เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 359 ความรักก็ไม่มากไปกว่านี้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 359 ความรักก็ไม่มากไปกว่านี้

ณ โรงแรมห้าดาวหรูหราแห่งหนึ่ง

บนใบหน้าของจางฝานเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ!

อืม ไม่เลว พัฒนาขึ้นแล้ว!

เขานอนสูบบุหรี่อยู่บนเตียง พ่นควันออกมาช้าๆ

ครั้งนี้น่าจะเป็นสถิติสูงสุดของเขาแล้ว

ต้องบันทึกเอาไว้ซะแล้ว!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางฝานก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เขาคิดว่าความโกรธทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นจริงๆ!

ทำไมคนอย่างฉินเยว่ถึงได้ชอบหมอน้อยคนหนึ่งไปได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางฝานก็ยังคงคิดไม่ตก

ไอ้หมอนั่นมีอะไรดี

ก็แค่หมอน้อยที่หน้าตาดีนิดหน่อยเท่านั้นเอง

ความหล่อกินแทนข้าวได้หรือไง

พ่อของจางฝานเปิดโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หากจางฝานได้เส้นสายทางการแพทย์ของตระกูลฉินมาครองย่อมเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจในภายภาคหน้า

ต้องทราบว่าจี้หรูอวิ๋นผู้เป็นแม่ของฉินเยว่เป็นคนใหญ่คนโตในด้านประกันสังคมของมณฑล ปัจจุบันนี้ถ้าเปิดโรงพยาบาลแล้วไม่มีประกันสังคมใครจะมากันล่ะ

ทุกๆ ปี ประกันสังคมที่มีจำกัดจะถูกแบ่งสันปันส่วนไปยังโรงพยาบาลรัฐแต่ละแห่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนเลย ทุกวันนี้หากโรงพยาบาลเอกชนต้องการสร้างจุดเบิกจ่ายประกันสังคมก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก

ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ไม่ได้หารายได้จากการรักษาแล้ว พวกเขาจะมุ่งเป้าไปยังเงินประกันสังคมเสียมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ของจางฝานก็อยากให้เขาใกล้ชิดกับฉินเยว่ทั้งนั้น

ผู้หญิงข้างกายสูดหายใจลึก

เหนื่อยจริงๆ!

เหนื่อยใจอะนะ…

ความยากและความลำบากของเธอเหมือนกับต้องไปแสดงละครร่วมกับหลิวเต๋อหัวเลยทีเดียว

เมื่อเห็นจางฝานมีท่าทางสบายอกสบายใจ รวมไปถึงท่าทางได้ใจของเขา เธอก็รู้ทันทีว่าบทละครในคราวนี้เธอ เธอเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมอีกแล้ว

ช่างเถอะ ช่างเถอะ!

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยไปญี่ปุ่นเอาแล้วกัน อาจหาเงินค่าข้าวได้บ้าง

แต่จะอย่างไร เรื่องห้อง เธอก็ยังต้องการอยู่

……

……

ตอนเที่ยง ขณะที่ทั้งสองกินข้าวด้วยกัน จู่ๆ ฉินเยว่ก็เกิดระมัดระวังตัวขึ้นมา แม้แต่สไบนางที่เธอชอบที่สุดก็ยังกินไปแค่เล็กน้อย

เธอกำลังคิดว่าหากซื้อห้องแล้วจะส่งผลกับคุณภาพชีวิตหรือไม่

หากเฉินชางซื้อห้อง เช่นนั้นเธอ…ต้องกลับไปหารือกับเหล่าฉินและคุณแม่เพื่อให้พวกเขาช่วยสนับสนุนเฉินชางหรือไม่ ถึงอย่างไรราคาห้องชุดในตัวเมืองมณฑลก็แพงมาก!

แม้ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ตารางเมตรละหมื่นห้า แต่หลายแห่งก็ราคาขึ้นไปถึงสองหมื่นแล้ว ที่สำคัญคือนี่เป็นเพียงราคาพื้นฐานของห้องเท่านั้น

ตึกอยู่อาศัยของเขตเล็กๆ แห่งหนึ่ง ราคาพื้นฐานอาจแตกต่างกันเป็นหมื่น

หากลักษณะห้องดีวางแบบแปลนดี ราคาก็จะยิ่งแพง!

เฉินชางเพิ่งทำงานมานานแค่ไหนกันเชียว เพิ่งเป็นพนักงานประจำได้กี่วันเอง ครอบครัวก็เป็นเกษตรกร ไหนเลยจะมีเงินมากมายขนาดนั้น

คิดได้ดังนี้ ฉินเยว่ก็ไม่อยากสร้างความกดดันและภาระให้เฉินชางมากเกินไป

คิดไปคิดมา ฉินเยว่ก็เกิดความคิดบางอย่าง “เฉินชาง คุณแม่ของฉันเคยบอกว่าปีนี้ราคาบ้านที่เมืองอันหยางอาจจะถีบตัวสูง! ตอนนี้เดือนตุลาแล้ว ราคาห้องกำลังพุ่งสูง ช่วงนี้ยังไม่เหมาะกับการซื้อบ้าน เขาเรียกว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของอสังหาริมทรัพย์ พูดให้เข้าใจก็คือช่วงสองเดือนนี้ราคาบ้านจะพุ่งสูงขึ้นมาก ยิ่งใกล้ปีใหม่ หรือเป็นช่วงช่วงต้นปีปลายปีราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นอีก รอให้ถึงช่วงเดือนพฤษภาคมมิถุนายน พวกเราค่อยมาดูกันใหม่เป็นไงคะ ตอนนั้นคงถูกลงไม่น้อยเลย!”

ฉินเยว่คิดเพื่อเฉินชางจริงๆ อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นชนชั้นแรงงาน ซื้อบ้านแต่ละทีเรียกได้ว่าแทบจะขูดเนื้อเถือหนัง ต่อไปยังต้องกัดฟันสู้กันอีกหลายปี ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

แต่ละวันเฉินชางต้องผ่าตัดหลายเคส แค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว ฉินเยว่ไม่อยากเห็นเขาเหนื่อยขนาดนั้น

รอให้ถึงปีหน้าก่อน เธอ…กับเฉินชางค่อย…นั่นแหละ

คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของฉินเยว่ก็แดงระเรื่อ

จะซื้อห้องค่อยขอเงินเหล่าฉินแล้วกัน!

รอให้เธอมั่นใจเสียก่อน อีกอย่างตัวเองก็ต้องเก็บเงินด้วย ถึงตอนนั้นจะได้ช่วยกันซื้อ ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เฉินชางเหนื่อยขนาดนั้นเพียงคนเดียว

เฉินชางชะงัก มองฉินเยว่ด้วยรอยยิ้มสนอกสนใจ “งั้นเหรอครับ”

ฉินเยว่พยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ!”

ทำไมเฉินชางจะไม่เข้าใจความคิดของฉินเยว่ล่ะ เธอช่างไร้เดียงสาและใสซื่อจริงๆ ความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจนก็กลายเป็นสาวน้อยที่พร้อมจะออกเรือนไปเสียแล้ว นี่ทำให้เขาอบอุ่นใจจริงๆ

แม้ทั้งสองจะยังไม่ได้กำหนดความสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง แต่ในความคิดของฉินเยว่ มือก็จูงแล้ว ย่อมถือว่าตนเป็นคนของเฉินชางแล้ว

ไม่ใช่ว่าเธอหัวโบราณ เพียงแต่เธอแยกแยะความรู้สึกได้อย่างชัดเจน

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยถูกคนอื่นจูงมือ เพียงแต่…นี่เป็นครั้งแรกที่ใจเต้นแรงขนาดนี้

ในตอนนี้ ฉินเยว่คิดเพื่อเฉินชางจากใจจริง คิดไปถึงบ้านในอนาคตของพวกเขาเลยทีเดียว

คิดไปถึงว่าจะขอเงินเหล่าฉินอย่างไร…สุดท้ายก็ซื้อห้องให้เฉินชางสักห้องหนึ่ง

แต่นี่เป็นไปไม่ได้เลย!

ฉินเยว่คิดว่าเฉินชางเป็นคนเก่งที่มีศักดิ์ศรี จะต้องไม่ยอมขอเงินพ่อแม่แน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้คงทําได้เพียงอาศัยเงินเก็บของตนและเฉินชางเพื่อไปซื้อบ้านแล้ว

แต่ว่า…ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะใช้เงินมือเติบไปกับการกินหม้อไฟและชานมไม่ได้แล้ว

ถึงเธอจะชอบมากก็ตาม…แต่หากเทียบกับของเหล่านี้ บ้านเล็กๆ อันอบอุ่นไม่ต้องใหญ่มากที่จะเป็นของพวกเขาสองคนอย่างแท้จริงคือสิ่งที่ฉินเยว่ต้องการมากที่สุด

ผู้หญิงชอบเพ้อฝัน ชอบคิดปรารถนาถึงความรัก อนาคตและครอบครัว

คิดไปคิดมา ฉินเยว่ก็ยิ่งไม่อยากกลับไปอยู่กับเหล่าฉินเหล่าจี้แล้ว

นั่นเป็นบ้านของพวกเขา!

ฉินเยว่ตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หลังจากกินหม้อไฟมื้อนี้เสร็จแล้ว กินชานมมื้อนี้เสร็จแล้ว เธอก็จะเริ่มประหยัดเงินเพื่อบ้านเล็กๆ ของพวกเขา!

อยากกินค่อยกลับไปกินที่บ้าน ให้เหล่าฉินเลี้ยงแล้วกัน

ใช่แล้ว! จะให้เฉินชางจ่ายเงินไม่ได้ นี่เป็นเงินในอนาคตของพวกเธอ

หากซื้อบ้านได้เร็ว ช่วงวันหยุดพวกเขาสองคนก็จะได้อยู่ด้วยกัน หวานกัน กินหม้อไฟด้วยกัน ร้องเพลงด้วยกัน

คิดไปถึงยามเช้าอันอบอุ่น เธอสวมผ้ากันเปื้อนเตรียมมื้อเช้าร้อนๆ ให้เฉินชาง

คิดถึงยามบ่ายอันเกียจคร้าน ชงชามาสักหนึ่งกา เฉินชางนอนอยู่บนโซฟา ส่วนเธอนอนเกยตักเฉินชาง นอนกอดและหลับไปด้วยกัน

คิดถึงตอนที่มีลูกกันแล้ว พวกเธอจะช่วยกันเข็นรถเข็นเด็กไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ

ใช่แล้ว หากจะซื้อห้องก็ต้องซื้อห้องที่ติดสวนสาธารณะด้วย!

แต่ว่า…หากมีสวนสาธารณะจะไม่แพงขึ้นอีกหรือ

แต่ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีสวนสาธารณะ เดินเล่นใต้ตึกก็ได้

เธอยังคิดไปถึงช่วงเวลาหลังอาหารเย็น เขากับเธอจูงมือลูกคนละคน กลายเป็นครอบครัวสี่คน เดินเล่นรับลมยามค่ำคืนไปด้วยกัน

ใช่แล้ว!

ต่อไปต้องมีลูกสองคน คนหนึ่งชื่อเฉิน… อีกคนชื่อเฉิน…

คิดไปคิดมา อยู่ดีๆ ฉินเยว่ก็รู้สึกเหมือนว่าชีวิตของเธอเพิ่งเริ่มต้น เธอไม่เรียกร้องให้เฉินชางต้องมีความสามารถอะไรมากมาย ขอแค่เขาชอบเธอคนเดียวไปชั่วชีวิตก็พอ

ยิ่งคิดฉินเยว่ก็ยิ่งมีความสุข

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกดื่มด่ำไปกับมัน

อาหารมื้อนี้ทั้งสองกินไม่มาก แต่กลับใช้เวลานาน

ฉินเยว่เริ่มเรียนรู้ที่จะคีบ ‘สุดยอดสไบนาง’ ใส่จานเฉินชางแล้ว

เฉินชางกัดเข้าไปคำหนึ่ง สัมผัสได้ถึงรสชาติอร่อยสดชื่น! กำลังดีเลย!

เขาชูนิ้วโป้งให้ฉินเยว่!

ฉินเยว่เห็นเฉินชางยิ้มอย่างดีอกดีใจก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกเปรมปรีดิ์ รู้สึกดีกว่ากินเองเสียอีก

บางที…

ความรักก็เพียงเท่านี้เอง

ความรักก็ไม่มากไปกว่านี้แล้ว

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท