บทที่ 408 ความโปรดปรานของแม่ยาย
เฉินชางถอนหายใจ ตอนแรกเขาคิดว่าที่ฉินเยว่บอกว่าแม่เธอต้องการพบเป็นเรื่องล้อเล่นเสียอีก! คิดไม่ถึงว่าเวลาพบหน้าจะมาถึงเร็วขนาดนี้!
ดูท่าทาง…ต่อจากนี้ห้ามพูดล้อเล่นกันมั่วๆ แล้ว หากเป็นจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกกระอักกระอ่วน เคร่งเครียด สับสนมึนงง
ให้เดินไปหาก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี!
แต่ถ้าไม่เดินไปหาก็ไม่เหมาะสม!
ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉินชางพบเหล่าฉินในฐานะแฟนฉินเยว่ พอคิดเช่นนี้แล้วก็… คาดหวังอยู่เหมือนกัน!
เฉินชางเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแววหยอกล้อในดวงตาของฉินเยว่ก็หัวร้อนขึ้นมาทันที!
ขี้ขลาดอะไรกัน! ไปก็ไปสิ!
เฉินชางยิ้ม ยืดอกขึ้น ก้าวเดินไปด้านหน้า
“สวัสดีครับผู้อำนวยการฉิน! สวัสดีครับคุณน้า”
เฉินชางเดินยิ้มเข้าไปทักทาย
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้หรูอวิ๋นเห็นเฉินชางในระยะใกล้ ก่อนหน้านี้ต้องแอบมองผ่านหน้าต่างจึงเห็นเพียงคร่าวๆ ยังไม่เคยเจอเฉินชางระยะประชิดเช่นนี้มาก่อน
ความรู้สึกในการพบหน้าครั้งแรกไม่เลวเลย รูปร่างสูงเพรียว ดูมีเสน่ห์ ให้ความรู้สึกมั่นคง
จี้หรูอวิ๋นยิ้ม “เฉินชางสินะจ๊ะ ฉันได้ยินเยว่เยว่พูดถึงเธอบ่อยๆ วันหน้ามานั่งเล่นที่บ้านสิจ๊ะ!”
เฉินชางยิ้ม “แน่นอนครับ วันหน้าผมจะไปเยี่ยมเยียนถึงบ้านแน่ ผมก็ได้ยินฉินเยว่พูดถึงคุณน้าอยู่บ่อยๆ บอกว่าคุณทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมาย แล้วยังบอกด้วยว่าตอนสาวๆ คุณสวยมาก วันนี้เห็นแล้วก็ยังดูมีเสน่ห์มากเลยครับ”
คำประจบประแจงเช่นนี้ทำให้จี้หรูอวิ๋นสบายไปทั้งตัว “วันหน้าก็มาที่บ้านสิจ๊ะ เดี๋ยวน้าจะทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน”
จากนั้นจี้หรูอวิ๋นก็ยิ้ม “เสี่ยวเฉิน เธอโชคดีจริงๆ เลย!”
“เป็นแบบนี้ก็ไม่มีภาระอะไรแล้วสินะ! ซื้อห้องก็มีแพ็คเกจแต่งห้องแถมมาด้วย จริงสิ เธอซื้อบ้านขนาดเท่าไหร่เหรอจ๊ะ”
เฉินชางมองฉินเยว่ “คราวที่แล้วผมกับฉินเยว่ถูกใจห้องชุดอยู่ห้องหนึ่งนะครับ ขนาดประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตารางเมตร แต่ตอนนั้นอีกฝ่ายยังไม่มีแผนขายห้อง แต่จู่ๆ สองวันก่อนก็โทรหาผม บอกว่าจะขายแล้ว วันนี้ผมก็เลยรีบมาดู”
เฉินชางซ่อนเรื่องที่เขาคุยกับเจิ้งกั๋วถานในตอนนั้นเอาไว้
“ฉินเยว่ชอบมากเลยครับ ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้อก่อนแล้วทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ ผลกลายเป็นว่ามาเห็นเขาจัดกิจกรรมกันก่อนเลยไปจับฉลากดูบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะได้รางวัลพิเศษ ผมคาดไม่ถึงจริงๆ ไม่ต้องจ่ายเงินแล้วยังได้ของแถมด้วย!”
“อีกอย่างคิดไม่ถึงด้วยครับว่าจะเจอพวกคุณ”
กล่าวจบทุกคนก็หัวเราะ
ฉินเสี้ยวหยวนมองเฉินชางด้วยความอิจฉา “เจ้าหนู โชคดีจริงๆ นะ ไม่ทันไรก็ลดภาระไปได้ยี่สิบปีแล้ว!”
เฉินชางกล่าวต่อ “ครับ พวกเราไปดูกันเถอะ! เป็นห้องพร้อมขายนะครับ”
ฉินเยว่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ใช่ค่ะ พ่อคะ แม่คะ เดี๋ยวหนูจะพาไปดูเอง ห้องนี้หนูเห็นครั้งแรกก็ถูกใจเลยค่ะ”
ฉินเยว่และเฉินชางอายุไม่น้อยแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นจึงอยากให้พวกเขาแต่งงานกันเร็วๆ
แม้ทั้งสองคบหากันไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักกันมาสามปีกว่า เวลาสามปีมานี้ก็แอบสร้างความสนิทสนมกันอยู่เรื่อยๆ อาจมีความชอบพอกันมานานแล้ว เพียงแต่ต่างคนต่างไม่พูดออกมาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมั่นใจในความสัมพันธ์แล้ว พวกเขาเชื่อว่าทั้งสองจะแต่งงานมีลูกกันได้แน่นอน
ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นคิดเช่นนี้ พวกเขาตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของเด็กๆ ไปนานแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับหัวใจของเด็กๆ ด้วย
แม้จี้หรูอวิ๋นจะพบหน้าเฉินชางเป็นครั้งแรกแต่ก็รู้สึกดีกับเฉินชางจริงๆ แม้กระนั้นก็ต้องใช้เวลาสานสัมพันธ์กันบ้าง
คนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้จะรีบร้อนเรื่องแต่งงาน แต่ความคาดหวังสูงสุดก็คืออยากเห็นเด็กๆ มีชีวิตครอบครัวที่ดี
ไม่ได้จะบอกให้ฉินเยว่หาคนมีเงิน หรือคนมีความสามารถสูง แต่อย่างน้อยก็ต้องหาคนที่ดีต่อเธอ พึ่งพาได้และมั่นคง
เห็นฉินเยว่อยู่กับเฉินชางด้วยท่าทางเบิกบานใจเช่นนั้น จี้หรูอวิ๋นและฉินเสี้ยวหยวนก็พอใจมาก
เมื่อเข้าไปในห้อง ทั้งสองก็พบว่ารูปแบบและทิศทางของห้องไม่เลวเลย
ทั้งสองเดินวนดูรอบห้อง เห็นฉินเยว่และเฉินชางเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอันว่างเปล่า คิดซ้ำๆ ว่าจะตกแต่งห้องในอนาคตนี้อย่างไร ฉินเยว่วางท่าคล้ายกับเป็นเจ้าของห้องไปแล้วด้วยซ้ำ คิดอยากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเล็กๆ ของเธออย่างมีความสุข
ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดว่าเป็นเช่นนี้ช่างดีจริงๆ
……
……
ตอนเที่ยงฉินเสี้ยวหยวนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าว คนทั้งสี่ไปกินข้าวด้วยกัน
อันที่จริงฉินเสี้ยวหยวนพอใจในตัวเฉินชางมาก เพียงแต่…ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล จึงต้องวางมาดบ้าง แต่ขณะนี้เขาดูไม่แตกต่างอะไรจากคนธรรมดา
พูดคุยสนทนา ยิ้มแย้ม คีบอาหาร กินข้าวด้วยกัน
ดูแล้วเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
เฉินชางและฉินเยว่นั่งข้างกัน จี้หรูอวิ๋นและฉินเสี้ยวหยวนนั่งข้างกัน
เมื่อกินข้าวเสร็จ จี้หรูอวิ๋นก็มองฉินเยว่และเฉินชาง พูดยิ้มๆ ว่า “เฮ้อ แก่แล้วจริงๆ ลูกโตขนาดนี้แล้ว!”
ฉินเยว่พองแก้ม พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่คะ แม่ไม่แก่เลย!”
จี้หรูอวิ๋นยิ้มตอบ “ไม่แก่ที่ไหนกันล่ะ ดูสิ มีรอยเต็มหน้าเลย เพราะพ่อของลูกทำให้แม่โมโหนั่นแหละ!”
ฉินเยว่ได้ยินดังนี้ก็รีบปลอบใจ “แม่คะ ใครบ้างไม่มีรอยเหี่ยวย่น! เดี๋ยววันหน้าพวกเราไปทำกันเถอะ”
พูดถึงตรงนี้ฉินเยว่ก็สะกิดเฉินชางเบาๆ “ตอนนี้คุณไปคลินิกศัลยกรรมอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือคะ คุณผ่าตัดลบริ้วรอยอะไรพวกนั้นเป็นหรือเปล่า”
เฉินชางชะงักไปโดยพลัน!
ให้ตายเถอะ!
เข้าใจแล้ว!
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าระบบให้ทักษะภาษาลดริ้วรอยแบบ SMAS มาทำไม!
เตรียมปรนนิบัติแม่ยายนี่เอง!
เฉินชางเข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน ช่วงนี้เขาอ่านข้อมูลจำพวกที่ว่าจะเอาใจแม่ยายอย่างไร อืม ไม่เสียเปล่าจริงๆ ซึมซับลึกไปถึงคลังทักษะของระบบแล้วสินะ
ไม่เลว ไม่เลว!
เฉินชางลังเลเพียงพริบตาเดียวก็กดเลือกกระตุ้น
[การผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยแบบ SMAS ระดับปรมาจารย์ ต้องการเข้าสู่การอบรมพิเศษหรือไม่]
ต้องการ!
เพียงชั่วพริบตาเฉินชางก็มาปรากฏในมิติฝึกฝนแล้ว…
เวลาผ่านไปอีกชั่วพริบตา เมื่อมองใบหน้าของแม่ยาย ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
เฉินชางพบว่าตอนที่รวม [ทักษะการผ่าตัดลบเลือนริ้วรอย] และ [ดวงตาแห่งความงาม] เข้าด้วยกัน ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายมหาศาลเกิดขึ้น!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว!
ครึ่งนาทีผ่านไป เฉินชางก็มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คร่าวๆ แล้ว
ฉินเยว่เห็นเฉินชางจ้องมองใบหน้าของจี้หรูอวิ๋นอยู่นานจึงสะกิดเขาแล้วพูดว่า “คุณจ้องแม่ฉันแล้วเหม่อทำไมคะ พูดอะไรบ้างสิ!”
กระทั่งฉินเสี้ยวหยวนก็อดบ่นในใจไม่ได้ ไอ้หนูนี่คิดจะทำอะไรน่ะ!
จี้หรูอวิ๋นถูกเฉินชางจ้องอยู่นาน แต่เธอกลับสงบนิ่งมาก เธอดูออก ในดวงตาของเฉินชางเต็มไปด้วยความครุ่นคิดพิจารณา มีความเป็นมืออาชีพและสุขุม เหมือนหมอกำลังตรวจคนไข้
พอเธอหันไปมองฉินเสี้ยวหยวนก็ต้องกลอกตาใส่
เฉินชางค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คุณน้าครับ ความจริงรอยย่นบนใบหน้าคุณน้ากำจัดออกได้ทั้งหมดนะครับ เมื่อรวมกับการใช้กรดไฮยาลูรอนแล้วจะทำให้ผิวเต่งตึงอย่างเหมาะสม มีความเปลี่ยนแปลงมากอย่างแน่นอนครับ!”
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ จี้หรูอวิ๋นก็มีสีหน้าดีอกดีใจ “จริงหรือจ๊ะเสี่ยวเฉิน รอยพวกนี้กำจัดได้ด้วยเหรอ”
เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ กำจัดได้ทั้งหมดเลย แล้วก็ไม่เหลือรอยแผลเป็นด้วยครับ ดูเป็นธรรมชาติมาก!”
เฉินชางตรวจดูทักษะในปัจจุบัน
[ทักษะผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยแบบ SMAS: ระดับปรมาจารย์
คุณสมบัติพิเศษ: 1. ไร้รอยแผลเป็น 2. เป็นธรรมชาติ]
คุณสมบัติพิเศษทั้งสองอย่างนี้ยอดเยี่ยมมาก แม้จะดูธรรมดา แต่นำไปใช้งานได้จริง
ลูกค้าที่มาเข้ารับบริการผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าอายุมากแล้ว คนอายุเท่านี้ไม่ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้ามากนัก สิ่งเดียวที่ต้องการก็คือกำจัดริ้วรอย จะให้ดีที่สุดก็ต้องให้คนอื่นมองไม่เห็นริ้วรอยพวกนั้น หลังจากผ่าตัดแล้วก็ต้องดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกว่าผ่านมีดหมอมา
ดังนั้นคุณสมบัติพิเศษของเฉินชางจึงเป็นประโยชน์มาก!
จี้หรูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ใจเต้น “เสี่ยวเฉิน เธอผ่าตัดได้หรือเปล่าจ๊ะ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ ค่อนข้างเชี่ยวชาญเลยละครับ”
เมื่อเฉินชางพูดออกมาเช่นนี้ จี้หรูอวิ๋นก็ดีใจมาก!
สายตาที่ใช้มองเฉินชางก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ