บทที่ 351 คุณๆๆ!
เมื่อเฉินชางได้รับแจ้งเตือนจากระบบก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร
เขาสาบานเลยว่าเขาหัวเราะในใจอย่างมากก็ไม่เกินสิบนาทีเท่านั้น ที่เหลือรอกลับไปคืนนี้ค่อยว่ากันทั้งคืน
เมื่อเห็นท่าทางตะลึงพรึงเพริดของเมิ่งซี เฉินชางก็รู้สึกอิ่มความสุขจนล้นออกจากปาก!
การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป
หลังจากเฉินชางทำความสะอาดอย่างระมัดระวังเรียบร้อยแล้ว ก็เย็บรูที่กรีดเปิดเอาไว้แล้วใส่สายระบาย…แต่ละขั้นตอนดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ปรากฏความเร่งรีบหรือตื่นตระหนก
ตอนนี้ซย่าเกาเฟิงมั่นใจแล้วว่าเฉินชางก็คือคนที่ผ่าตัดผู้ป่วยโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง!
ตกตะลึง!
เขาตกตะลึงจริงๆ!
อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง อายุแค่ยี่สิบกว่าปีก็ทำได้ถึงระดับนี้แล้ว ออกจะเหนือจินตนาการไปสักหน่อยจริงๆ ถ้าหากความเยาว์เป็นเงินทุน เช่นนั้นตอนนี้เฉินชางก็เป็นเจ้าพ่อเงินทุนแล้วละ!
น่ากลัวจริงๆ
ยิ่งซย่าเกาเฟิงมองเฉินชาง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือสมบัติล้ำค่า
ปล่อยให้คนเก่งเช่นนี้อยู่ที่แผนกฉุกเฉินของหลี่เป่าซานช่างทำให้สวรรค์ผิดหวังจริงๆ
คนเก่งเช่นนี้ควรมาอยู่ส่องประกายที่แผนกศัลยกรรมหัวใจมากกว่า
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซย่าเกาเฟิงก็ตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับเฉียนเลี่ยงให้ดี ดูว่าจะดึงตัวเฉินชางมาได้หรือไม่
หากเป็นหุ้นก็เป็นหุ้นที่มีศักยภาพแบบที่ไม่ใช่หุ้นปั่น!
ในตอนนี้ สายตาที่ซย่าเกาเฟิงใช้มองเฉินชางก็เหมือนกับสายตาของเฉียนเลี่ยงในตอนแรก…ส่วนเฉียนเลี่ยงก็ตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน!
นี่…ถึงเสี่ยวเฉินจะเป็นหมอแผนกฉุกเฉิน แต่แนวทางการผ่าตัดของเขาไม่ได้เน้นทางศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี หรือศัลยกรรมทั่วไปหรอกหรือ
เฉียนเลี่ยงมีความเข้าใจในตัวเฉินชางเป็นอย่างมาก อาจเรียกได้ว่ามีสิทธิ์พูดเรื่องอีกฝ่ายได้เลยทีเดียว จะอย่างไรเขาก็เป็นพยานที่เห็นเฉินชางสอบผ่านการคัดเลือกบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสอง ซึ่งการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กเคสนั้นทำให้เฉียนเลี่ยงตื่นเต้นมากจริงๆ หลังจากนั้นก็ยังมีการผ่าตัดถุงน้ำดีให้คุณฟางอีก…
การผ่าตัดเหล่านี้ทำให้เขาประทับใจจนเรียกได้ว่าช็อกเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าจะช็อกอย่างไร ตอนที่เขาเห็นเฉินชางยืนอยู่ข้างเตียงผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมหัวใจและผ่าตัดได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกตะลึงพรึงเพริดอยู่ดี
หรือจะมีคนข้ามเส้นองค์ความรู้ในวงการแพทย์ได้สำเร็จจริงๆ
เฉินชางเริ่มจากศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ตอนนี้ก็มาอยู่ในวงการศัลยกรรมหัวใจ เขาไม่มีขีดจำกัดเลยจริงๆ หรือ
ในขณะที่เฉียนเลี่ยงกำลังประหลาดใจอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง สิ่งที่เฉินชางแตกต่างจากตนก็คือ เฉินชางไม่ใช่หมอจากแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี แต่เขาเป็นหมอจากแผนกฉุกเฉิน และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีเท่านั้น!
เมื่อเอาเงื่อนไขทั้งสองมารวมกันแล้ว…
จู่ๆ เฉียนเลี่ยงก็รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นไปได้!
ตั้งแต่แรก ความคิดของเฉินชางก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว เขาไม่ได้ถูกแนวทางที่กำหนดไว้ในการเรียนระดับปริญญาโทมาจำกัดความคิด ขณะเดียวกันก็กล่าวได้ว่าเขาได้เรียนองค์ความรู้มากมายมาจากแผนกฉุกเฉิน เพราะแผนกฉุกเฉินเป็นแผนกที่เรียกได้ว่าเป็นแผนกจับฉ่าย
แผนกฉุกเฉินก็เป็นเหมือนโรงเรียนฝึกทหารของโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งที่มีฝีมือด้านใดก็แสดงออกมาได้ทั้งนั้น และเพราะเป็นเช่นนี้ เฉินชางที่ยืนอยู่บนเวทีนี้จึงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนเลี่ยงก็ทอดถอนใจ
บางทีไม่ว่าจะเป็นแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี หรือจะเป็นแผนกศัลยกรรมหัวใจ ก็อาจไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมกับเฉินชางที่สุด แต่แผนกฉุกเฉินนั่นแหละที่เป็นเวทีที่เหมาะสมกับเขาที่สุด เพราะเขามีความสามารถรอบด้านจริงๆ
ทันใดนั้นเอง ชั่วขณะนี้ ตอนที่เฉียนเลี่ยงมองเฉินชางก็เกิดความรู้สึกตกตะลึง
บางทีอาจพูดได้ว่าเฉินชางเป็นมือหนึ่งในวงการเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศจีนก็เป็นได้
เวชศาสตร์ฉุกเฉิน…แขนงวิชาที่เกิดใหม่ ไม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาคนไหนเป็นแพทย์ในแผนกฉุกเฉิน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง แต่เฉินชางกลับตั้งเป้าเชี่ยวชาญเฉพาะทางไว้ที่เวชศาสตร์ฉุกเฉิน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนเลี่ยงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
อนาคตไร้ขีดจํากัด!
เป็นเช่นนี้จริงๆ หากเฉินชางเลือกทางเดินในวงการเวชศาสตร์ฉุกเฉินซึ่งเป็นเส้นทางที่คนรุ่นก่อนไม่เคยเดิน ชื่อของเขาจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่นอน และจะเป็นคนที่สร้างผลงานด้านสุขภาพให้แก่มนุษยชาติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย
แผนกฉุกเฉิน!
แผนกฉุกเฉิน!
ที่ผ่านมาไม่เคยมีหมอแม้แต่คนเดียวที่ผ่าตัดทุกเคสที่เกิดในแผนกฉุกเฉินได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลตงต้าหรือโรงพยาบาลอันดับสอง ไม่ว่าจะเป็นหวังเซี่ยงจวินหรือหลี่เป่าซาน พวกเขาทําได้เพียงศึกษาจนเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
แต่วันนี้เฉียนเลี่ยงคล้ายจะเห็นเค้ารางของเฉินชางได้บ้างแล้ว
เขาไม่รู้ว่าตนเองจะได้เห็นตอนที่เฉินชางกางปีกบินออกไปหรือไม่ แต่ตอนนี้ ขณะนี้ เฉียนเลี่ยงเพียงอยากจะช่วยเด็กคนนี้เท่านั้น อยากทำความฝันของเขาให้เป็นจริง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนเลี่ยงก็ไม่สนใจแล้วว่าจะพาตัวเฉินชางมาที่โรงพยาบาลตงต้าได้หรือไม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ใด เฉินชางก็เป็นตัวตนที่ส่องประกายเจิดจ้าได้ทั้งนั้น
……
……
เก่อฮว๋ายเงียบไปแล้ว หากการกรีดครั้งแรกของเฉินชางเป็นความบังเอิญ แล้วหลังจากนั้นคืออะไร
เก่อฮว๋ายไม่ใช่คนโง่! เขารู้ว่าเฉินชางไม่ได้โชคดี
มันคือพรสวรรค์!
มันคือความสามารถ!
มันคือทักษะฝีมือ!
เขามองการผ่าตัดของเฉินชางด้วยใจสงบ คอยช่วยเหลืออย่างระมัดระวัง ไม่ได้มีความคิดอื่นใดอีก
ในตอนนี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฉินชางต้องแอบไปเรียนเสริมมาแน่ๆ อีกทั้งยังเป็นคอร์สส่วนตัวระดับ VIP เสียด้วย
สุดยอดมากจริงๆ นี่เพิ่งจะผ่านไปเท่าไหร่เอง แต่มีพัฒนาการมากขนาดนี้แล้ว หากให้เวลามากกว่านี้เขาจะเติบโตไปถึงระดับไหนกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ เก่อฮว๋ายก็อดทอดถอนใจไม่ได้ สุดยอดจริงๆ!
การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป
ภายใต้การช่วยเหลือของเก่อฮว๋าย ไม่นานการผ่าตัดก็ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้าย
เก่อฮว๋ายมองเฉินชาง กล่าวอย่างจริงใจว่า “เสี่ยวเฉิน คุณมีพรสวรรค์ที่ดีจริงๆ! เพิ่งจะผ่าตัดไปไม่กี่เคสก็เติบโตมาถึงขั้นนี้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงก้าวข้ามผมได้แล้วละครับ”
เก่อฮว๋ายพูดจากใจจริง เฉินชางมีพรสวรรค์สูงมาก แต่ก็ต้องศึกษาการผ่าตัดใหม่ๆ และเทคนิคใหม่ๆ ไม่หยุดหย่อน เพราะการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นเพียงประตูสู่หัวใจเท่านั้น
เมื่อเปิดประตูไปจึงจะเห็นหัวใจ
เฉินชางยิ้มบางๆ “เพราะอาจารย์เก่อสอนได้ดีน่ะครับ”
เก่อฮว๋ายได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปทันที
ใช่แล้ว!
การผ่าตัดของเฉินชางก็เป็นเขาที่สั่งสอนกับมือ
หรือว่า…ผมจะมีพรสวรรค์ในการชี้นำผู้คนอะไรพวกนี้ซ่อนอยู่
หรือผมทำให้คนเก่งขึ้นได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็จมลงสู่ความคิดของตัวเอง
หะ หรือ…หะ หรือว่า
ผมจะเจ๋งจริงๆ!
คิดได้ดังนั้น เก่อฮว๋ายก็ตัดสินใจว่าจะหาเวลาไปพิจารณาให้ดี แล้วสรุปออกมาให้จงได้
แต่ละคนก็มีส่วนที่ยอดเยี่ยมเป็นของตัวเอง
……
……
การผ่าตัดสิ้นสุดลงแล้ว เมิ่งซีมองมือทั้งสองของเฉินชาง ตอนนี้เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทำไมตนถึงได้รู้สึกคุ้นเคยขนาดนั้น
นี่คือมือคู่ที่ผ่าตัดในคลิปวีดีโอ!
คนทั้งสองคือคนคนเดียวกัน!
คิดได้ดังนี้ อยู่ดีๆ เมิ่งซีก็อยากหัวเราะ
เมื่อครู่ตอนที่พวกตนถามเฉินชาง เขาบอกแต่พวกตนกลับไม่ยอมเชื่อ แล้วตอนนี้เชื่อหรือยังล่ะ
เธอตกใจจริงๆ…
คิดแล้วเมิ่งซีพลันเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความภาคภูมิใจ!
เธอมองเฉินชางยิ้มๆ พูดขึ้นว่า “คุณผ่าตัดโรคเลื่อนที่เกิดบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจได้ไม่เลวเลยนะคะ! จัดการรายละเอียดต่างๆ ได้ยอดมาก”
เก่อฮว๋ายเพิ่งตั้งสติมาฟังได้ “ผ่าตัดอะไรนะครับ โรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจหรือ นี่เป็นการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันที่มีภาวะหนองร่วมด้วยไม่ใช่หรือครับ”
ซย่าเกาเฟิงรู้สึกขัดใจจริงๆ หากอีกฝ่ายเป็นเหล็กเขาก็อยากจับยัดเข้าไปในเตาแล้วหลอมใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย สุดท้ายก็พูดไปว่า “คุณลืมคลิปผ่าตัดที่ดูวันนี้ไปแล้วหรือครับ คนที่ผ่าตัดผู้ป่วยโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่มีภาวะบีบรัดหัวใจร่วมด้วยในห้องฉุกเฉินคนนั้นก็คือเสี่ยวเฉิน!”
พูดจบก็รู้สึกเหมือนยังระบายความอัดอั้นได้ไม่หมด ถึงกับต้องด่าเบาๆ ว่า “สมองหมูจริงๆ…”
เก่อฮว๋ายได้ยินดังนั้นก็ตะลึงพรึงเพริดไปโดยพลัน เขาเบิกตากว้างมองเฉินชางแล้วพูดว่า “คุณ!…คุณ!…คุณ!”