไปที่คนทั้งสองพลางกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้ม “คุณหยาง ไปเถอะ พวกเราลงไปกัน เสี่ยวเฉินผ่าตัดเสร็จแล้ว”
หยางชุนฮว๋าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วฉีกยิ้มออกมา “งั้นรบกวนผู้อำนวยการฉินด้วยนะคะ รู้สึกเกรงใจจริงๆ”
ฉินเสี้ยวหยวนรีบโบกมือ “เกรงใจอะไรกันครับ ไปเถอะ พวกเราลงไปด้วยกัน”
……
เมื่อเฉินชางเห็นฉินเสี้ยวหยวนพาคนทั้งสองมาด้วยตนเองก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ความจริงแล้วผู้ป่วย VIP ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นมิตร ทั้งยังมีคุณสมบัติในด้านต่างๆ สูงด้วย
หากจะว่ากันตามตรง คนที่จะเข้าไปอยู่ในสังคมชั้นสูงได้อย่างแท้จริงนั้นย่อมได้รับการอบรมเรื่องมารยาทและการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นมาอย่างเข้มงวด ตอนที่พูดคุยหรือต้องเข้าไปสัมผัสกับพวกเขา คุณจะรู้สึกได้ถึงความสบายใจ นี่ก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
ในหลายๆ ครั้ง คุณจะสัมผัสได้ว่าการประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
อย่างไรก็ตาม การจะได้เจอคนไข้ VIP ในแผนกฉุกเฉินเช่นนี้เป็นไปได้ยากมากจริงๆ ใครบ้างจะมาหาหมอแผนกฉุกเฉินหากไม่เป็นอะไร
อันที่จริงโรงพยาบาลก็มีคนวงในเป็นจำนวนมาก งานของบางแผนกก็ทำให้ใกล้ชิดกับคนระดับสุดยอดเหล่านั้นได้ง่าย และบางแผนกก็มีผู้ป่วยที่มาจากครอบครัวยากลำบากค่อนข้างมาก
ตัวอย่างเช่น แผนกผู้ป่วยพิเศษ แผนกผู้สูงวัย แผนกสมองและระบบประสาท ผู้ป่วยในแผนกเหล่านี้ค่อนข้างพิเศษ สองแผนกแรกเป็นแผนกที่รวมยอดคนเอาไว้ มักจะเจอข้าราชการระดับสูงอยู่เสมอ ส่วนแผนกสมองและระบบประสาทก็มีผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่นมาใช้บริการไม่น้อย
หากเทียบกันแล้ว แผนกฉุกเฉิน แผนกโรคปอด แผนกเนื้องอกวิทยา แผนกเหล่านี้พบเจอเหล่าบุคคลผู้ยอดเยี่ยมได้ยากมาก ผู้ป่วยในแผนกโรคปอดมักจะผอมๆ ดำๆ ฐานะทางครอบครัวก็ธรรมดา ส่วนแผนกเนื้องอกวิทยาของโรงพยาบาลอันดับสองก็เป็นเช่นเดียวกัน ผู้ป่วยบางคนจ่ายเงินค่าแอดมิดไม่ไหวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคนมีเงินก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนฐานะธรรมดาเสียมากกว่า เพราะหากคนมีเงินเป็นโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยอมไปโรงพยาบาลใหญ่หรือไปรักษาที่ต่างประเทศเลยด้วยซ้ำ
ส่วนแผนกฉุกเฉิน…ปกติก็ไม่มีคนใหญ่คนโตอะไร ถึงอย่างไรก็คงมีวาสนาพบหน้ากันครั้งเดียว แผนกฉุกเฉินก็เหมือนกับสถานีรับส่งผู้ป่วย ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในแผนกนี้นานเท่าไรนัก
นี่เป็นเพียงการประมาณการอย่างหนึ่งเท่านั้น ใช้กับทุกคนไม่ได้
เฉินชางมองไปยังเด็กชายที่สวมชุดแบรนด์เนมทั้งตัว มีผ้าก๊อซติดอยู่ตั้งแต่ลำคอถึงใบหน้า ไม่มีรอยเลือดแล้ว คงจะถูกรักษามาก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อฉินเสี้ยวหยวนเห็นเฉินชางก็รีบพูดขึ้นว่า “นี่คือเฉินชางที่พวกคุณต้องการพบครับ หมอเฉิน!”
หญิงวัยกลางคนเห็นเฉินชางก็ชะงักไปเล็กน้อย
หนุ่มขนาดนี้เชียว เป็นเขาหรือ
หญิงคนนี้สวมชุดกี่เพ้าสไตล์จีน ดูแล้วให้ความรู้สึกสง่างาม “หมอเฉิน สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการหยางเทาแนะนำดิฉันมา ได้ยินว่าคุณเชี่ยวชาญเรื่องการเย็บผิวหนัง คราวนี้ต้องรบกวนคุณแล้วนะคะ”
เธอมีท่าทางเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมาก กล่าวแต่ละคำก็นุ่มนวลนิ่งเรียบ ไม่มีช่องว่างให้เห็นแม้แต่น้อย
เมื่อครู่เฉินชางโทรกลับไปหาหยางเทาแล้ว หยางเทาก็เล่าเรื่องครอบครัวผู้ป่วยให้ฟังแล้วและยังไหว้วานให้เฉินชางช่วยดูแลอีกด้วย ดังนั้นเฉินชางจึงพยักหน้าแล้วยิ้มตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ “ไม่รบกวนครับ ไม่รบกวน”
ส่วนเด็กชายคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่พูดอะไรเลย เขามีสีหน้าอึมครึม มองเฉินชางอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เมื่อหยางชุนฮว๋าเห็นท่าทางของลูกชายตนเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้วจริงๆ
ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นทุกคนก็รีบกล่าวทักทาย
เฉินชางพาทุกคนไปยังห้องหัตถการ เรียกเด็กชายให้มานั่ง จากนั้นจึงแกะผ้าก๊อซบนหน้าออก บาดแผลพลันปรากฏให้เห็น…มันไม่ใช่บาดแผลจากของมีคม ไม่ใช่บาดแผลจากสิ่งอื่นใด แต่เป็นบาดแผลที่ดูเหมือนกับถูกผู้หญิงใช้เล็บข่วน แถมยังมีความตื้นลึกไม่เท่ากันด้วย
เฉินชางขมวดคิ้วโดยพลัน บาดแผลจากการถูกข่วนแบบนี้จัดการยากที่สุดแล้ว และจะเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย มีหลายคนที่ถูกข่วนหน้ามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ และไม่ได้จัดการให้ดี ปัจจุบันก็ยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็น
แม้ว่าบาดแผลเช่นนี้ดูแล้วเหมือนไม่หนัก แต่ก็เป็นบาดแผลภายนอก และ…หากอยากรักษาให้มองไม่ออกก็ต้องจัดการให้ดี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็พูดไปตามจริงว่า “ไปห้องผ่าตัดเถอะครับ”
หลายคนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วโดยพลัน “สาหัสขนาดนั้นเลยหรือคะ”
เฉินชางพยักหน้า “ถึงแผลจะไม่ใหญ่ แต่มีการติดเชื้อบ้างแล้วครับ ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้วคงเป็นแผลจากการถูกข่วน ต้องกำจัดผิวหนังส่วนที่เสียหายออกไปแล้วคิดหาวิธีเย็บตกแต่ง ห้องหัตถการมีข้อจำกัดด้านความสะอาดและด้านอื่นๆ ดังนั้นรีบไปเตรียมตัวผ่าตัดเถอะครับ”
เมื่อหยางชุนฮว๋าได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ากังวล “ได้ๆๆ ต้องทำยังไงคะ หมอเฉินจัดการได้เลยนะคะ”
เฉินชางตอบอืมไปคำหนึ่ง “ไปทำเรื่องตามขั้นตอนก่อนครับ แล้วก็เตรียมผ่าตัด”