เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 439 ความแตกต่างระหว่างนอนมากับนอนกันมา!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 439 ความแตกต่างระหว่างนอนมากับนอนกันมา!

สวีตงตงรู้สึกเหมือนตัวเองกับเฉินชางอยู่กันคนละมิติ!

ใช่แล้ว! เป็นแบบนั้นเลย

ที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่าความแตกต่างระหว่างคนสองคนคงไม่มากมายขนาดนั้น อย่างน้อยควรพูดว่าแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันไป เฉินชางมีความสามารถทางด้านงานคลินิกสูงมาก นี่อาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ด้านงานคลินิกที่ยาวนานของเขา อย่างน้อยเขาก็ได้สั่งสมประสบการณ์จริงมามากมาย!

แต่! สวีตงตงที่เรียนปริญญาโทมาสามปีคิดว่า ถึงความสามารถทางด้านงานคลินิกของตนจะยังไม่ดีพอ แต่ความสามารถทางด้านการวิจัยก็ยังไหวอยู่! นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้รับเงินค่าตั้งตัวสองแสนจากอำเภอหลัน

ปัจจุบันนี้ความสามารถทางด้านงานวิจัยก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะใช้ในการคัดเลือกและประเมินตำแหน่งของบุคลากรทางการแพทย์ หากมีหมอที่คิดหัวข้องานวิจัย หรือเผยแพร่บทความทางการแพทย์ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

แต่…เพราะสวีตงตงเข้าใจเรื่องการวิจัยเป็นอย่างดี จึงทราบดีว่าการที่เฉินชางได้รับวารสารการปลูกถ่ายตับมาเช่นนี้มันหมายถึงอะไร!

อยู่ในตงหยางที่มีค่าวิทยาศาสตร์ดัชนีการอ้างอิง (SCI) ต่ำจนทำอะไรไม่ได้ แต่กลับได้ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับ นี่หมายความว่าสุดยอดสุดๆ!

อาจารย์เฉินเก่งขนาดนี้เลยหรือ!

เขา…คืออาจารย์เฉินที่พวกแพทย์ฝึกงานเอาไปคุยสนุกปากว่าด้อยกว่านักศึกษาปริญญาโทอย่างนั้นหรือ

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเคยเรียนระดับปริญญาโทมาแล้วเลย ต่อให้เรียนผ่านระดับปริญญาเอกมา แล้วมันอย่างไรล่ะ แน่จริงก็ลองตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับให้ได้สิ!

ว่ากันตามตรง เพียงแค่ผลงานกับวารสารการปลูกถ่ายตับก็มากเพียงพอที่จะเรียนจนจบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยทุนการศึกษาเต็มจำนวนแล้ว

มีคุณค่าถึงขนาดนี้จริงๆ

สวีตงตงตะลึงพรึงเพลิด จากนั้นก็ทอดถอนใจออกมา “อาจารย์เฉิน คุณเก่งจริงๆ เลยครับ! ได้ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับด้วย! อาจารย์ที่ปรึกษาของผมฝันอยากจะมีวิทยานิพนธ์ที่ได้ตีพิมพ์กับวารสารระดับนี้มานานแล้ว คุณเก่งเกินไปแล้ว!”

สวีตงตงพูดจากใจจริง ตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ฉงชิ่ง อาจารย์ของเขาก็อยากตีพิมพ์วิทยานิพนธ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับมาโดยตลอด แต่มันยากเกินไป ดังนั้นนี่จึงทำให้เขาเซอร์ไพรส์อย่างแท้จริง!

คิดแล้วสวีตงตงก็มีสีหน้ากระตือรือร้น “อาจารย์เฉิน ผมขอจับหน่อยได้ไหมครับ อยากสัมผัสบรรยากาศของนักเรียนเทพสักหน่อย”

เฉินชางถูกสวีตงตงหยอกจนหัวเราะออกมา “จับดีๆ นะครับ รีบแย่งรัศมีของตีพิมพ์ฉบับแรกไปให้ได้ล่ะ”

สวีตงตงหัวเราะออกมา จากนั้นก็ถ่ายรูปเอาไว้หลายรูป ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นวารสารการปลูกถ่ายตับฉบับจริง ในอนาคตก็เอาไปคุยโวได้แล้ว

ถึงเวลาเลิกงาน ผู้คนน้อยลง แม้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของหมอ ทว่าแพทย์ฝึกงานก็แยกย้ายกันไปแล้ว

เวลานี้ยังไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่นัก เฉินชางถ่ายเอกสารหน้าปกของวารสารการปลูกถ่ายตับ สารบัญ และบทคัดย่อออกมาสี่ห้าชุดเพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานสำหรับการพิสูจน์คุณสมบัติการคัดเลือกตำแหน่งในภายหลัง จากนั้นก็ส่งให้ฉินเยว่ เฉินปิ่งเซิงและหลี่เป่าซานคนละหนึ่งชุด

ทั้งสามถือเป็นผู้ร่วมเขียน มีส่วนร่วมมาก ล้วนนำไปประเมินตำแหน่งงานได้

ตอนนี้เฉินปิ่งเซิงกำลังนั่งหักนิ้วอยู่ เมื่อเห็นว่าวารสารมาถึงแล้วดวงตาก็เป็นประกาย หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ จากนั้นก็พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนตาหยี “มีวิทยานิพนธ์นี้อยู่ ไม่แน่ว่าครั้งนี้ผมอาจได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเลยก็ได้ ถึงตอนนั้นผมจะช่วยดันคุณก็แล้วกัน”

เฉินชางยิ้ม “ไม่แน่ว่าผมก็อาจได้เป็นด้วยนะครับ! ถึงตอนนั้นพวกเราก็เท่าเทียมกันแล้ว ฮ่าๆ…”

เฉินปิ่งเซิงได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงเย็นออกมา “เท่าเทียมกันอะไร”

เฉินชางรีบก้าวหลบไปสองก้าว “โห่ คุณแอบอ้างอำนาจคนอื่น!”

นี่ทำเอาทุกคนที่อยู่ในห้องหัวเราะครืน

เฉินใหญ่เฉินน้อยคู่นี้เป็นชีวิตชีวาของแผนกจริงๆ

ทุกคนมองเหล่าเฉินด้วยความริษยา จางซูซึ่งเป็นหมอฝ่ายอายุรกรรมประจำแผนกฉุกเฉินกล่าวด้วยความอิจฉาว่า “เฉินปิ่งเซิง นี่เรียกว่าคุณนอนมาเลยนะคะ! คุณยังมีความดีใจ ความฝันและความทะเยอทะยานอยู่หรือเปล่า”

เฉินปิ่งเซิงไม่สนใจ หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “จะนอนมาหรืออะไรมาแค่สำเร็จก็พอแล้วครับ! อีกอย่าง แบบผมเรียกว่านอนมาที่ไหนล่ะครับ พี่จาง แบบคุณสิถึงเรียกว่า ‘นอน’ มาจริงๆ เหล่าเหยียนใกล้จะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้วไม่ใช่หรือ ต่อไปคุณก็จะได้ร่วม ‘นอน‘ อาศัยบารมีไปกับเหล่าเหยียนแล้ว อิจฉาจริง!”

พวกผู้ใหญ่อย่างเฉินปิ่งเซิงเข้าใจมุกนี้ดี ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ!

แต่ละคนมองจางซูด้วยสายตาหยอกล้อ ทำเอาเธอหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานก็ปล่อยวางได้ ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ถึงไม่สนใจเรื่องพวกนี้

“เหล่าเฉิน ผิวหน้าคุณนี่มันหนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ!”

ทุกคนพากันหัวเราะ

คู่สามีภรรยาที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกันถูกล้อได้ง่ายมาก โดยเฉพาะจางซูและสามีที่เป็นเหมือนดอกไม้ผลิบานของโรงพยาบาล ทั้งสองอายุสี่สิบกว่าแล้ว เป็นรองหัวหน้าแผนกทั้งคู่ อีกไม่นานหัวหน้าแผนกของแผนกอายุรกรรมต่อมไร้ท่อก็จะเกษียณแล้ว เหยียนตงเสวี่ยที่เป็นรองหัวหน้าแผนกก็จะได้ขึ้นแทน นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เหยียนตงเสวี่ยมักจะมาที่แผนกฉุกเฉินอยู่บ่อยๆ ตอนรักษาร่วมก็ให้ความร่วมมือดี ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับแผนกฉุกเฉินดีถึงขั้นที่ถูกเรียกว่าเป็นลูกเขยและพี่เขยของแผนกฉุกเฉินเลยทีเดียว!

ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นทุกคนกำลังหัวเราะเฮฮากันอยู่ก็กล่าวเสียงขรึมว่า “มีเรื่องน่าดีใจอะไรเหรอครับ ถึงได้มีความสุขกันขนาดนี้ ที่นี่คือโรงพยาบาลนะครับ รักษาภาพลักษณ์กันหน่อย ถ้าผู้ป่วยได้ยินขึ้นมาจะคิดยังไง!”

ทุกคนยิ้มกระอักกระอ่วน แม้หลี่เป่าซานจะมีนิสัยเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น มิฉะนั้นฉายาหลี่หน้าดำคงไม่โด่งดังขนาดนี้หรอก!

ตอนนี้เอง เฉินชางก็ส่งเอกสารในมือไปให้หลี่เป่าซานพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้าครับ วารสารการปลูกถ่ายตับมาแล้ว คุณเอาไปเชยชมได้เลยนะครับ!”

หลี่เป่าซานชะงักไป จากนั้นค่อยมีสีหน้าดีอกดีใจ นี่เป็นข่าวดี เขารีบรับเอกสารมาแล้วดูอย่างละเอียด “ฮ่าๆ ไม่เลวๆ ทุกคนยินดีกันไปนะครับ เลิกงานให้เร็วหน่อยแล้วกัน ผมไปก่อนนะครับ!”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่พอเห็นหัวหน้าแผนกเดินจากไปด้วยท่าทางมีความสุขขนาดนั้น เสียงหัวเราะเฮฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง

……

……

หลี่เป่าซานแอบดีใจอยู่ลึกๆ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวิทยานิพนธ์ที่มีอิทธิพลมาก!

พอคิดถึงตอนที่พวกเพื่อนเก่าอย่างหวังเซี่ยงจวินมองดูวิทยานิพนธ์ของตนด้วยท่าทางอิจฉาและแสดงสีหน้าริษยาออกมาแล้ว ความรู้สึกนี้คงทำให้เขาสบายไปทั้งตัว!

คิดแล้วหลี่เป่าซานก็ตัดสินใจอัพลงไทม์ไลน์เพื่อนก่อน ให้เพื่อนๆ ร่วมดีใจด้วยกัน!

พอเกิดความคิดเช่นนี้ในใจ เขาก็รู้สึกว่าไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกแล้ว หลี่เป่าซานรีบเดินกลับไปที่ห้องของหัวหน้าแผนกแล้วปิดประตูให้สนิท จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปไปหลายรูป จากนั้นก็อัปรูปพร้อมข้อความว่า “ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยของคนหนุ่มสาวจริงๆ พวกเราแก่กันแล้วละ!”

แต่ในรูปกลับปรากฏชื่อหลี่เป่าซานในส่วนผู้เขียนร่วมอันดับหนึ่งอย่างสะดุดตาเป็นพิเศษ!

จริงดังคาด เพิ่งอัปลงไป กลุ่มเพื่อนก็เกิดโกลาหลขึ้นมาทันที มีคำชมเข้ามานับไม่ถ้วน!

ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หลี่เป่าซานคาดหวังที่สุด

ขณะเดียวกัน จางโหย่วฝูเพิ่งเห็นสิ่งที่หลี่เป่าซานอัปลงกลุ่มเพื่อน ถึงกับสบถอย่างอิจฉาว่า “ฮึ่ม อิจฉาจะตายแล้วโว้ย!”

ภรรยาของจางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “โหย่วฝู เป็นอะไรไปคะ”

จางโหย่วฝูทอดถอนใจ “เฮ้อ…เสี่ยวเฉินคนนั้นน่ะ เฉินชางได้ตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับ ผู้เขียนร่วมอันดับหนึ่งมีชื่อหลี่เป่าซานอยู่ด้วย ตอนนี้เอาไปอวดในกลุ่มเพื่อนแล้ว!”

ภรรยาได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ “อ้อ นี่เป็นเรื่องดีเลยนะคะ เป็นเรื่องดีของโรงพยาบาลพวกเราเลย เดี๋ยววันจันทร์ฉันจะโทรบอกให้เสี่ยเฉินมารับรางวัลสักหน่อย โรงพยาบาลของพวกเราได้ตีพิมพ์กับวารสารแบบนี้คงได้เงินสักสองหมื่นหยวน!”

จางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นก็ยิ่งอิจฉา!

นี่เป็นค่าเนื้อค่าเหล้าได้หลายมื้อเลย…

ตอนนี้เอง พวกคนใหญ่คนโตอีกสามคนที่ทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเมืองอันหยางได้รับข่าวนี้ก็หนังตากระตุก หลี่เป่าซานคนนี้นี่ รู้จักขี้อวดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!

หวังเซี่ยงจวินเห็นชื่อของหลี่เป่าซานบนบทความก็รู้สึกเหมือนถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก คิดไปคิดมาก็ยิ่งไม่พอใจ!

ในเมื่อเพื่อนเก่าส่งข่าวดีมาให้ก็ต้องชื่นชมสักหน่อย แต่จะให้ชมหลี่หน้าดำคนนั้นเขาก็ไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้จึงตอบกลับไปแค่ว่า “ยินดีด้วย!”

คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน แค่พิมพ์คำว่ายินดีด้วยลงไปเท่านั้น

หลี่เป่าซานเห็นคำยินดีของพวกหวังเซี่ยงจวินก็ยิ้มออกมาราวกับดอกไม้บาน!

ไม่เลวๆ ความรู้สึกของการโอ้อวดมันดีอย่างนี้นี่เอง

ฮ่าๆๆๆๆ….

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท