บทที่ 416 รีบตัดสินใจเถอะ!
บทที่ 416 รีบตัดสินใจเถอะ!
ชายวัยกลางคนได้ยินหวังหย่งกล่าวด้วยน้ำเสียงย่ำแย่เช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที!
“ทำไมคุณพูดแบบนี้วะ พูดเหมือนผมตั้งใจทำให้พ่อผมตายอย่างนั้นแหละ คิดว่าทุกคนเป็นหมอเหมือนพวกคุณหรือไง พวกเราจะไปเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงล่ะ”
พี่ใหญ่ของอีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ตะโกนอย่างเดือดดาล “พอแล้ว! ยังขายหน้าคนอื่นไม่พออีกหรือไง”
ชายวัยกลางคนเห็นดังนั้นก็ได้แต่โกรธอยู่เงียบๆ แต่ก็ยังส่งเสียงฮึดฮัดออกมา จากนั้นจึงเดินมุ่งหน้าไปข้างนอกแผนกฉุกเฉิน ปากก็บ่นพึมพำว่า “ช่างแม่ง พวกพี่จัดการไปแล้วกัน ผมไม่ยุ่งแล้ว!”
ลูกคนโตเห็นดังนั้นก็โมโหจนทนไม่ไหว แต่ที่นี่คือโรงพยาบาล พูดตอบโต้กันไปอีกก็รังแต่จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ
คิดถึงตรงนี้เขาก็ถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปข้างกายเฉินชางและหวังหย่ง “เฮ้อ…หมอครับ ขอโทษด้วยนะครับ! สร้างความลำบากให้พวกคุณแล้ว”
ชายคนนี้แต่งตัวดูดีและประณีต ท่าทางมีมารยาทมาก
หวังหย่งเห็นอีกฝ่ายปฏิบัติกับตนดีเช่นนี้จึงคลายความโกรธลงได้บ้าง กล่าวเพียงว่า “ไม่เป็นไรครับ”
เจ้าใหญ่พูดกับเฉินชางว่า “จริงสิ พ่อผมอาการสาหัสขนาดนั้นเลยเหรอครับหมอ”
เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ ดูจากผลการตรวจต่างๆ แล้ว ตอนนี้จะต้องจัดการกับสภาพร่างกายเสียก่อนแล้วค่อยกำหนดเวลาผ่าตัดที่เหมาะสมภายหลัง”
กล่าวจบก็มองไปที่หวังหย่ง “คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปดูผู้ป่วยเอง”
เจ้าใหญ่เห็นดังนั้นก็รีบเดินตามเฉินชางไปที่ห้องผู้ป่วยทันที
ตอนนี้อารมณ์ของหวังหย่งยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นัก เฉินชางอยากให้เขาไปพักสักครู่เพื่อสงบอารมณ์
หวังหย่งพยักหน้า จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องพักหมอ
เฉินชางเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย มองไปยังชายชราที่นอนอยู่บนเตียง เขามีรูปร่างสูงใหญ่จนเตียงผู้ป่วยดูเล็กลงไปถนัดตา!
จากการประเมินของเฉินชาง ผู้ป่วยชายคงหนักประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโลกรัม สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร ถึงจะอายุแปดสิบกว่าปีแล้วก็ยังรักษารูปร่างเช่นนี้เอาไว้ได้ เพียงแต่ดูอ้วนเท่านั้น
แม้จะนอนอยู่บนเตียงก็ยังเห็นท้องนูนออกมาชัดเจน
หวังหย่งค่อนข้างใส่ใจเลยทีเดียว เขาถึงกลับใช้เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับผู้ป่วยด้วย แต่ว่า…สภาพของผู้ป่วยยังดูแย่อยู่เล็กน้อย
ชายคนเมื่อครู่ไม่ดูแลผู้ป่วยเลยสักนิด ใช้บริการคนดูแลของโรงพยาบาล ซึ่งเฉินชางก็รู้จักดี เธอเป็นคุณป้าอายุห้าสิบต้นๆ มักรับงานดูแลผู้ป่วยที่แผนกฉุกเฉินอยู่บ่อยๆ มีพวกเธออยู่ ทำให้วางใจยิ่งกว่าญาติผู้ป่วยดูแลเองเสียอีก
เฉินชางพูดขึ้นว่า “ป้าครับ ขอใบเอกซเรย์ให้ผมหน่อยครับ”
พนักงานดูแลพยักหน้า หยิบเอกสารการตรวจร่างกายทั้งหมดที่อยู่ตรงหัวเตียงออกมาให้เฉินชางอ่าน
ทางด้านหวังหย่งเมื่อกลับมาถึงห้องหมอแล้วก็พยายามสงบใจ อารมณ์เดือดดาลคลายลงมากแล้ว เขานั่งลงบนเก้าอี้ แต่ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกไม่สบายใจ ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นผู้ป่วยของเขา อีกฝ่ายอายุมากแล้ว ความจริงหากเป็นโรงพยาบาลทั่วไปคงไม่ยอมรับตัว
ญาติผู้ป่วย…ก็ส่วนญาติผู้ป่วย ตัวชายชราเป็นผู้บริสุทธิ์
เขาคิดวนเวียนอยู่เช่นนี้หลายนาที สุดท้ายโทสะทั้งหมดก็นับว่าสลายไปแล้ว
พอหายโกรธแล้วหวังหย่งก็นั่งไม่ติดที่ ผู้ป่วยคนนั้นเขารับเข้ามาด้วยตัวเอง อาการยังไม่เสถียร
พอคิดถึงตรงนี้ก็ปลอบใจตัวเองครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นเดินไปที่ห้องผู้ป่วย อันที่จริงคนเป็นหมอจะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาได้ง่าย
ตอนที่หวังหย่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เฉินชางก็อ่านใบเอกซเรย์และตรวจร่างกายผู้ป่วยอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว แต่…ยิ่งเข้าใจสภาพร่างกายของผู้ป่วยมากเท่าไหร่ เฉินชางก็ยิ่งไม่สบายใจ!
ดูเหมือนอาการจะสาหัสกว่าที่คิดไว้
ลูกชายคนโตของผู้ป่วยเห็นท่าทีของเฉินชางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ต่งเฉียงเซิงอดถามไม่ได้ว่า “หมอครับ เป็นไงบ้างครับ”
เฉินชางมองชายชรา พูดขึ้นว่า “สภาพอาการของผู้ป่วยค่อนข้างพิเศษ เหมือนกับที่หมอหวังบอกเลยครับ อาการถุงน้ำดีอักเสบของผู้ป่วยกำเริบมานานกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมงแล้ว ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรง อยู่ในสภาพแย่มาก ทนรับการผ่าตัดถุงน้ำดีอักเสบไม่ไหวแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่ผมกังวลที่สุดก็คือผู้ป่วยอาจช็อกได้ทุกเมื่อ”
“ดูจากสภาพอากาศในตอนนี้แล้ว ใช้การรักษาทางอายุรศาสตร์จะให้ผลธรรมดา หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน”
ต่งเฉียงเซิงผู้เป็นลูกชายคนโตขมวดคิ้วโดยพลัน เจ้าใหญ่กับเจ้าสามมองไปที่พ่อของตนด้วยความเป็นห่วงและกังวล
ต่งเฉียงเซิงอดพูดไม่ได้ว่า “หมอครับ คุณว่าตอนนี้ควรทำยังไงดีครับ”
อันที่จริงเฉินชางคิดว่าเสี่ยงผ่าตัดไปก็ได้ เพราะหากปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไปเช่นนี้จะต้องเกิดปัญหาแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยเลย
แต่เฉินชางกล้ารับประกันหรือไม่ว่าการผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ
ก็ไม่!
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม เขามองไปที่ต่งเฉียงเซิง พูดขึ้นว่า “แบบนี้แล้วกันครับ พวกคุณพักกันก่อนสักครู่ เดี๋ยวผมจะรีบปรึกษาเรื่องนี้กับหัวหน้าแผนกของพวกเรา จะรีบจัดทีมเพื่อหารือเกี่ยวกับอาการป่วย ให้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแผนกมาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยด้วยกันเพื่อตัดสินใจออกมาให้เร็วที่สุด แบบนี้ดีไหมครับ”
ต่งเฉียงเซิงเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้ารับ “ได้ครับ! รบกวนด้วยนะครับคุณหมอ!”
เฉินชางพยักหน้าแล้วจึงเดินเคียงคู่หวังหย่งกลับไปที่ห้องพักหมอ
หลังจากเดินออกมาแล้วเฉินชางก็ต่อสายหาหลี่เป่าซานแล้วเล่าสภาพอาการของผู้ป่วยให้ฟังทันที
หลี่เป่าซานเพิ่งผ่าตัดเสร็จ หลังจากรู้เรื่องนี้แล้วก็รีบกลับมาที่แผนกฉุกเฉิน ติดต่อไปหาจางโหย่วฝูและหัวหน้าแผนกอายุรกรรมโลหิตวิทยา
ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว หลี่เป่าซานกลับมาที่แผนกฉุกเฉินอย่างเร่งร้อน ไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า พอมาถึงก็ตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยเลย
พอตรวจอาการผู้ป่วยเสร็จ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
สภาพอาการค่อนข้างพิเศษ! ด้วยเหตุนี้จึงต่อสายหาหัวหน้าแผนกแต่ละคนเพื่อเร่งรัดอีกครั้ง จะได้รีบหารือและตัดสินใจร่วมกัน
เที่ยงครึ่ง จางโหย่วฝู หลี่เป่าซานและศัลยแพทย์คนอื่นๆ ก็มารวมตัวกันที่ห้องหมอ เริ่มหารือเกี่ยวกับเคสนี้
สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือจะใช้วิธีการรักษาทางอายุรกรรมเพื่อประคองและรักษาอาการต่อไป หรือจะจัดแจงเรื่องการผ่าตัดให้เร็วที่สุด
หากจะผ่าตัดก็ยากมาก! แล้วจะผ่าตัดอย่างไร! นี่เป็นปัญหาทั้งนั้น
สภาพของผู้ป่วยค่อนข้างพิเศษ ระดับความยากในการผ่าตัดสูงมาก คาดว่าภาวะพังผืดภายในช่องท้องของผู้ป่วยจะต้องรุนแรงเป็นอย่างยิ่งแน่นอน หากจะตัดถุงน้ำดีออกไปก็ทำไม่ได้แน่ หาพูดให้ฟังดูแย่สักหน่อยก็คือ ตอนนี้อวัยวะรอบๆ ถุงน้ำดีก็เหมือนกับเน่าไปแล้ว หากจับแยกจะต้องทำให้ตับเสียหายแน่นอน และอาจส่งผลไปถึงระบบหลอดเลือดด้วยซ้ำ อีกทั้งอวัยวะภายในช่องท้องส่วนใหญ่ก็ติดเชื้อรุนแรง หากโชคไม่ดีคงอันตรายถึงชีวิต
ทุกคนไม่สนใจกินข้าวแล้ว จางโหย่วฝูโทรเรียกเฉียนเลี่ยงเข้ามาด้วย
ข้อดีที่โรงพยาบาลตงต้าอยู่ใกล้โรงพยาบาลอันดับสองถูกแสดงออกมาในตอนนี้เอง เฉียนเลี่ยงเพิ่งกินข้าวเสร็จก็รีบนั่งรถมาทันที
เมื่อมาถึงและได้รับรู้สภาพอาการของผู้ป่วยแล้วเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง ตัดสินใจลำบากเช่นกัน!
“ผู้ป่วยอ้วนเกินไป มีชั้นไขมันหนา ภายในช่องท้องก็มีภาวะพังผืดรุนแรง หากผ่าตัดจะต้องเกิดปัญหาแน่นอน” เฉียนเลี่ยงไม่ได้อวดเก่ง เลือกที่จะพูดตามความเป็นจริง “ตอนนี้คงบอกได้แค่ว่าจะลองผ่าตัดถุงน้ำดีอักเสบดูก็ได้ แต่…คงมีปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ อาจจะหาถุงน้ำดีไม่เจอ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เ ฉียนเลี่ยงก็มองครอบครัวผู้ป่วยซึ่งก็คือต่งเฉียงเซิงผู้เป็นลูกชายคนโตของผู้ป่วย เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ต้องให้พวกคุณตัดสินใจแล้วครับว่าจะผ่าตัดหรือไม่ ถ้าจะผ่าตัดอาจจะมีความเสี่ยงสูงมาก แต่จะบรรเทาอาการได้ดี หากเลือกไม่ผ่าตัด ร่างกายของผู้ป่วยจะแย่ลงเรื่อยๆ อาการของผู้ป่วยก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ!”
“หากพูดให้ฟังดูแย่สักหน่อยก็คือ พวกคุณชักช้าจนเลยช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการรักษาไปแล้ว แถมยังทำให้ผู้ป่วยมีภาวะการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาอีก ดังนั้น…รีบตัดสินใจเถอะครับ!”