บทที่ 358 ความรักก็เพียงเท่านี้เอง
จางฝานเห็นเฉินชางจูงมือฉินเยว่ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที! โทสะพุ่งสูงถึงสมอง!
เขาเบิกตากว้างจ้องมองเฉินชาง มองดูอีกฝ่ายจูงมือฉินเยว่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ นี่ทำให้จางฝานโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี ถึงขั้นหยิบมือถือของตนขึ้นมาปาลงกับพื้นอย่างแรง!
แม่งเอ๊ย!
ไอ้สารเลว!
จางฝานโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เกร็งไปทั้งร่าง
พอคิดถึงตอนที่เฉินชางจูงมือฉินเยว่ จางฝานก็รู้สึกอยากฆ่าคนขึ้นมาจริงๆ
เป็นเพราะจางฝานชอบฉินเยว่มากหรือ
ทั้งใช่และไม่ใช่!
สาเหตุสำคัญเป็นเพราะคนที่ตนชอบถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว
เขาไม่สบอารมณ์
ไม่พอใจมาก!
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ!
ผู้หญิงข้างกายมองดูจางฝาน เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
หึ เสแสร้งต่อไปเถอะ
แต่…เธอจะพูดแบบนี้กับแด๊ดดี้พ่อบุญทุ่มของตัวเองได้จริงๆ หรือ แน่นอนว่าไม่ได้ ทว่าตอนนี้เป็นเวลาอันเหมาะสมที่เธอจะใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด
เธอได้ยินคำพูดที่จางฝานกล่าวออกมาเมื่อครู่นี้หมดแล้ว ที่ว่าถ้าอพาร์ทเม้นท์แบบสองห้องเพื่อนของเขาเป็นผู้ร่วมสร้าง มีอำนาจอยู่พอตัวอะไรนั่นแหละ
เหมาะเจาะจริงๆ!
กำลังอยากได้ห้องชุดธรรมดาขนาดสองห้องอยู่พอดี
ส่วนจางฝานจะคิดอย่างไร…จะมีแฟนกี่คน…เรื่องนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือเธอจะไม่ยอมกินแต่น้ำแน่ๆ ต้องกินเนื้อให้ได้จะเป็นการดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น…จะให้ดีก็ขอให้จางฝานหาแฟนได้หลายๆ คนหน่อยเถอะ จะได้ไม่ต้องมารบกวนเธอทั้งวัน
เฮ้อ…
ทำงานด้านการแสดงนี่มันยากดีจริงๆ
ฉันมั่นใจว่าทักษะการแสดงของฉันดีพอที่จะจับคุณได้เชียวแหละ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกว่าจางฝานเป็นตัวขวางความก้าวหน้าในงานด้านการแสดงของเธอจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ…เธอต้องคอยสรรเสริญเยินยอว่าเขายอดเยี่ยมขนาดไหน…
เหนื่อยจริงๆ
คุณไปหาแฟนสักหลายๆ คนหน่อยเถอะ จะได้ไม่ต้องมารบกวนฉัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็เริ่มวางแผนในใจ…
เพียงแต่…ตอนนี้เอง พนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางขุ่นเคือง บนแขนของเขาสวมปลอกแขนสีเหลืองเอาไว้ด้วย
“คุณครับ ไม่เห็นเหรอว่าตรงนี้เขียนไว้ว่าอะไร”
จางฝานกำลังโกรธ จะมีอารมณ์ไปสนใจอย่างอื่นที่ไหนกัน เมื่อเห็นลุงยามเดินเข้ามาก็รู้สึกสับสน
“ทำไม”
ลุงยามยืดอกชี้ไปที่ป้ายเตือนข้างๆ “ไม่เห็นหรือครับ ห้ามทิ้งขยะมั่วซั่ว!”
พูดจบคุณลุงก็ชี้ไปที่เศษซากโทรศัพท์มือถือบนพื้นแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “รีบเก็บเถอะครับ ไม่งั้นเจ้านายของพวกเราเห็นเข้าผมคงถูกหักเงินเดือนแน่ ถึงตอนนั้นผมต้องปรับเงินคุณด้วย!”
จางฝานชะงักไปทันที เขาตกใจจนเบิกตากว้าง แทบจะกระอักเลือดออกมา!
บ้าเอ๊ย…
จางฝานใบหน้าบิดเบี้ยว โกรธจนแผลบนหน้าปริ!
เขารีบควบคุมอารมณ์ทันที กลัวว่าถ้าโกรธขึ้นมาแล้วทำให้รอยเย็บบนหน้าเสียหาย แบบนั้นคงซวยแย่
……
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ต้องไปให้เฉินชางเย็บแผลให้อีก!
คิดได้ดังนี้ จางฝานก็แทบจะอกแตกตาย
โกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าแสดงออก ทั้งยังไม่กล้าระเบิดโทสะ กลัวว่าจะส่งผลทำให้เนื้อบนหน้าอัปลักษณ์
โทสะของเขาเปี่ยมล้นจนแทบระเบิด อยากหาทางระบาย จะตะโกนก็ไม่กล้า พอเขวี้ยงโทรศัพท์ตัวเองยังถูกคนอื่นหาว่าทิ้งขยะมั่วซั่วแล้วยังต้องมาทำความสะอาดอีก
โมโหจะตายอยู่แล้ว!
จางฝานเดือดดาลเป็นที่สุด รู้สึกอยากระบายแต่ก็ไร้หนทาง เกือบปล่อยให้น้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจไหลออกมา
ทว่าเมื่อหันไปเห็นผู้หญิงข้างๆ ตน ในที่สุดจางฝานก็คิดหาวิธีได้!
……
……
ในขณะเดียวกัน ทางด้านฉินเยว่ก็สมองว่างเปล่าไปแล้ว
เธอปล่อยให้มือเล็กๆ ของตัวเองถูกเฉินชางจับจูงไปตามใจ
ในใจรู้สึกสับสน
ในสมองเต็มไปด้วยความมึนงง
อารมณ์ของเธอช่างซับซ้อน…
ตอนนี้ฉินเยว่รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วเกินพิกัด ความรู้ด้านอายุรกรรมหัวใจของเธอไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าตกลงเป็นหัวใจห้องล่างของเธอที่เต้นผิดจังหวะ หรือเป็นหัวใจห้องบนของเธอที่เต้นผิดจังหวะกันแน่
เธอตื่นเต้นมากจริงๆ
เธอรู้สึกว่าลมหายใจของตนกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกจิตใจไม่สงบ ตื่นเต้นจนหายใจลำบาก
นี่มันสัญญาณเตือนของอาการหัวใจวายหรือเปล่านะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็เคร่งเครียดและไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว
ต้องหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาศูนย์ฉุกเฉิน 120 ก่อนหรือเปล่า พอถึงเวลาจริงๆ การกู้ชีพจะได้มาถึงเร็วหน่อย
หากเทียบกับเฉินชางแล้ว ฉินเยว่ไร้เดียงสากว่ามากจริงๆ เธอโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน เคยแต่ชอบผู้ชายคนอื่น แต่ยังไม่เคยพูดออกมา ดังนั้นเมื่อถูกเฉินชางจูงมือเดินออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้จึงทำให้เธอตื่นเต้นจนรู้สึกเหมือนจะตาย
เธอชอบเฉินชางหรือเปล่า
ชอบสิ!
ชอบแน่นอนอยู่แล้ว!
แต่ว่าชอบแค่ไหนเธอเองก็ไม่รู้จริงๆ
เธอรู้แค่ว่า…
ถ้าเป็นเรื่องของเฉินชาง เธอเต็มใจทำให้
ถ้าเป็นงานของเฉินชาง เธอเต็มใจช่วยเหลือ
ถ้าเป็นคำขอร้องของเฉินชาง เธอจะพยายามสุดความสามารถ ต่อให้ต้องทำโอทีหรือโต้รุ่งก็จะทำให้ดี
ตอนนี้ถูกเฉินชางจูงมือเดินไป ในใจก็เต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ อบอุ่นและเคร่งเครียด
ส่วนเฉินชางกลับรู้สึกสบายใจ
มือใหญ่กุมมือเล็ก ให้ความรู้สึกนุ่มลื่นดุจแพรไหม ความรู้สึกนี้ช่างสบายจริงๆ
ความจริงตอนแรกเฉินชางแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่านั้น เขาเห็นท่าทางเสแสร้งของจางฝานก็รู้สึกหงุดหงิดจึงถือโอกาสจูงมือฉินเยว่เดินออกมาเสียเลย
แต่ว่า…จูงไปจูงมาก็ไม่อยากปล่อยแล้ว
จนกระทั่งทั้งสองเดินออกมาหลายสิบเมตรแล้ว หากจะเรียกรถ เฉินชางก็ต้องเอาโทรศัพท์ของตนออกมาเปิดแอปเรียก แต่เขายังไม่อยากปล่อยมือ
ความรู้สึกตอนกุมมือมันช่างสบาย ให้ความรู้สึกเบิกบานใจ
พอคิดว่าหากจะเรียกรถก็กุมมือต่อไม่ได้แล้ว เฉินชางก็ไม่อยากเรียกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เฉินชางไม่ยอมเรียกรถ ฉินเยว่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้น
มือใหญ่กุมมือเล็ก
เดินกันไปเรื่อยๆ
จู่ๆ เฉินชางก็อยากให้ถนนสายนี้ยาวขึ้นอีกหน่อย อยากใช้เวลาเดินให้นานอีกหน่อย
เฉินชางไม่พูด ฉินเยว่ก็ไม่ส่งเสียงปฏิเสธ
จริงๆ แล้วเฉินชางคนข้างคิดมาก เขากลัวว่าหากปล่อยมือแล้วอยากจะจับอีกครั้งคงยาก แต่เมื่อเห็นฉินเยว่ไม่มีท่าทางต่อต้านก็คิดเอาเองว่าฉินเยว่คงไม่ปฏิเสธ
ถึงอย่างไร…เธอก็ไม่ได้ต่อต้าน เดินไปกับตนเช่นนี้ คงเป็นการยินยอมแบบเงียบๆ สินะ
เฉินชางไม่ใช่คนโง่ อย่างไรเขาก็มีประสบการณ์มาแล้ว หากดูจากชีพจรของฉินเยว่ เขารู้สึกได้เลยว่าหัวใจเธอเต้นเร็วมาก เธอคงจะตื่นเต้นเหมือนกับเขาสินะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ยิ้มออกมาอย่างโง่งม
ฉินเยว่ก็เม้มปากเล็กๆ ของเธอ ดวงตาหรี่โค้งราวกับจันทร์เสี้ยว ทอดมองไปยังเส้นทางเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม
เธออยากเดินเช่นนี้ตลอดไปจริงๆ
หวังให้ถนนสายนี้ทอดยาวตลอดไป ราบเรียบเช่นนี้ตลอดไป อยากให้อีกฝ่ายกุมมือตนอย่างอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป อยากให้วันเวลาในภายภาคหน้าทำให้เธอใจเต้นเช่นนี้ตลอดไป
……
……
……
ทั้งสองเดินอยู่บนถนน ถูกแสงแดดจ้าสาดส่อง
คนที่เดินผ่านไปมาเห็นพวกเขาทั้งสองก็ต้องปรายตามอง คิดในใจว่า คนสวยคนหล่อสองคนนี้ทำไมดูท่าทางเหมือนจะไม่เต็มนะ?
แดดร้อนขนาดนี้ ยังมาเดินจูงมือกันกลางถนนอีก ทำไมพวกคุณสองคนไม่ไปเดินที่ร่มๆ หน่อยล่ะ
บอกได้เลยว่า คนที่กำลังมีความรัก สติปัญญามักถูกบั่นทอนลงไปจริงๆ
ทว่าฉินเยว่และเฉินชางไม่สนใจสายตาของคนอื่น ตอนนี้พวกเขาสองคนยิ้มเหมือนคนโง่อย่างไรอย่างนั้น
บางที ความรักก็เพียงเท่านี้เอง
บางที ความรักก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
บางที ความรัก…