เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 368 เซอร์ไพรส์!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 368 เซอร์ไพรส์!

กว่าจะวินิจฉัยอาการบางประเภทให้เจอได้ จะต้องหาอาการสำคัญให้เจอเสียก่อน!

หากหาอาการสำคัญนี้พบก็จะวินิจฉัยความหมายของอาการที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน

ในแพทย์ร่วมสมัยเรียกสิ่งนี้ว่า มาตรฐานทองคำของการวินิจฉัย!

ยกตัวอย่างเช่น หากจะวินิจฉัยวัณโรคจะต้องนำเสมหะไปเพาะเชื้อเพื่อตรวจหาแบคทีเรียที่เกี่ยวข้อง หากจะวินิจฉัยโรคมะเร็งก็ต้องตรวจให้เจอเซลล์มะเร็งในร่างกาย เป็นต้น…

แต่ว่า! อาการหลายอย่างก็ไม่มีมาตรฐานทองคำเช่นนี้ ดังนั้นจะต้องหาเบาะแสสำคัญของอาการให้พบเพื่อนำมาช่วยในการวินิจฉัย หากหาพบและตรวจสอบไปตามเบาะแสนั้นได้ ก็จะทำให้วินิจฉัยโรคออกมาได้ในที่สุด

เฉินชางสูดหายใจลึกๆ มองชายชราอีกครั้ง สายตาอัดแน่นไปด้วยความเคารพนับถือ จากนั้นจึงพยักหน้าแสดงความขอบคุณ!

ชายชราทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าให้ ไม่ได้พูดอะไรอีก

……

……

ชายชราเก่งจริงๆ เขาเก่งที่ตรงนี้เอง แต่นี่ไม่ใช่ส่วนที่เก่งที่สุดของเขา ส่วนที่สุดยอดที่สุดของเขาก็คือการเลือกใช้วิธีการต่างๆ ในการติดต่อสื่อสารกับผู้คน

เขารู้ว่าอู๋อวี้ซู่มีปัญหา และอาจไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ด้วย แต่เขาพูดตรงๆ ไม่ได้

เขารู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะต้องเชื่อฟังหมอ

ชายชราเป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นแพทย์ที่เก่งกาจมาก แต่เขาจะข้ามหน้าหมอที่นี่ไม่ได้ และจะไปชี้นิ้วสั่งให้เฉินชางทำอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ได้ แต่ในฐานะที่เป็นหมอ เมื่อเห็นการวินิจฉัยอาการให้ผู้ป่วยเกิดปัญหา จิตวิญญาณความเป็นแพทย์ของเขาก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองมองดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยเหลือ

ในตอนนั้นเขาจึงบอกให้เฉินชางตรวจวัดความดัน นี่เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีอีคิวสูงมาก หากชายชราบอกให้เฉินชางพาผู้ป่วยไปเอกซเรย์ทรวงอก ทำกราฟหัวใจ หรือวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ย่อมได้ แต่ผู้ป่วยจะยอมหรือ ผู้ป่วยจะคิดอย่างไร

นี่จะทำให้หมอของคุณวินิจฉัยไม่ได้ แล้วจะให้คนอื่นช่วยวินิจฉัยแทนหรือ หากทำเช่นนั้นผู้ป่วยจะคิดว่าหมอเป็นพวกต้มตุ๋น! อาจถึงขั้นไม่ฟังข้อเสนอแนะที่ให้ไปตรวจร่างกายด้วยซ้ำ

แต่การเสนอให้วัดค่าความดันโลหิตเป็นความเห็นที่ออกมาจากมุมมองของผู้ป่วย การวัดความดันโลหิตเป็นการตรวจที่เรียบง่ายมากและไม่ต้องใช้เงิน ไม่ทันไรก็ตรวจได้แล้ว

เมื่อทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ป่วยขจัดอคติในใจออกไปและทำตามข้อเสนอง่ายๆ นอกจากนี้หมอก็จะได้เบาะแสจากการตรวจอีกด้วย เรียกว่าเป็นการประนีประนอมที่ช่วยแก้ปัญหาได้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาเก่งเพียงใด

อย่าได้ดูถูกการตรวจวัดค่าความดันโลหิตเป็นอันขาด แม้จะดูเหมือนง่ายแต่การตรวจค่าความดันโลหิตจะช่วยให้พบเบาะแสต่างๆ มากมาย

นี่เป็นองค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง

ชีพจรอันแปลกประหลาดนี้บ่งชี้ให้เห็นว่าในยามผู้ป่วยหายใจเข้าจะทำให้ชีพจรเต้นเบาลงอย่างชัดเจนหรืออาจหายไปด้วยซ้ำ แต่เมื่อหายใจออกชีพจรก็จะปรากฏออกมาหรือกลับคืนสู่สภาพเดิม เมื่อใช้การตรวจวัดค่าความดันโลหิตมาสังเกตอาการชีพจรเต้นผิดปกติ จะทำให้เห็นผลชัดเจนกว่าการใช้มือตรวจ

หมอที่มีประสบการณ์ เพียงจับดูก็สัมผัสได้ถึงอะไรหลายๆ อย่างแล้ว

สาเหตุที่ทำให้ชีพจรเกิดความผิดปกตินั้นมาจากความดันในเยื่อหุ้มหัวใจสูง จนไปจำกัดอัตราความดันโลหิตช่วงหัวใจคลายตัว ตอนหายใจเข้าโลหิตจึงไหลเวียนได้อย่างจำกัด หัวใจห้องขวาส่งเลือดเข้าไปไหลเวียนที่ปอดได้น้อยลง การไหลเวียนเลือดในช่วงปอดก็จะได้รับผลกระทบจากการหายใจที่ถูกจำกัดนี้ ทำให้หลอดเลือดที่ปอดขยายตัวและทำให้ปริมาณเลือดที่ปอดที่จะส่งกลับไปยังหัวใจห้องซ้ายลดลงด้วย ดังนั้นโลหิตที่ถูกส่งออกจากหัวใจห้องซ้ายก็จะลดลงตามไปอีก นี่ทำให้ความดันโลหิต หรือชีพจรอ่อนลงและอาจถึงขั้นหายไปชั่วคราว

เมื่อเกิดอาการชีพจรเต้นผิดปกติขึ้นมา มักพบอาการผิดปกติต่างๆ ตามมาด้วย เช่น หัวใจห้องขวาอ่อนเพลีย มีของเหลวสะสมในเยื่อหุ้มหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการหดเกร็ง ตลอดจนเกิดอาการหอบหืดรุนแรงเป็นต้น

เมื่อวินิจฉัยได้ถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่เฉินชางต้องทำต่อไปก็ง่ายขึ้นมาก เมื่อใช้การตรวจหัวใจด้วยหูฟังแพทย์มาวิเคราะห์ร่วมกับภาวะชีพจรเต้นผิดปกติที่ตรวจพบเมื่อครู่นี้ เฉินชางก็เข้าใจสภาพของอู๋อวี้ซู่ราวเจ็ดแปดส่วนแล้ว

มีความเป็นไปได้มากว่าเขาเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด!

แต่หากจะวินิจฉัยให้แน่ชัดก็ต้องมีข้ออ้างอิง เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินชางก็เริ่มสังเกตอาการอย่างจริงจัง เส้นเลือดที่คอขยายตัวไปตามการหายใจของอู๋อวี้ซู่จนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เพราะผู้ป่วยค่อนข้างอ้วน จึงไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น

เฉินชางคิดไปถึงคำพูดของอู๋อวี้ซู่เมื่อครู่นี้ ที่ว่าตนมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ความอยากอาหารลดลง สุดท้ายก็พูดไปว่า “ให้ผมลองจับท้องคุณดูหน่อยนะครับ”

อู๋อวี้ซู่ยกขาขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ

เฉินชางใช้วิธีเคาะเพื่อตรวจดูบริเวณท้อง จากนั้นก็เงียบไป อาจมีของเหลวสะสมในช่องท้อง ซึ่งของเหลวกว่าครึ่งอาจสะสมอยู่ในตับ

ตอนนี้เฉินชางวินิจฉัยได้มากแล้ว

คิดแล้วเฉินชางก็ถามประวัติอาการป่วยและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง

เฉินชางมองอู๋อวี้ซู่แล้วบอกว่า “ดูจากที่ผมตรวจให้คุณเมื่อกี้ รวมถึงอาการที่ปรากฏให้เห็นในตอนนี้ ผมคิดว่าอาการของคุณเหมือนโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดครับ”

อู๋อวี้ซู่ได้ยินดังนั้นหนังตาก็กระตุกทันที เขาถูกศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ทำให้ตกใจไปหมดแล้ว

เขาเคยได้ยินแต่ปอดอักเสบ จมูกอักเสบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบอะไรนั่น!

คิดดังนี้อู๋อวี้ซู่ก็หน้าเปลี่ยนสี “เยื่อหุ้มหัวใจอะไรนะครับ หมายถึงอะไรครับ”

เฉินชางอธิบาย “เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดครับ มีสาเหตุมาจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรัง เมื่อปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มหัวใจหนา และอาจเกิดพังผืด หรือหินปูนที่เยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งจะไปจำกัดการหดและขยายตัวของหัวใจจนประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจลดต่ำลง จนส่งผลกระทบกับระบบไหลเวียนโลหิตทางร่างกาย คุณหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก และมีอาการท้องอืด อาการเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันโดยตรงครับ!”

อู๋อวี้ซู่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจไม่น้อยเลยจริงๆ เขาจะป่วยไม่ได้…นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ภาระอันหนักอึ้งกดทับอยู่บนบ่า เขาจะกล้าป่วยที่ไหนกัน

ขนาดพักผ่อนก็ยังไม่กล้าพัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการป่วยเลย

คิดได้ดังนี้ อู๋อวี้ซู่ก็รีบถามขึ้นว่า “หมอครับ ร้ายแรงมากไหมครับ”

ร้ายแรงหรือไม่ ปัญหานี้ก็พูดยาก แต่เฉินชางเห็นสภาพของอู๋อวี้ซู่แล้วก็ทำได้แต่ตอบไปตามตรง

“ขอบอกตามตรงเลยนะครับ นี่ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา หากปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบกับระบบหัวใจและเส้นเลือด ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ตับและปอดเหนื่อยล้าสะสมด้วยครับ ส่งผลกระทบกับระบบทั่วทั้งร่างกาย”

อู๋อวี้ซู่ใจเต้นรัว “เอ่อ…ต้องแอดมิทไหมครับ หรือแค่กินยาแก้อักเสบก็พอ”

ในใจของอู๋อวี้ซู่คิดว่าเมื่อมีอาการอักเสบ แค่กินยาแก้อักเสบก็น่าจะพอแล้ว แต่ว่า…อาการอักเสบเกิดที่หัวใจทำให้เขาไม่มั่นใจนัก

เมื่ออู๋อวี้ซู่ฟังคำอธิบายของเฉินชางเสร็จก็เครียดมาก ถึงขั้นหวาดกลัวไปชั่วขณะ

เฉินชางส่ายหน้า “หากเป็นโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก ส่วนยาจะใช้ควบคู่กันไปด้วยเป็นส่วนเสริม และยิ่งเข้ารับการผ่าตัดเร็วก็ยิ่งดี นอกจากนี้คุณมีของเหลวสะสมในช่องท้องที่จะต้องเอาออกมาด้วยครับ ผมเสนอให้คุณแอดมิทให้เร็วที่สุด แอดมิทแล้วก็ตรวจสอบร่างกายให้ดี จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการการรักษาต่อไป”

สิ่งที่ควรพูด เฉินชางก็พูดไปหมดแล้ว

เขาพอจะมองออกว่าอู๋อวี้ซู่ต่อต้านการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจมีสาเหตุสองประการ ประการแรกก็คือความกดดันทางด้านการเงิน อีกประการหนึ่งก็คือเสียเวลา

ในเมื่อป่วยแล้ว สิ่งที่ควรรักษาก็สมควรรักษาให้หาย แต่จะตรวจร่างกายได้ก็ต่อเมื่อแอดมิทอยู่ในโรงพยาบาลแล้วเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้จะได้เบิกประกันสังคมได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจร่างกายไปได้มาก

เฉินชางพยายามที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้บอกให้อู๋อวี้ซู่รีบตรวจร่างกายที่คลินิกผู้ป่วยนอก หวังว่าเขาจะรีบแอดมิทเข้าโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

เมื่ออู๋อวี้ซู่ฟังเฉินชางจบก็เงียบไป เขานั่งอยู่เช่นนั้น ผ่านไปนานก็ยังไม่พูดอะไร

ตอนนี้เฉินชางจึงมีเวลาต้อนรับชายชรา

เฉินชางมองชายชรา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมื่อคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดออกไปว่า “คุณลุงครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

ชายชราส่งใบลงทะเบียนของแผนกฉุกเฉินมาให้ “รบกวนทำกราฟหัวใจให้ผมหน่อยครับ ผมรู้สึกใจหวิวๆ”

เมื่อเฉินชางเห็นชื่อของชายชรา ดวงตาก็พลันหดเกร็ง!

ชื่อนี้ บางทีใครหลายคนอาจไม่รู้จัก แต่หากอยู่ในวงการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง หรืออาจรวมถึงวงการแพทย์แผนจีน ความหมายที่แฝงอยู่ในชื่อนี้แตกต่างออกไปมากจริงๆ

เฉินชางรู้จักชื่อนี้โดยบังเอิญ จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนใหญ่คนโตท่านนี้ได้!

ปรมาจารย์ในวงการแพทย์ เจิ้งซานสุ่ย!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท