บทที่ 412 หนึ่งปีสี่ฤดู ไม่ว่าหนาวหรือร้อนล้วนเป็นคุณ! (Part2)
อันเยี่ยนจวินก็เป็นเช่นนี้เอง เขามักบอกผู้ป่วยให้ทราบถึงปัญหาด้วยท่าทางเคร่งขรึมและจริงจัง นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าผู้ป่วยจะไม่ให้ความสำคัญมากพอ อย่างไรก็ต้องทำให้อีกฝ่ายใส่ใจมากขึ้นให้ได้ และเรื่องพวกนี้ก็คือความจริง
สีหน้าคุณยายเปลี่ยนไปโดยพลัน เธอตกใจมากจริงๆ ถึงขั้นรีบตอบรับไปว่า “ได้ค่ะ ได้ ได้ค่ะ ขอบคุณหมออันมากนะคะ ฉันจะจำไว้”
กล่าวจบก็ใช้มือทั้งสองกุมมือหัวหน้าแผนกอัน มองอันเยี่ยนจวินด้วยสายตาซาบซึ้ง “หมออัน รบกวนคุณแล้ว คุณรีบไปกินข้าวเถอะค่ะ”
อันเยี่ยนจวินล้างมือแล้วกลับไปกินข้าวตามปกติ
บางทีใครหลายคนอาจคิดว่ามันสกปรก ซึ่งอันที่จริงจะสกปรกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการมองของตัวหมอเอง
คุณคิดว่าโรงแรมสะอาดหรือไม่ ดูผิวเผินแล้วสะอาดสะอ้านเงาวับ
แล้วคุณว่าห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลสะอาดหรือไม่ ดูผิวเผินทั้งเก่าและโทรม!
อันที่จริงความสะอาดในสายตาของหมอก็คือไม่มีแบคทีเรีย ไม่มีเชื้อโรค ไม่ใช่เพียงดูผิวเผินแล้วสะอาดสะอ้านเงาวับ เช่น ห้องพักผู้ป่วย ห้องสังเกตอาการ ห้อง ICU รวมไปถึงผ้าห่มผ้าปู ทุกอย่างจะต้องผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียมาแล้วทั้งนั้น
เมื่ออันเยี่ยนจวินกลับมาแล้ว เฮ่อลี่ก็หัวเราะ “คุณทำงานไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันกลับแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมเอากล่องอาหารกลับด้วยนะคะ ลูกทำการบ้านอยู่ที่บ้านแล้ว”
อันเยี่ยนจวินรีบลุกขึ้นเดินไปส่งที่ประตูแผนกฉุกเฉิน เฮ่อลี่เดินไปวาดขาขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “อ่า คุณกลับไปเถอะ ฉันไปก่อนนะคะ”
จากนั้นเธอก็โบกมือลาแล้วขับรถจากไป
อันเยี่ยนจวินมองรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของเธอจนไม่เห็นเงาแล้วค่อยเดินกลับไป
ฉางลี่น่าที่อยู่ข้างๆ ทอดถอนใจออกมา “เฮ้อ ดีจริงๆ! อิจฉาค่ะ…”
ตอนนี้เองพยาบาลฝึกงานคนหนึ่งอดถามไม่ได้ว่า “หมออัน ภรรยาคุณทำงานอะไรหรือคะ”
อันเยี่ยนจวินยิ้ม “เป็นพนักงานขายที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งน่ะครับ ลำบากมากเลยทีเดียว”
พยาบาลน้อยได้ยินดังนั้น แม้ปากจะไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจก็คิดว่า มิน่าล่ะ ถึงดีกับหมออันขนาดนี้…
ในสายตาของเธอ อันเยี่ยนจวินเป็นหมอระดับรองหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลอันดับสอง เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ในอนาคตคงได้เป็นหัวหน้าแผนก ส่วนเฮ่อลี่เป็นพนักงานขายที่ใครๆ ก็ทำได้ เมื่อเทียบคุณค่ากันแล้ว เธอรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก
ดังนั้นในความคิดของเธอ เฮ่อลี่ดีกับอันเยี่ยนจวินเพราะกลัวอันเยี่ยนจวินไม่ต้องการเธออีก ถึงอย่างไรเธอก็มองว่าตำแหน่งฐานะของอันเยี่ยนจวินสูงกว่าภรรยามากเลยทีเดียว
ตอนนี้ดูเหมือนอันเยี่ยนจวินจะรู้ความคิดของพยาบาลน้อยจึงอดพูดไม่ได้ว่า “เทียบกับภรรยาแล้ว สิ่งที่ผมมอบให้ครอบครัว สิ่งที่ผมเสียสละเพื่อครอบครัว ยังสู้เธอไม่ได้จริงๆ”
ฉางลี่น่าได้ยินดังนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ปกติอันเยี่ยนจวินเป็นพวกหน้านิ่งใจอ่อน ไม่ค่อยพูดคุยเรื่องครอบครัวกับคนอื่น โดยปกติก็ไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้วด้วย ดังนั้นจึงอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าอัน ไม่เคยได้ยินคุณพูดเรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ คุณลองพูดให้สาวๆ พวกนี้ฟังหน่อยสิคะ”
ความจริง โดยปกติอันเยี่ยนจวินไม่ชอบพูดเรื่องของตัวเอง และยิ่งไม่ชอบพูดถึงเรื่องครอบครัว เดิมทีเขาก็มีนิสัยพูดน้อยอยู่แล้วจึงพูดเรื่องซุบซิบนินทาเช่นนี้กับคนอื่นน้อยมาก
“ผมกับภรรยารู้จักกันมายี่สิบกว่าปีแล้วครับ คบกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว พวกเราสองคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ตอนอยู่มัธยมต้นก็นั่งโต๊ะเดียวกัน ภรรยาผมไม่ชอบเรียน แต่ความจริงเธอฉลาดมาก ครอบครัวเธอมีพี่ชายและน้องชายที่ต้องเรียนหนังสือ ในยุคนั้นชาวบ้านในชนบทส่งเสียลูกสามคนไม่ไหว”
“ตอนนั้นพวกเราคบกัน หรืออาจเรียกได้ว่าพวกเราแอบคบกันก็ได้ เพราะไม่มีใครกล้าพูดออกไป พอเรียนจบชั้นมัธยมต้น ภรรยาผมก็ไม่ได้เรียนต่อ แต่เลือกทำงานเลย ผมไปเรียนที่ไหน เธอก็จะไปทำงานที่เมืองนั้น”
“เธอหาเงินมาได้ก็ไม่อยากใช้ซื้อข้าวซื้อเสื้อผ้า เอาแต่เก็บเงินส่งให้ที่บ้าน ส่งเสียพี่ชายและน้องชายให้ได้เรียนหนังสือ แล้วยังหักเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อส่งผมเรียนด้วย ตอนนั้นผมสาบานว่าต่อไปจะทำให้เธอมีชีวิตที่ดี”
“ต่อมาผมได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว คนในหมู่บ้านต่างมองว่าผมนำเกียรติยศมาให้บรรพบุรุษ เป็นคนเก่งยอดเยี่ยม ตอนนั้นภรรยาผมทั้งยินดีและหวาดกลัว เธอดีใจที่ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หวาดกลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะไม่ต้องการเธอแล้ว แต่เธอเป็นพวกใจใหญ่เด็ดเดี่ยว เธอไม่เคยพูดออกมา ตอนผมเรียนเธอก็ไม่เคยไปหาผมที่มหาวิทยาลัยเพราะกลัวพวกเพื่อนๆ เห็นเธอแล้วจะดูถูกผม”
พูดถึงตรงนี้ฉางลี่น่าและพยาบาลน้อยทั้งหลายก็สูดจมูก กระทั่งอันเยี่ยนจวินก็ยังอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ตอนภรรยาผมอายุยี่สิบกว่าๆ เธอสวยมากนะครับ แต่…เธอไม่เคยแต่งตัวเลย ไม่อยากใช้เงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เอาแต่ประหยัดเงินให้ผมซื้อเสื้อผ้าซื้อหนังสือ เธอมีความรู้ไม่มากเลยกลัวว่าสักวันหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่รู้ว่าเธอไปฟังคำพูดพวกนี้มาจากไหนถึงได้กลัวคุยกับผมไม่รู้เรื่อง ดังนั้นพอเลิกงานเธอจะไปช่วยงานที่ร้านหนังสือ…จะได้ถือโอกาสอ่านหนังสือให้มากหน่อย หลายปีมานี้ เธอซื้อหนังสือเข้าบ้านมากกว่าผมซะอีก”
“พอผมเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ความจริงผมก็อยากไปทำงาน แต่เธอจะให้ผมเรียนปริญญาโทต่อ ผมเห็นเธอลำบากขนาดนั้นเลยไม่อยากเรียน ตอนนั้นพวกเราวางแผนทำงานกันแล้ว แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าเธอไปฟังทฤษฎีอะไรมาจากไหนถึงจะให้ผมเรียนปริญญาโทให้ได้ เพราะเรื่องนี้พวกเราทะเลาะกันไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งผมก็สู้ไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าหากผมไม่เรียนปริญญาโท เธอก็จะเลิกกับผม”
พูดถึงตรงนี้อันเยี่ยนจวินก็สูดจมูก รู้สึกสะเทือนใจ
“ต่อมาผมเรียนจบปริญญาโทก็ได้รับจัดแจงมาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลตงต้าสาขาสอง คนในหน่วยงานแนะนำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงมากมาย ภรรยาผมทราบเข้าก็แอบไปร้องไห้ทุกวัน แต่ตอนเห็นผมก็จะยิ้มสวยเหมือนดอกไม้”
“บอกตามตรงเลยนะครับ ตอนนั้นพวกเราสองคนคบกันมาประมาณสิบห้าปีแล้ว ชินกับการมีกันและกันแล้ว ถ้าผมจะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเธอจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองยังสมควรเป็นคนอยู่ไหม ต่อมาผมทำงานเข้าปีที่สอง ก็เก็บเงินได้ห้าพันกว่า เลยแต่งงานกัน”
“แต่ก็ดีนะครับ พวกเรามีอดีตร่วมกันมาหลายปีขนาดนี้ เผชิญลมฝนร่วมกันมานาน ตอนนี้ลูกก็อายุสิบสองแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้พยาบาลน้อยหลายคนรู้สึกสะเทือนใจ ความรักที่เสียสละเพื่อกันและกันเช่นนี้ ความรักที่คอยปกป้องลมฝนให้กันและกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ทำให้คนอื่นอิจฉาได้เสมอ
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ถึงขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
ท่ามกลางกระแสสังคมแบบทุนนิยม ยังคงมีผู้คนไม่น้อยที่เสียสละเพื่อความรักของพวกเขาอยู่เงียบๆ
ตอนนี้ยังจะมีพยาบาลน้อยคนไหนดูถูกเฮ่อลี่ได้อีก
ทุกคนย้อนนึกไปถึงผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ พูดจายิ้มแย้มหัวเราะง่ายคนนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสุดยอดไปเลย!
ทำได้เพียงนับถืออยู่เงียบๆ ในใจ คนเช่นนี้ สมควรมีความสุขแล้ว! สมควรได้ครองคู่กับคนรักไปจนเส้นผมขาวโพลน!
……
……
สิบกว่าปีก่อนเฮ่อลี่เป็นคนที่เสียสละอยู่เงียบๆ
อันเยี่ยนจวินสาบานกับตัวเองว่า
อนาคตในภายภาคหน้า
ฤดูหนาวหิมะโปรยปราย ก็คือคุณ
ฤดูใบไม้ผลิบุปผาเบ่งบาน ก็คือคุณ
ฤดูร้อนพิรุณโปรยปราย ก็คือคุณ
ฤดูใบไม้ร่วงบุปผาโรยรา ก็คือคุณ
ทั้งสี่ฤดูไม่ว่าจะหนาวหรือร้อนล้วนเป็นคุณ
อันเยี่ยนจวินที่ภายนอกดูเย็นชา แต่ในใจอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้ก็มีลูกไฟดวงน้อยๆ ลุกโชนอยู่ในใจ เป็นดวงไฟที่ลุกโชนเพื่อเฮ่อลี่คนเดียว แผดเผาเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บของเธอคนเดียว
………………