บทที่ 349 แต่ละคนก็มีตำแหน่งที่ยืนของตนเอง
ตอนนี้เก่อฮว๋ายต้องดูแลเฉินชางมากกว่าตอนแรก! จะเรียกว่ามีความรู้สึกรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นก็ได้ เขาคิดว่าเฉินชางเป็นนักเรียนของตนไปแล้วครึ่งหนึ่ง จะชี้แนะสั่งสอนเฉินชางด้วยอคติและความดูแคลนเช่นเดิมอีกไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ส่วนตนอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นหากเทียบกับช่วงแรกๆ เขาก็มีความรับผิดชอบเรื่องการสอนเฉินชางมากขึ้นแล้ว
“เสี่ยวเฉิน ผู้ป่วยวันนี้ค่อนข้างพิเศษ ถือเป็นการผ่าตัดที่ท้าทายสำหรับคุณเลยนะครับ หากคุณรู้สึกว่าทำไม่ได้ก็รีบหลบให้ผมทำแทน ไม่ต้องอายนะครับ!” เก่อฮว๋ายกำชับเฉินชางก่อนจะสรุปอาการของผู้ป่วยให้ฟัง
เฉินชางชะงักไป “ครับ ได้เลยครับ ขอบคุณอาจารย์เก่อมากครับ จริงสิ…ผู้ป่วยพิเศษยังไงเหรอครับ”
เก่อฮว๋ายทอดถอนใจออกมาอีกครั้งก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้ป่วยอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว เข้ามาแอทมิดที่โรงพยาบาลด้วยโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลัน ตอนแรกพวกเราพิจารณาถึงอายุของผู้ป่วยที่ค่อนข้างมากแล้วจึงเน้นพยุงอาการเป็นสำคัญ ไม่มีแผนผ่าตัด แต่ผลการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อรักษาให้ผลไม่ดีเท่าที่คิด ยาปฏิชีวนะก็ใช้แล้ว แต่ว่า…ยังไม่ได้ผลอะไรเลย”
“ของเหลวที่ได้จากการเจาะถุงเยื่อหุ้มหัวใจมีลักษณะข้น สารคัดหลั่งมีสภาพเป็นหนอง ดังนั้นหลังจากพิจารณาทุกด้านแล้ว ด้วยสภาพของผู้ป่วยในตอนนี้คงทำได้เพียงผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อระบายของเหลวเพื่อป้องกันไม่ให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงเท่านั้นแล้วครับ”
หลังจากกล่าวจบ เก่อฮว๋ายก็สรุปให้เฉินชางฟังด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“สถานการณ์ในตอนนี้มีส่วนที่ยากอยู่สามจุด! จุดแรกคือผู้ป่วยอายุมากแล้ว อันตรายมาก การรักษาอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร จุดที่สองก็คือการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่มีภาวะเป็นหนองจะซับซ้อนกว่าการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบเฉียบพลันธรรมดา จุดที่สามซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องระวังเรื่องการกำจัดหนองให้ดี เพราะอาจทำให้เกิดพังผืดเรื้อรังและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่หัวใจและถุงเยื่อหุ้มหัวใจ!”
เมื่อเก่อฮว๋ายกล่าวถึงตรงนี้ก็รู้สึกลังเล เขาเป็นห่วงเฉินชางและผู้ป่วยจริงๆ สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมองเมิ่งซี “หัวหน้าเมิ่ง หรือจะให้ผมผ่าตัดเคสนี้เองดีครับ เสี่ยวเฉินเพิ่งเรียนไม่กี่วัน ผมเป็นห่วงเขาน่ะครับ…อีกอย่างสภาพของผู้ป่วยก็ค่อนข้างพิเศษด้วย”
สิ่งที่เก่อฮว๋ายพูดคือความจริง!
หากเป็นการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันยังพอพูดกันได้ เพราะไม่ต้องพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดในภายหลังให้มากเกินไปนัก อีกทั้งการผ่าตัดก็ไม่ยากเท่าไหร่ แต่เมื่อเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันพัฒนาไปเป็นเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลันที่มีภาวะเป็นหนองร่วมด้วย ย่อมทำให้เรื่องราวเกิดการหักเห กลายเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างยาก
เมื่อมีภาวะเป็นหนอง ปัญหาที่น่ากังวลที่สุดจะมีด้วยกันสองประการ หนึ่งก็คือพังผืดที่อาจส่งผลถึงเยื่อหุ้มหัวใจและหัวใจ ผลที่คาดไว้อาจเลวร้ายกว่าที่คิด และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ประการที่สองซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อาจทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง! ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหายุ่งยากตามมามากมาย
การรักษาโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง จำเป็นต้องตัดเยื่อหุ้มหัวใจบางส่วนออกไป จากนั้นก็ต้องผ่าตัดซ่อมแซมถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เสียหาย ซึ่งการผ่าตัดจะทวีความยากขึ้นไปอีก
เมิ่งซีก็ค่อนข้างกังวลเช่นกัน แต่เมื่อเธอพิจารณาแล้วก็ตัดสินใจให้เฉินชางเป็นคนผ่าตัดเช่นเดิม หากเฉินชางเจอปัญหาค่อยเปลี่ยนคนกลางทางก็ยังได้ เพราะส่วนที่ยากอยู่ช่วงหลังของการผ่าตัด ไม่ใช่ช่วงแรกๆ ดังนั้นก็ให้เฉินชางผ่าตัดก่อน จากนั้นหากเฉินชางไม่ไหวก็ค่อยเปลี่ยนคน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสฝึกฝนที่หาได้ยากครั้งหนึ่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ก็คือต้องหาวิธีรับมือเมื่อพบเจออาการป่วยที่แตกต่างจากที่ตนรู้ให้ได้
นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็มองเฉินชางแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฉิน คุณทำเถอะ ไม่ต้องกังวล มีพวกเราอยู่ด้วย”
เมิ่งซีไม่ได้พูดว่าการผ่าตัดในครั้งนี้ยากแค่ไหน ให้เก่อฮว๋ายพูดคนเดียวก็พอแล้ว หากพูดมากเกินไปจะกลายเป็นความกดดันเปล่าๆ ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำเพียงให้กำลังใจเฉินชางไปหลายประโยค
คนทั้งสามยืนล้างมือข้างกันที่อ่างล้างมือ จู่ๆ เมิ่งซีก็พบว่ามือของเฉินชางใหญ่มาก นิ้วมือก็เรียวยาว เป็นมือที่สวยมาก และดูคุ้นๆ…
เมื่อเฉินชางเห็นอาจารย์เมิ่งจ้องมือของตนก็ชะงักไปทันที! หัวใจของเขาหดเกร็ง เคร่งเครียดเสียจนการล้างมือเจ็ดขั้นตอนที่ฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้วยังตะกุกตะกัก จิตใจไม่สงบ
เฉินชางอดทอดถอนใจไม่ได้
อาจารย์เมิ่ง ต่อไปคุณสวมชุดผ่าตัดให้มันพอดีตัวหน่อยได้ไหมครับ นี่ถ้าคุณไม่สวมชุดรัดเกินไปก็สวมชุดหลวมโพรกเชียว…
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าส่วนที่กดดันที่สุดเมื่อต้องผ่าตัดกับอาจารย์เมิ่งไม่ใช่ตอนผ่าตัด แต่เป็นตอนล้างมือต่างหาก…
……
เมื่อเข้ามาในห้องผ่าตัดแล้ว ทั้งสามคนก็สวมชุดผ่าตัดให้เรียบร้อย
ตอนนี้วิสัญญีแพทย์เตรียมยาเรียบร้อยแล้ว รอให้การผ่าตัดเริ่มขึ้น
เก่อฮว๋ายมองเฉินชางแล้วกระซิบบอกว่า “เสี่ยวเฉิน สู้ๆ นะครับ!”
เมิ่งซีพยักหน้าให้
ส่วนวิสัญญีแพทย์ได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วเดินไปยังจุดที่สังเกตการณ์ได้ง่ายอย่างระมัดระวัง การดูเฉินชางผ่าตัดเป็นความรื่นเริงอย่างหนึ่งของเขา
เฉินชางมองคนทั้งสามพลางบ่นในใจไปหลายประโยค
พวกคุณนี่ เตรียมดูกันอย่างสนุกเชียวนะ!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็มองไปที่อาจารย์เมิ่งอย่างจงใจ ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นคนที่เขาต้องทำให้ตกใจอย่างแท้จริง ส่วนอีกสองคนที่เหลือ…ก็เป็นแค่ผู้ชมเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางไร้อารมณ์ของอาจารย์เมิ่ง เฉินชางก็รู้สึกคาดหวังขึ้นมาทันที…
เฉินชางหันไปมองพยาบาลผู้ช่วย ดวงตาทั้งสองส่องประกายดั่งยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง มือทั้งสองกางออก ตะโกนในใจว่า ส่งมีดมา!
ชั่วขณะนี้คล้ายอยู่ในเรื่องดาบทะลุฟ้า บรรยากาศประหนึ่งมีแสงสีรุ้งพุ่งออกมา
ขณะที่เฉินชางกำลังโพสต์ท่าอยู่นั้น จู่ๆ ประตูก็เปิดออก มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
ซย่าเกาเฟิงชะงักไป พอเห็นเฉินชางกำลังยื่นมือออกไปก็หลุดหัวเราะ “เพิ่งเริ่มผ่าหรือ พอดีเลย! เหล่าเฉียน เข้ามาสิครับ”
จากนั้นเฉียนเลี่ยงและซย่าเกาเฟิงก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ พวกเขาไม่ได้สวมชุดผ่าตัด สุดท้ายก็เดินไปยืนอยู่ข้างหลังทุกคน
“ดีจริงๆ ที่ไม่ได้มาสาย!”
เฉียนเลี่ยงพยักหน้า “ใช่ พวกเรามาได้เวลาพอดีเลย”
แต่ละคำพูดทำให้เฉินชางตาค้างไปแล้ว
ให้ตายเถอะ พวกคุณกลุ่มนี้นี่ จะรังแกกันเกินไปหรือเปล่า เห็นผมเป็นซีรีส์ให้พวกคุณดูหรือไง
ซย่าเกาเฟิงยิ้ม “เสี่ยวเฉิน เริ่มเถอะ”
เฉินชางกลอกตาใส่ “ส่งมีดมา!”
พยาบาลที่เตรียมมีดผ่าตัดไว้แล้วชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางของเฉินชางก็อดทอดถอนใจไม่ได้
เฮ้อ ทำวางมาดไปก็ไร้ประโยชน์ค่ะ…เสียดายหน้าหล่อๆ นั่นจริง…
เฉินชางรับมีดผ่าตัดมา เริ่มทำงานของตัวเอง!
การผ่าตัดนี้ใช้ยาชาเฉพาะที่ เหล่าฮั่นเห็นแพทย์ระดับหัวหน้าเข้ามาดูมากขนาดนี้ก็รู้สึกยินดียิ่ง ดูท่าทางการผ่าตัดเคสนี้คงปลอดภัยแล้ว
หลังจากวางยาชาเรียบร้อย เฉินชางก็ค่อยๆ ยกมีดขึ้น เตรียมเริ่มการผ่าตัด ส่วนเก่อฮว๋ายก็เตรียมผ้าก๊อซสำหรับหยุดเลือดเอาไว้แล้ว
การผ่าเปิดอกของเฉินชางถือเป็นไฮไลท์เลยละ!
ทุกครั้งที่เฉินชางผ่าเปิดช่องอก ตอนที่ใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังและแยกอวัยวะที่บดบังออกจากกัน เขาทำได้ประณีตมากทีเดียว
เฉินชางค่อยๆ กรีดลงบริเวณด้านซ้ายของซี่โครงท่อนที่หก เมื่อเห็นเส้นเลือดแดงที่ผนังหน้าอก (Internal Mammary Artery หรือ IMA) เฉินชางก็มองเก่อฮว๋าย
“หนีบหลอดเลือดนะครับ!”
เก่อฮว๋ายพยักหน้า จัดการไปอย่างแม่นยำไร้ข้อผิดพลาด
หลังจากหนีบเส้นเลือดที่ผนังหน้าอกแล้ว เฉินชางก็จับอวัยวะภายในให้แยกออกจากกัน จนกระทั่งเห็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจ ต่อไปต้องกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจผ่านกระดูกซี่โครงและกำจัดหนองในถุงเยื่อหุ้มหัวใจแล้ว
ซย่าเกาเฟิงกระซิบกลับเฉียนเลี่ยงว่า “จะกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจแล้ว!”
ไม่ใช่แค่ซย่าเกาเฟิงเท่านั้น คนอื่นๆ ก็มองอย่างคาดหวังเช่นกัน เพราะท่าทางการกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจของเฉินชางนั้นมันช่าง…